ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 851 กลับตะวันออกเฉียงใต้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อมีหลิวเจิงกู่นำทาง พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงข้ามเขตสุราลัยบูรพา กลับถึงเขตตะวันอาคเนย์อย่างรวดเร็ว

หลิวเจิงกู่มุ่งหน้าไปยังเขาโถงทอง หลังมาถึงเขตตะวันอาคเนย์ จึงแวะพบกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี่ย

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายมีความคิดบางอย่าง

เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ “ดูเหมือนในตอนที่พวกเราพบประมุขบูรพาในครั้งนั้น ความหมายในคำพูดที่ยังไม่หมดของเขา ไม่ใช่มีแค่เรื่องที่ท่านฝึกฝนคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนเท่านั้น อาจจะยังมีความเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเสวี่ยด้วย

“บางทีในครั้งนั้น เขาคงจะพอมองเบื้องหลังของท่านจากหน้าตาของท่านได้สักหลายส่วนแล้ว เพียงแต่ไม่อาจยืนยันได้ และไม่อาจถามกับท่านตรงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พยักหน้าช้าๆ “ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในเรื่องนี้ประมุขอาคเนย์ดูเหมือนจะมีท่าทีหลับตาข้างเดียว ไม่เหมือนกับประมุขบูรพา”

หลิวเจิงกู่พบกับเฉาเจี่ย พวกเยี่ยนจ้าวเกอหยุดพักที่เขาโถงทองอีกครั้ง

มู่จวินออกเดินทางไปยังทะเลหวงเจีย

ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่อยู่ ทะเลหวงเจียในฐานะที่เป็นจุดตัดระหว่างเขตตะวันอาคเนย์กับเขตเพลิงทักษิณ ก็ยังคงมีคลื่นใต้น้ำซัดสาด

ปัญหาหลักๆ ไม่ได้อยู่ที่ทะเลหวงเจียและส่วนในของเขตตะวันอาคเนย์ ทางเขตเพลิงทักษิณปั่นป่วนมาโดยตลอด

กระดูกหงส์เพลิงที่ถังหย่งฮ่าวครอบครอง เป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายยื้อแย้งกันมาโดยตลอด

ทะเลหวงเจียในฐานะเขตแรกที่เผชิญกับเขตเพลิงทักษิณ นอกจากหลินฮั่นหัวที่คอยควบคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้น มู่จวินก็มุ่งหน้าไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดในเขตตะวันอาคเนย์คนอื่น รับคำสั่งของประมุขอาคเนย์ มุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยเช่นกัน

กระนั้นเจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงยังคงอยู่ที่เขาโถงทอง

จากการพักอยู่ที่นี่ในครั้งก่อน เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยกับคนที่นี่แล้ว ในตอนนี้เขาจึงไม่รีบหาช่องทางสืบข่าว

“สหายน้อยเยี่ยน บิดาท่านไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาวัดได้ ก่อนหน้านี้ข้ายังบอกว่าบิดาท่านแปลกประหลาดยิ่งนัก ถึงกับจุดอัคคีดาวได้ในระยะเวลาสั้นๆ รุดหน้าขึ้นอีกก้าว เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า มิคาดท่านเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตอนนี้ร่าง รูป วิญญาณรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว”

เจิ้งหมิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าไปพลาง ถอนใจชมเชยไปพลาง “ห่างจากตอนที่ท่านเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์นานเท่าไรกัน”

เฉินจื้อเหลียงซึ่งอยู่ด้านข้างเขามีสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน “ข้าเห็นบิดาท่านทำลายด่านสองด่านติดต่อกัน เลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ทำลายนภาเห็นเทวะสำแดง ลอยขึ้นสู่โลกซ้อนโลกด้วยตาตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเลื่อนขึ้นอีกระดับในระยะเวลาสั้นๆ

