ตอนที่ 1228 นอนหลับสักครู่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อมู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตนเองถูกของหนักบางอย่างทับจนหายใจไม่ออก

เพราะกลอุบายของจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีที่นอนหลับไปทำให้พลังจิตฟื้นฟูกลับมาเกินครึ่ง เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นร่างใหญ่ที่ทับอยู่บนร่างของนางนั้น นางก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“เจ้าตื่นแล้วเหรอ!” จิ่วเยี่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งดุจดั่งสัตว์ร้ายที่พร้อมจะพุ่งออกมาจากกรงก็มิปาน

มู่เฉียนซีอยากจะหลับตาแสร้งทำเป็นยังไม่ตื่น แต่นางไม่สามารถหลอกคนอย่างจิ่วเยี่ยได้เลย

“อือ!” ริมฝีปากของมู่เฉียนซีถูกริมฝีปากของจิ่วเยี่ยกดทับและกัดเซาะอย่างท่วมท้น

จิ่วเยี่ยที่อดทนมาทั้งคืน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นานมากกว่าจิ่วเยี่ยจะปล่อยมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความตกใจว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าไม่ได้ยับยั้งเอาไว้เหรอ”

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำว่า “ยับยั้งแล้ว แต่ว่าข้าคิดถึงเจ้า…”

“ข้าคิดถึงเจ้ามาก ซี ค่อย ๆ รับรู้ความรู้สึกนี้ของข้านะ!”

“ขะ ข้าไม่…”

เสื้อผ้าถูกกระชากออก ภายในชั่วครู่มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถพูดออกมาเป็นประโยคได้แล้ว

แววตาของจิ่วเยี่ยลุกโชนขึ้น เขาคิดเรื่องนี้อยู่หลายครั้งมาทั้งคืน ตอนนี้ได้ลงมือแล้ว แน่นอนว่าเขาเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายผู้หิวโหยตัวหนึ่งที่กำลังกลืนกินอาหารอันโอชะจานนี้อย่างเพลิดเพลิน

เมื่อปล่อยตัวครั้งหนึ่ง กลับทำให้จิ่วเยี่ยยิ่งละโมบโลภมากขึ้น

มู่เฉียนซีหายใจอย่างกระหืดกระหอบพลางกล่าว “เจ้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม?”

มู่เฉียนซีแสดงความฉงนสงสัยออกมา!

“หากซีปฏิเสธข้า ข้าก็คงจะเป็นขึ้นจริง ๆ!”

“เจ้า…”

เขากระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสาน มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่ถลึงตามองเขาเท่านั้น

จนกระทั่งมู่เฉียนซีหมดแรงแล้วจริง ๆ จิ่วเยี่ยถึงจะยอมปล่อย เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าอยากจะพาเจ้าไปที่แดนนรกในตอนนี้จริง ๆ”

พิฆาตวิญญาณอยู่ในดินแดนสี่ทิศ เขาสามารถโผล่ออกมาลงมือกับซีได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่าจะมีสุ่ยจิงอิ๋งเป็นตัวกลางในการสื่อสาร และพาเขามาอยู่ข้างกายซีได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี!

คู่ต่อสู้ของเขา ก็คือพิฆาตวิญญาณ จิตวิญญาณของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ผู้กระหายเลือดและโหดร้ายผู้นั้น

“พลังของข้าสามารถเอาตัวรอดได้ในดินแดนสี่ทิศ หากไปอยู่ที่แดนนรกกับเจ้า เกรงว่าเจ้าต้องปกป้องข้าอยู่ตลอดเวลาน่ะสิ! ตอนนี้คำสาปของเจ้าก็ยังไม่ได้แก้ หากเจ้าพาข้าไปแดนนรก ข้าคงมีแต่จะทำให้เจ้าลำบากเปล่า ๆ”

“แต่ข้าไม่วางใจ!”

