ตอนที่ 1081: ระฆังแห่งความชัดแจ้งดังขึ้น 9 ครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1081: ระฆังแห่งความชัดแจ้งดังขึ้น 9 ครั้ง

เจี้ยนเฉินและหวงหลวนยืนอยู่ด้วยกันพันเมตรเหนืออากาศในขณะที่พวกเขาสังเกตไปรอบ ๆ เจียงหยาง ซู หยวนเซียว, เจียงหยาง ซู อวี้หยวน และเจียงหยาง ซู หยุนคงยืนอยู่ข้าง ๆ เขา พวกเขามีท่าทีที่แตกต่างกัน ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก ในขณะที่เจียงหยาง ซู หยุนคงรู้สึกสลดใจมาก เขารู้สึกหนักใจ

“เจี้ยนเฉิน นี่เป็นทางเข้าหลักของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง มันตั้งอยู่ที่เขตตะวันออกของทวีป และเมืองทหารรับจ้างก็อยู่ห่างไป 5 ล้านกิโลเมตร ตระกูลผู้พิทักษ์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานบนทวีปและมีอายุมากกว่าล้านปี มันเก่าแก่กว่าเมืองทหารรับจ้างมาก พวกเราเป็นตระกูลสิบตระกูลที่ยิ่งใหญ่ก่อนที่เมืองทหารรับจ้างจะถูกสร้างขึ้นมาในทวีปเสียอีก” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวอธิบายกับเจี้ยนเฉิน

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินได้ยินเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของตระกูลผู้พิทักษ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงถึงความมีอยู่มานานของพวกเขา

“เจี้ยนเฉิน ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีปทั้งหมดอยู่ในมิติที่แยกตัวออกไป มิตินี้พวกเราเราเรียกว่าโลก ดังนั้นมันคือโลกใบเล็ก ไม่ต่างไปจากทวีปเทียนหยวน เว้นเสียแต่ว่าพลังงานธรรมชาติที่นั่นนั้นอุดมมากกว่าทวีปเทียนหยวน” ในขณะที่เขาพูดนั้น เจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็ยกมือขวาขึ้นมาอย่างนุ่มนวล พลังงานปริมาณมหาศาลพุ่งออกมา ก่อนที่จะหายไปอย่างเงียบ ๆ ที่ร้อยเมตรห่างออกไป

มิติตรงนั้นเริ่มสั่นไหวและประตูสูงร้อยเมตรก็ปรากฏขึ้นมาทันที ภาพแตกต่างปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของประตู มันมีแม่น้ำและภูเขาที่สวยงาม เช่นเดียวกันกับนกต่าง ๆ ที่โฉบผ่านท้องฟ้าและสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ วิ่งลนลานอยู่ที่พื้น มันเป็นเหมือนโลกบนทวีปเทียนหยวน

“เจี้ยนเฉิน นี่เป็นทางเข้าที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเจียงหยางของพวกเรา มันเรียกว่าประตูแห่งโลก และน้อยครั้งมากที่มันจะถูกเปิด อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มันเปิดออกก็เป็นเพราะมีการเคลื่อนของจอมยุทธในตระกูลจำนวนมาก หรือเพราะบางคนที่สถานะสูงส่งได้เข้ามา” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวจ้องตาเจี้ยนเฉิน และต้องการให้เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าตระกูลเจียงหยางรู้สึกกับเขาอย่างไร

เจี้ยนเฉินสำรวจประตูแห่งโลก แต่เขาก็ไม่พบอะไรพิเศษเมื่อมองไปรอบ ๆ เขาหมดความสนใจแล้วเขาก็พูดออกมา “ท่านทวดทั้งสอง พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

“เข้าไปกับท่านพ่อท่านแม่ของข้าเลย เจี้ยนเฉิน ข้าจะรออยู่ด้านนอก” เจียงหยาง ซู หยุนคงพูดด้วยท่าทีมืดมน