“สหายน้อยเยี่ยนท่านยิ่งน่าเหลือเชื่อกว่า ตอนนี้ท่านเพิ่งอายุเท่าไรเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “เป็นเพราะวาสนาอยู่หลายส่วน น่าขายหน้าจริงๆ”

บิดาของตนเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า พลังเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง นี่ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ

เขาไม่ประหลาดใจที่เยี่ยนตี๋มีความก้าวหน้าเช่นนี้

การฝึกฝนของเยี่ยนตี๋เหมือนกับสภาวะดาบซึ่งเป็นวรยุทธ์ของตัวเองเอง คมกล้ามุ่งไปด้านหน้า ไม่มีหยุดยั้ง

ยิ่งเดินอย่างดุดันและรวดเร็วเท่าไรก็ยิ่งราบรื่น การหยุดการย่างก้าวมาปรับความแข็งแกร่งกลับอาจจะมีอันตราย

ตามปกติแล้ว ระดับยิ่งสูง การเลื่อนระดับยิ่งยาก ความตั้งใจและเวลาที่ใช้ในการเพิ่มระดับยิ่งต้องมากขึ้น

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สิบขั้น มียอดฝีมือมากมายติดอยู่ในขั้นใดขั้นหนึ่งหลายสิบปีหรือกระทั่งหลายร้อยปี ถือเป็นเรื่องปกติ

ทว่าหลักการที่ใช้กับคนอื่นๆ นี้ไม่อาจใช้กับเยี่ยนตี๋ได้

เพียงแต่ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน เกิดไต่ระดับอยู่บนยอดสูงอย่างต่อเนื่อง แล้วไต่เร็วเกินไป เมื่อหยุดชะงักลง ก็อาจจะตกจากเขาได้

การย่างเท้าของเยี่ยนตี๋ต้องฝ่าฟันขวากหนาม ทำลายคอขวดและอุปสรรคมากมายไม่หยุด

ถ้าหากว่ามีด่านที่ทำลายไม่ได้อยู่นาน สำหรับคนอื่นบางทีอาจเป็นการหยุดเดิน แต่ว่าสำหรับเยี่ยนตี๋กลับอาจจะเป็นการกระแทกใส่จนศีรษะแตกเลือดอาบ

ด่านนี้ยิ่งมาถึงช้า การเผชิญหน้าในตอนที่มีระดับยิ่งสูง ก็ยิ่งจะมีอันตราย ถึงขั้นที่ทำให้คนไม่อาจตั้งตัวได้อีก

มรรคาแห่งฟ้าต้องบากบั่น มีได้มีเสีย เบื้องหลังความโดดเด่นไร้สิ้นสุด มักมีความลำบากที่คนนอกไม่เห็นอยู่

เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอเลือกเส้นทางสามพิสุทธิ์รวมเป็นหนึ่ง เบื้องหลังความโดดเด่นคือความยากที่เหนือกว่าคนอื่น

ที่ยังคงก้าวหน้าได้อย่างอหังการมาตลอดทาง เป็นเพราะว่าการสั่งสม ทรัพยากร ความรู้ และประสบการณ์ที่เหนือกว่าคนอื่น

หากเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่เหมือนกับคนหลายคนโดยมีเงื่อนไขเดียวกัน จะมีความเร็วในการเพิ่มขึ้นของระดับสูงยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก

และเส้นทางที่เยี่ยนตี๋เดิน ยังเป็นเส้นทางที่เหมาะสมกับเขาที่สุดด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอมักจะคิดว่า บางทีนี่อาจจะเป็นเส้นทางที่มีแต่เยี่ยนตี๋เท่านั้นที่เดินได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะร่วงตกจากเมฆไปตั้งนานแล้ว

เยี่ยนตี๋มีพรสวรรค์ในด้านมรรคาวรยุทธ์สั่นสะท้านและโดดเด่นเหนือใคร ข้อนี้อาจจะเป็นจุดที่เด่นชัดเจนที่สุด