“หวงจิ่วเยี่ย นี่เจ้ากำลังดูถูกข้าเหรอ?” จิ่วเยี่ยเอาแต่พูดว่าไม่วางใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงทำให้สุ่ยจิงอิ๋งโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “มีผู้พิทักษ์นิรันดร์อย่างสุ่ยจิงอิ๋งอยู่กับข้า ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้พิฆาตวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังของมันก็ฟื้นฟูได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น คงจะไม่โผล่ออกมาเล่นงานข้าเร็วเช่นนั้นหรอก แต่หากมันโผล่มาละก็ ข้าจะเรียกเจ้ามาหาข้าเป็นคนแรกเลย”

หลังจากที่ได้เผชิญหน้าสู้รบกับพิฆาตวิญญาณตัวต่อตัวครั้งแรกแล้ว ต่อจากนี้ไปนางไม่มีทางประมาทเด็ดขาด หากถูกเขาควบคุมจนกลายเป็นปีศาจคลั่งกระหายเลือดจริง ๆ คาดว่าคงยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

สถานการณ์ในแดนนรกจิ่วเยี่ยย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการให้ซีอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้

เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น และกล่าวเสียงต่ำว่า “ซีนอนเป็นเพื่อนข้าอีกสักคืนนะ”

ยามราตรีอันเงียบสงัดจนกระทั่งถึงยามรุ่งอรุณ ดวงตาคู่นั้นของจิ่วเยี่ยลืมขึ้นอย่างช้า ๆ

ลำแสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มร่างของจิ่วเยี่ยเอาไว้และส่งเขากลับไป ถึงแม้ว่าจะยับยั้งแล้ว แต่กลับไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ ต้องไปในสถานที่ที่เงียบสงัดทำให้ตัวเองสงบจิตสงบใจถึงจะยับยั้งคำสาปได้

ทันทีที่จิ่วเยี่ยกลับไป มู่เฉียนซีก็ลืมตาขึ้นมาทันที นางรู้ว่าจิ่วเยี่ยจะไปแล้ว

จิ่วเยี่ยกลับไปอย่างไร้ซึ่งสุ้มเสียงเขาไม่อยากบอกลา นางก็เช่นกัน

นางกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เขาไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?”

“เมื่อพบความรัก หัวใจก็ปั่นป่วน เมื่อพบคนรัก จิตใจก็ว้าวุ่น ขอเพียงแค่เขาสงบจิตสงบใจลง ช่องโหว่ของผนึกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้” สุ่ยจิงอิ๋งตอบ

“เช่นนั้นก็ดี!”

แต่สถานการณ์ของจิ่วเยี่ยนั้น นางไม่วางใจจะให้เขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพิฆาตวิญญาณเลย

ครั้งนี้ทำให้ผนึกคำสาปนั้นเกิดช่องโหว่ช่องเล็ก ๆ ขึ้น แล้วหากครั้งต่อไปเกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ขึ้นมาล่ะจะทำเช่นไร

มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง เราไม่มีวิธีที่จะรับมือกับพิฆาตวิญญาณได้เลยเหรอ?”

“มังกรเพลิงฟื้นฟูพลังได้เร็ว บวกกับอาถิง มังกรเพลิงและนิรันดร์ด้วยแล้ว ก็ใช่ว่าจะต้านทานไม่ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายไปกับการบังคับให้พวกเขาตื่นขึ้นมานั้นมันยิ่งใหญ่มาก!”

มู่เฉียนซีกล่าว “หากไม่คุ้มค่าจริง ๆ ข้าก็ไม่อยากจะเสี่ยง หากเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นรักษาอาการบาดเจ็บนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ขออย่าให้โผล่ออกมาเร็วนักเลย”

เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว มู่เฉียนซีก็หลับต่อไม่ได้แล้ว

ต้องฝึกบำเพ็ญ ฟื้นฟูพลังกลับมาให้เร็วที่สุด

เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น มู่เฉียนซีก็ออกไปสืบข่าวทันที

การปรากฏตัวของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทำให้ทั่วทั้งแดนตะวันออกวุ่นวายขึ้น ถูกพิฆาตวิญญาณไล่ตามฆ่า ไม่อาจสนใจเรื่องอื่นได้ แต่ตอนนี้สงบลงแล้ว นางต้องรู้สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในตอนนี้ให้ได้

โรงน้ำชาที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด หลาย ๆ คนกำลังพูดคุยถกเถียงเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กันอยู่

“เรื่องภูเขาไฟระเบิดเมื่อไม่นานมานี้ พวกเจ้ารู้เรื่องกันแล้วใช่ไหม!”