“ทำไมท่านไม่เข้ามากับพวกเราล่ะ ท่านทวด ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคงด้วยความสับสน เหตุผลหลักที่เขามาที่ตระกูลในครั้งนี้เพื่อที่จะช่วยเรื่องการเอาออกของผนึกในหัวของเจียงหยาง ซู หยุนคง

เจียงหยาง​ ซู หยุนคงถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไร เขาอยู่ในอารมณ์ที่ย่ำแย่

“เจี้ยนเฉิน มันจริงที่หยุนคงนั้นเข้าไปไม่ได้ ทันทีที่เขาเข้าไปในตระกูล ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็จะสูญเสียการควบคุมและนำไปสู่หายนะที่ใหญ่โต” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวถอนหายใจ

เจี้ยนเฉินหยุดพูดหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เขาจับมือของหวงหลวนและเข้าไปในตระกูลพร้อมกับอีกคู่ ประตูแห่งโลกอันใหญ่ได้หายไปหลังจากที่พวกเขาผ่านเข้ามา

“มิติที่แยกออกมาของตระกูลเจียงหยางนี้แบ่งเป็นตระกูลสายนอกและตระกูลสายใน เจี้ยนเฉิน ตอนแรกข้าวางแผนที่จะพาเจ้าเข้าไปที่ตระกูลสายในโดยตรงเลย แต่ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาที่ตระกูลผู้พิทักษ์ ข้าจะพาเจ้าผ่านไปที่ตระกูลสายนอกก่อนและช่วยให้เจ้าเข้าใจแผนผังของตระกูลผู้พิทักษ์”

“พวกเรากำลังอยู่ที่ตระกูลสายนอกในตอนนี้ นี่เป็นที่ที่ชนตระกูลธรรมดาอาศัยอยู่ พวกเขาเป็นชนชั้นต่ำของตระกูล และมีพวกเขาอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็หลายล้าน พวกเขาทั้งหมดอยู่เมืองที่อยู่ข้างภูเขานี้”

“ในมิติของตระกูล มีแนวภูเขาจำนวนมากและทำให้มันมีสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน และเมื่อพวกเขาออกไปจากเมือง พวกเขาสามารถจะถูกสัตว์อสูรสังหารได้ทุกเมื่อ คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ที่ตระกูลสายนอกถูกขับออกมาจากตระกูลในเนื่องจากความสามารถที่ต่ำของพวกเขา ในขณะที่มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดที่นี่เลย พวกเขาจะเติบโตและฝึกฝนที่ตระกูลสายนอก คนของตระกูลสายนอกสามารถเข้าไปในตระกูลสายในที่มีสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่ดีกว่าได้ถ้าพวกเขาได้เป็นเซียนสวรรค์หรือมีความสามารถที่ดี ดังนั้นจึงมีเซียนสวรรค์น้อยมากที่อยู่ที่ตระกูลสายนอกเพราะพวกเขาไปรวมกันอยู่ที่ตระกูลสายใน”

“คนของตระกูลสายนอกไม่แตกต่างไปจากทหารรับจ้างของทวีป พวกเขาล่าสัตว์อสูรเพื่อเอาแกนอสูรเพื่อที่จะฝึกฝนและกินเนื้อเป็นอาหารได้ พวกเขาจะพยายามทั้งปีเพื่อที่จะได้เป็นเซียนสวรรค์ ดังนั้นจึงมีคนของตระกูลสายนอกบ้างที่พลาดและตายเพราะสัตว์อสูร”

เจี้ยนเฉินฟังคำอธิบายของเจียงหยางซูหยวนเซียวในขณะที่เขาบินเข้าไปในส่วนลึกของตระกูล ในขณะที่เขาตระกูลแนวภูเขาหลายอันไป เขาก็พบบางคนที่กำลังสู้อย่างตึงเครียดกับสัตว์อสูร เขาอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปในตอนที่เขาไม่ได้แตกต่างจากคนพวกนี้ที่พยายามที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาฆ่าสัตว์อสูรเพื่อแกนอสูรและกินพวกมันเป็นอาหาร และเดินบนกองซากศพสัตว์อสูร เขาอาศัยอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย มีแต่คนที่เคยเจอมาเท่านั้นที่จะเข้าใจความยากลำบากนี้