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจกว่าก็คือ สถานการณ์ของเยี่ยนตี๋ในตอนนี้เหมือนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพียงแต่ทุกอย่างเหมือนกับการมองดูบุปผาในม่านหมอก บันดาลให้ผู้คนมองความจริงไม่ออก

และสืบเนื่องจากสาเหตุนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงอยากรู้ยิ่งกว่าเดิม

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงย่อมไม่ทราบความในใจของเยี่ยนจ้าวเกอ เพียงแค่ถอนใจชมเชยต่อการพัฒนาระดับพลังฝึกปรือชนิดพุ่งทะยานของพ่อลูกตระกูลเยี่ยนเท่านั้น

“จริงสิ สหายน้อยเยี่ยน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เฉินจื้อเหลียงมีสีหน้าจริงจังขึ้นหลายส่วน “ทางทะเลหวงเจีย ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมียอดฝีมือมาช่วย”

ความจริงขุมกำลังต่างๆ ที่อยู่ในทะเลหวงเจียมาโดยตลอดอย่างหอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริด อีกฝ่ายไม่นับว่าคนใหม่

ตรงกันข้าม พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่เจอมานาน ทำให้ทุกคนนึกว่าคนผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว

ผู้ปกครองรุ่นที่สองของราชวงศ์ต้าเสวียนอ่อง ไท่จงเสวียนเฉิงอ๋อง

ถ้าหากมีแค่นี้ยังพอทำเนา ทว่าเสวียนเฉิงอ๋องที่เคยเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น เมื่อปรากฏตัวในครั้งนี้ กลับอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ทำให้พวกกู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือ กงซุนอู่แห่งเกาะมนุษย์สำริดรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า

ในอดีตเสวียนเหวินอ๋องผู้สถานปนาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องปกครองทะเลหวงเจียด้วยระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด สร้างแผ่นดินให้แก่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องร่วมกับผู้วิเศษเซิงและนักพรตสือ

เสวียนเฉิงอ๋องในตอนนั้นสู้พระบิดาของตัวเองไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้สึกประหลาดใจต่อการมีกำลังเสริมเข้ามาในทะเลหวงเจียของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจต่อตัวเลือกของคนอยู่บ้าง

“ผู้วิเศษเซิงกับนักพรตสือไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นหรือ?”

ผู้วิเศษเซิงกับนักพรตสือไม่ได้ถูกยืนยันว่าเสียชีวิตไปเหมือนกับเสวียนเหวินอ๋อง แต่หายตัวไปจากทะเลหวงเจียหลายปีเหมือนกับเสวียนเฉิงอ๋อง ทว่าความเป็นความตายของพวกเขาความจริงยังไม่ได้รับการพิสูจน์

เจิ้งหมิงว่า “ตอนนี้ไม่มี”

เสวียนเฉิงอ๋องเข้ามายังทะเลหวงเจีย เขาโถงทองย่อมรับทราบ

หลังจากอ๋องผู้นี้เสด็จเข้ามาในทะเลหวงเจีย ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพียงแต่คุมสถานการณ์ของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องให้มั่นคง จากนั้นก็เสด็จออกด้านนอก

คนที่เข้าใจสถานการณ์ต่างทราบว่า ความตั้งใจในตอนนี้ของพระองค์อยู่บนค่ายกลบูชาฟ้า

และเป็นเพราะเหตุนี้ เขาโถงทองจึงอนุญาตให้พระองค์กลับทะเลหวงเจีย

ทว่าหลังจากเวลาผ่านไป รอพวกคังผิงออกมาจากก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ ในสถานการณ์ที่มีกำลังคนอย่างเหลือเฟือ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสมควรมีการเคลื่อนไหวตามหลังแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญครู่หนึ่ง ประสานมือคำนับเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียง “อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบประมุขอาคเนย์ แล้วจะขอตัวกลับทะเลหวงเจียก่อน ขอลาเพียงเท่านั้น ท่านทั้งสองรักษาตัวด้วย”