“ทำไมพวกข้าจะไม่รู้ล่ะ นั่นมันเป็นการปรากฏตัวของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เชียวนะ! พวกกองกำลังที่มีกำลังสู้รบต่างก็แห่กันไปที่นั่นหมด! แต่ข้าได้ยินมาว่าคนที่เอาชีวิตรอดกลับมามีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นนะ”

“แหม ๆ พวกเจ้าก็รู้แค่ผ่าน ๆ เท่านั้น ข้าเนี่ย ได้รู้ข่าวจริงมาแล้ว การปรากฏของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั่น มันไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จริง ๆ แต่ความจริงแล้วมันเป็นกระบี่วิญญาณชั่วร้าย ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นเข่นฆ่ากันจนเลือดไหลเป็นสายธารเลยล่ะ”

“ห๊ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้!” ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ

“สุดท้ายนะ นึกไม่ถึงเลยว่าอัจฉริยะของหอหมอปีศาจผู้นั้นจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เล่มจริงออกมา นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะอยู่ในมือของสาวน้อยผู้นั้น!”

“ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่ากระบี่อยู่ที่สาวน้อยผู้นั้น เกรงว่า…”

“คงจะไม่เป็นเช่นนั้นหรอกกระมัง! หากไม่ใช่เพราะนางช่วยเอาไว้ ทุกคนล้วนแต่ถูกกระบี่ชั่วร้ายนั่นฆ่าตายกันไปหมดแล้ว หรือว่าคนพวกนั้นจะลืมบุญคุณเหรอ?”

“ภายใต้การยั่วยวนอย่างน่าหลงใหลของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์แล้ว บุญคุณเพียงเล็กน้อยแค่นั้นจะไปนับอะไรกันล่ะ ตอนนี้คนเหล่านั้นต่างก็แห่กันตามหาตัวมู่เฉียนซีกันทั่วแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่านางไปอยู่ที่ไหน พวกเขาก็เลยพุ่งเป้าไปที่หอหมอปีศาจ”

“หอหมอปีศาจ ใครมันกล้าแตะต้องหอหมอปีศาจกันล่ะ!”

“กองกำลังเล็ก ๆ ไม่กล้าแตะต้องแน่นอน แต่กองกำลังระดับสองเหล่านั้น แถมยังมีตำหนักตงจี๋อีก ทำไมพวกเขาจะไม่กล้าล่ะ”

เมื่อได้ยินการสนทนาของคนเหล่านี้แล้ว มู่เฉียนซีก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที!

หลังจากที่นางออกมา คนเหล่านั้นต่างก็ออกมาจากเมืองเหยียน แต่เมื่อหานางกับคนของนางไม่เจอ แน่นอนว่าพวกเขาต้องลงมือกับฐานที่มั่นของนาง บัดซบ!

นางต้องกลับไป!

หลังจากที่มู่เฉียนซีปลอมตัวเสร็จแล้ว นางก็เดินทางออกไปจากเมืองเล็ก ๆ เมืองนี้ มุ่งหน้าไปเมืองตงจี๋

ยิ่งเข้าใกล้เมืองตงจี๋มากเท่าไหร่ มู่เฉียนซีก็ยิ่งได้ข่าวแย่มากลงเท่านั้น

และหลังจากที่เข้าเมืองตงจี๋มาแล้ว นางได้เห็นแผ่นประกาศที่ติดอยู่กลางเมือง แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของนางคราหนึ่ง บนแผ่นประกาศนี้เขียนเอาไว้ว่า

‘มู่เฉียนซี ตอนนี้ท่านหัวหน้านักปรุงยาจวินโม่ซีกับรองหัวหน้าโม่จิ่นแห่งหอหมอปีศาจมาเป็นแขกอยู่ที่ตำหนักตงจี๋ หากเจ้าไม่อยากให้พวกเขาต้องจบชีวิตลง นำกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาแลกกับพวกเขาเสียเถอะ!’

ใต้ข้อความเหล่านี้มีตราประทับอยู่ และเป็นตราประทับของไป๋อู๋ห่าย หัวหน้าตำหนักตงจี๋

มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น “ไป๋อู๋ห่าย!”

หอหมอปีศาจของนางมีพิษมากมายหลายชนิดและกลไกวิญญาณเป็นปราการป้องกันอยู่ ต่อให้ไป๋อู๋ห่ายแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่สามารถจับคนของนางเป็นตัวประกันได้ เกรงว่าพวกมันต้องมีคนที่ช่วยอยู่เบื้องหลังแน่!

หมิงจี และคนชุดขาวที่ปรากฏตัวออกมาในวันนั้น!