เจี้ยนเฉินก็เห็นเมืองที่ที่เจียงหยาง ซู หยวนเซียวบอกในตอนที่เขาเดินทางไป มันไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่มาก มันมีร่องรอยกาลเวลาที่ผ่านมานาน อย่างไรก็ตาม มันก็ตั้งอยู่อย่างมั่นคง และมันก็ถูกปกคลุมด้วยม่านพลังยที่ทรงพลังที่คอยคุ้มครองคนที่อยู่ด้านในอยู่

เจี้ยนเฉินผ่านตระกูลสายนอกไปอย่างรวดเร็วและไปถึงยังตระกูลสายใน ความอุดมสมบูรณ์ของพลังงานธรรมชาติที่ตระกูลสายนอกนั้นสามารถเทียบเท่าได้กับดินแดนที่พิเศษบางที่บนทวีปเทียนหยวน ในขณะที่ความอุดมสมบูรณ์ของพลังที่ตระกูลสายในนั้นมีมากกว่าหลายเท่า

“อัตราเร็วในการฝึกฝนตระกูลในเทียบเท่ากับการใช้แกนอสูร พลังงานธรรมชาติที่นี่นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ทำให้การฝึกฝนที่นี่นั้นง่ายกว่าหลายเท่า” เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพลังธรรมชาติในตระกูลสายใน มีความแตกต่างระหว่างตระกูลสายในและตระกูลสายนอก

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินก็หรี่ตาเล็กลงอย่างรวดเร็ว ความเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เขาเห็นผืนแผ่นดินลอยอยู่กลางอากาศ ดินแดนนั้นใหญ่มากและกว้างหลายสิบกิโลเมตร มันใหญ่เท่ากับเมืองราชาทีเดียว

มีผู้คนเดินทางไปมาในทุกที่ระหว่างอาคารที่สร้างอยู่บนพื้นดินนั้น เจี้ยนเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลที่เปล่งรัศมีอย่างไม่ยับยั้งจากอาคารใกล้ ๆ และจำนวนของพลังก็มากมายจนน่าประหลาดใจ

ส่วนที่เตะตาที่สุดคือส่วนที่อยู่กลางที่สุดของแผ่นดิน วังที่สูงหลายร้อยเมตรตั้งอยู่อย่างสงบเหมือนสัตว์อสูรที่กำลังหลับใหลอยู่ มันเปล่งประกายไปด้วยแรงกกดดันที่มองไม่เห็นที่ทำให้ทุกคนตกใจ มันดูเหมือนผู้คุมกฎของผืนแผ่นดินลอยฟ้านี้

“ส่วนของดินแดนลอยฟ้านี้เป็นศูนย์กลางของตระกูลเจียงหยางของพวกเรา มันเป็นที่ที่จอมยุทธทั้งหมดของพวกเรารวมตัวอยู่ และยังมีโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายฝึกฝนอยู่อยู่ที่ตรงกลาง คนในตระกูลคนอื่นที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมก็อนุญาตให้เข้าไปด้านในได้” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวอธิบายอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน

ก๊อง !

ทันใดนั้นเอง เสียงระฆังก็ดังขึ้นมา เสียงนั้นกระจายและสะท้อนไปทุกที่ มันส่งเสียงไปทั่วที่ตระกูลตั้งอยู่

ในตอนที่ระฆังดังขึ้นมา ทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินลอยฟ้าก็หยุด พวกเขาทั้งหมดจ้องไปบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ

ก๊อง ! ก็อง !

เสียงระฆังดังออกมา 3 ครั้งต่อเนื่องกัน และในตอนที่เสียงครั้งที่สามดังออกมา ประตูอาคารหลายบานที่ปิดอยู่ก็เปิดออกมาทันที ผู้ที่ฝึกฝนอยู่กลายคนที่อยู่ด้านในก็ก้าวออกมา

“นี่คือระฆังแห่งความชัดแจ้ง มันสร้างมาไว้เพื่อต้อนรับแขกที่สำคัญ และมันก็ไม่ได้ดังมากว่าร้อยปีแล้ว ข้าอยากรู้ว่าแขกที่สำคัญคนไหนกันที่มาที่ตระกูลของพวกเรา มันน่าจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์อื่นแน่…”

“ระฆังดังขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว คนคนนี้ต้องเป็นคนที่สร้างได้แม้แต่พายุแน่..”

เสียงพูดคุยหารือดังออกมาจากผู้คนที่ออกมาจากอาคาร

ระฆังไม่ได้หยุด คลื่นเสียงใหญ่ได้กวาดออกไปทั่วบริเวณ และไปถึงยังที่มุมของตระกูล ในไม่ช้ามันก็ดังขึ้นถึง 6 ครั้ง

ประตูอาคารอีกส่วนหนึ่งก็เปิดออกมาทันทีหลังจากระฆังดังครั้งที่ 6 เซียนผู้คุมกฎออกมาในขณะที่มีพลังงานมหาศาลขดตัวอยู่รอบพวกเขา พวกเขาจ้องไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ และหนึ่งในนั้นก็พึมพำออกมาเบาเบา “มันก็ผ่านมาเป็นศตวรรษแล้วตั้งแต่ที่ระฆังแห่งความชัดแจ้งดังขึ้นมาครั้งล่าสุด ข้าจำครั้งล่าสุดได้ มีผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักดาบทรราชย์มาและมันก็ดังขึ้น 3 ครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ระฆังดังขึ้นมา 6 ครั้งแล้วในตอนนี้ แขกคนนี้ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างหรือเปล่านะ ? “

“อาจจะมีแค่ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างเท่านั้นล่ะมั้งที่ทำให้ระฆังดังถึง 6 ครั้งได้ในปัจจุบันนี้ เขามาที่ตระกูลของพวกเราจริง ๆ งั้นหรือ ? ” ชายชราที่เหมือนปราชญ์พูดออกมาอย่างประหลาดใจและสงสัยในขณะที่หนวดของเขาพลิ้วเบาเบา

ก๊อง!

ระฆังดังขึ้นอีก 1 ครั้ง รวมกันเป็น 7 ครั้งแล้วในตอนนี้

ทั่วทั้งตระกูลโกลาหลทันทีหลังจากที่ระฆังครั้งที่ 7 ดังขึ้น ในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินลอยฟ้านี้ก็ออกมาจากที่พัก แม้แต่คนที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึกฝนก็ยังต้องออกมาและจ้องไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ

ก๊อง !

โถงศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างสงบที่กึ่งกลางของแผ่นดินที่ปกติจะเปิดประตูบานเล็กออกแค่สองบานเท่านั้น แต่หลังจากที่เสียงระฆังครั้งที่ 8 ดังขึ้น ทางเข้าหลักก็เปิดออกช้า ๆ อย่างธรรมดาด้วยเสียงอื้ออึงดัง แต่พลังแห่งการมีอยู่ที่อยู่ในนั้นก็เปล่งรัศมีออกมาจากประตู มันดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ถูกเปิดมานานแล้ว

หลังจากนั้น คนหกคนที่อายุต่างกันก็ก้าวออกมาจากประตู พวกเขาทั้งหมดจ้องไปไกลพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกเขาทะยานขึ้นไปในอากาศและออกไปต้อนรับแขกด้วยตนเอง

พวกเขาทั้งหกคนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล

ก๊อง !

หลังจากที่ระฆังครั้งที่ 9 ดัง คนจำนวนมากก็ปรากฏออกมาบนแผ่นดินลอยฟ้า ทั้งหมดตกใจ การดังขึ้นของระฆังแห่งความชัดแจ้งถึง 9 ครั้งมันมีบันทึกอยู่ในตระกูลเท่านั้น มันไม่ได้ปรากฏขึ้นมาหลายหมื่นปีแล้ว เพราะว่ามันจะดังขึ้น 9 ครั้งเพื่อต้อนรับเซียนจักรพรรดิเท่านั้น