บทที่ 862 โดนโจมตีกดขี่

The king of War

หม่าชาวพยักหน้าแล้ว “พี่เฉิน ผมเข้าใจแล้วครับ พี่วางใจได้ ต่อไปผมจะเรียนรู้จักใช้สมอง จะไม่ใช่พอฮึกเหิม ก็รู้จักแต่รบราฆ่าฟัน”

ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุย ยังออกมาจากคฤหาสน์ไกลมากแล้ว

ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์

จนกระทั่งภาพด้านหลังของหยางเฉินเลือนหายไปหมด เซวหยวนจี๋เหมือนยกภูเขาออกจากอก เหงื่อเปียกชุ่มทั้งตัว

เมื่อสักครู่กำลังฝืนแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยมาตลอด หยางเฉินมอบแรงกดดันให้เขามากเหลือเกิน เดิมทียังเตรียมแผนสำรองไว้ แต่กลับไม่กล้าใช้

“เจ้าชายรองครับ พวกเราจะปล่อยหยางเฉินไปแบบนี้กันจริงๆ เหรอ?”

เนี่ยฉี่จูนถามแบบไม่ยอมอยู่บ้าง

เซวหยวนจี๋ใจเย็นลงมาถึงที่สุดแล้ว นัยน์ตาที่ดำมืด แสงสว่างเปล่งประกายแวววาว

เขาไม่ได้รีบตอบทันที แต่ว่าเงียบตั้งนาน ถึงเอ่ยปากตอบ “พูดให้ถูกต้อง คือปล่อยเขาไปชั่วคราว”

เพียงแค่คำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้เนี่ยฉี่จูนเข้าใจความหมายของเซวหยวนจี๋แล้ว

“ผมเข้าใจแล้วครับ เจ้าชายรองคิดว่า ไม่จำเป็นต้องสู้จนตายกันไปข้างหนึ่งกับหยางเฉินชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่ารอเมื่อท่านควบคุมเมืองเยี่ยนตู จะไม่ลงมือกับหยางเฉิน”

เนี่ยฉี่จูนเข้าใจขึ้นทันใด “จุดประสงค์ที่พวกเรามาเมืองเยี่ยนตูคือควบคุมเยี่ยนตู ในเมื่อหยางเฉินไม่ยอมรับใช้ อย่างนั้นตระกูลอื่นอยากทำให้เขาเชื่อง เกรงว่าคงไม่สำเร็จเหมือนกัน”

“ขอเพียงหยางเฉินไม่ก้าวก่ายเรื่องของเมืองเยี่ยนตู อย่างนั้นพวกเราก็มีโอกาสมากในการควบคุมเมืองเยี่ยนตู ถึงตอนนั้นทั้งเมืองเยี่ยนตูก็จะเป็นพวกเราตัดสินชี้ขาด ต่อให้พวกเราไม่ลงมือ ก็มีคนมากมายไปหาเรื่องเดือดร้อนให้หยางเฉินเอง”

เซวหยวนจี๋ยอมรับทุกอย่างที่เนี่ยฉี่จูนพูดมาโดยปริยาย หรี่ตาบอกว่า “ฉันเซวหยวนจี๋เคยได้รับความอัปยศอดสูขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เขาจำเป็นต้องตาย!”

เนี่ยฉี่จูนเหมือนสามารถสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตแค้นของเซวหยวนจี๋ อดไม่ได้หนาวสั่นไปทั่วทั้งตัวแล้ว

“ปล่อยข่าวออกไปว่า หยางเฉินเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของฉันเซวหยวนจี๋ เขาไม่สนใจแทรกแซงเรื่องของเมืองเยี่ยนตู ไม่ว่าใครห้ามรบกวนเขา”

เซวหยวนจี๋พูดขึ้นอีกในทันใด

เนี่ยฉี่จูนตะลึงสักครู่ จากนั้นคิดได้ทันที หัวเราะอยู่แล้วบอกว่า “เจ้าชายรองครับ นับวันท่านยิ่งเก่งกาจขึ้นแล้วครับ พูดแบบนี้ มีความหมายว่ายิ่งปิดบังความจริงยิ่งชัดแจ้งขึ้นแทน”

“เดิมทีหยางเฉินเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ในสังคมชั้นสูงของเยี่ยนตู หลังข่าวนี้ปล่อยออกไป คนอื่นจะไม่เชื่อข่าวนี้ เพียงคิดว่า หยางเฉินอยากเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูจริงๆ”

“ส่วนในข่าวนี้ จะเปิดเผยว่าหยางเฉินเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของเจ้าชายรอง ตระกูลเดอะคิงและราชวงศ์อื่นๆ คงต้องคิดว่า ระหว่างตระกูลเซวและหยางเฉินบรรลุข้อตกลงบางอย่างแล้วแน่นอนครับ”

“พอเป็นแบบนี้ หยางเฉินก็จะกลายเป็นเป้าที่ถูกประชาชนโจมตี”

เซวหยวนจี๋หรี่ตาบอกว่า “ถูกต้อง ฉันอยากให้เขากลายเป็นเป้าที่ประชาชนโจมตี!”

อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินยังไม่ได้กลับไปถึงยอดเมฆา ก็ได้รับข่าวที่เซวหยวนจี๋ปล่อยออกมาแล้ว

“ยังเป็นเหมือนหินในห้องส้วมเสียจริง ทั้งเหม็นทั้งแข็ง!”(หมายถึงคนที่ทั้งชั่วร้ายทั้งดื้อด้าน)

หยางเฉินหรี่ตาบอกว่า “ในเมื่อแกชอบเล่นลูกไม้แบบนี้ งั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนแกหน่อยแล้วกัน”

ไม่นาน ก็มีข่าวอันหนึ่งออกมาอีก แพร่ไปทั่วทั้งเยี่ยนตู

ข่าวคือการชี้แจงที่ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ทางการของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป หยางเฉินปฏิเสธความสัมพันธ์กับเซวหยวนจี๋ และนำข่าวที่เซวหยวนจี๋ส่งคนมาชนสิ่งก่อสร้างเมืองจิ่วโจวหลายหลังจนพังประกาศให้สาธารณชนทราบ

ขณะเดียวกัน สิ่งก่อสร้างของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพวกนั้นที่ได้รับความเสียหายในคืนนั้น กำลังดำเนินการระเบิดรื้อถอน

ส่วนตอนที่ระเบิดรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่ได้รับความเสียหายพวกนั้น กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีก

การระเบิดครั้งแรก คาดไม่ถึงไม่อาจพังสิ่งก่อสร้างลงได้ สิ่งก่อสร้างตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม จนกระทั่งระเบิดครั้งที่สอง สิ่งก่อสร้างถึงพังทลายลง

เรื่องนี้ขึ้นดันขึ้นพาดหัวข่าวเมืองเยี่ยนตูแล้ว ดึงดูดกระแสตอบรับในอินเทอร์เน็ตมากเช่นกัน

ผู้คนมากมายต่างชื่นชมคุณภาพที่ดีของสิ่งก่อสร้างเมืองจิ่วโจว และชมเชยต่อการกระทำของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เพียงเพราะสิ่งก่อสร้างโดนรถชนเข้า คาดไม่ถึงไม่เสียดายค่าใช้จ่ายจำนวนมาก รื้อสิ่งก่อสร้างทั้งหมดเพื่อสร้างใหม่แล้ว

เดิมทีเมืองจิ่วโจวอยากสร้างศูนย์การค้าสไตล์จิ่วโจวแห่งหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ ถึงแม้เมืองจิ่วโจวจะยังสร้างไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่พูดคุยกันในอินเทอร์เน็ต

พวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปติดตามกัน และคนของราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงที่ทยอยส่งคนเข้ามาเมืองเยี่ยนตูพวกนั้น กลับยิ่งเพิ่มการติดตามคำชี้แจงฉบับนั้นที่หยางเฉินปฏิเสธความสัมพันธ์กับเซวหยวนจี๋

กล้าหักหน้าเจ้าชายรองเซวต่อสาธารณชน เกรงว่าคงมีหยางเฉินทำเป็นคนแรก

“สารเลว!”

ในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ เซวหยวนจี๋โกรธเคืองถึงขีดสุด เดิมทียังคิดจะให้หยางเฉินกลายเป็นเป้าโจมตีของราชวงศ์และตระกูลเดอะคิง นึกไม่ถึงว่าหยางเฉินจะมาเล่นไม้นี้แล้ว

ไม่เพียงไม่สามารถทำให้หยางเฉินตกอยู่ในอันตรายได้ ดันทำให้เขากลายเป็นตัวตลกแทน

“หยางเฉิน เขาจำเป็นต้องชดใช้ต่อเรื่องนี้!”

เซวหยวนจี๋กัดฟันแน่น จากนั้นโทรศัพท์สายหนึ่ง “ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรตระกูลเซว โจมตีกดขี่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเต็มกำลัง ภายในสามวัน ฉันอยากให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปล้มละลาย!”

หยางเฉินไม่รู้ว่า เซวหยวนจี๋อยากจะอาศัยกำลังของตระกูลคิงเซวมาโจมตีกดขี่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป

หยางเฉินในตอนนี้ถึงแม้จะร่ำรวยมาก แต่ยังไม่มีทางเทียบกับทรัพย์สินราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงได้

ราชวงศ์ทั้งสี่และตระกูลเดอะคิงทั้งห้า ล้วนเป็นตระกูลของกษัตริย์โดยแท้ และแต่ละตระกูลควบคุมพื้นที่หนึ่งเขต พวกเขาถึงเป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่แท้จริง

“ท่านประธานครับ ราคาหุ้นของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเจอโจมตีกดขี่ด้วยเจตนาร้าย ตั้งแต่เปิดตลาดหุ้นวันนี้จนถึงตอนนี้ ราคาหุ้นของพวกเราตกมาศูนย์จุดศูนย์ห้าแล้วครับ”

ยังไม่ถึงช่วงเวลาพักกลางวัน ลั่วปิงก็โทรศัพท์หาหยางเฉินแล้ว พูดอย่างร้อนใจมาก

จากนั้นสิ่งที่หยางเฉินแสดงต่อหน้าลั่วปิงนับวันยิ่งมากขึ้น ถึงแม้ลั่วปิงจะร้อนใจ กลับไม่เหมือนก่อนหน้านั้น ที่แต่ละครั้งที่เจอเรื่องใหญ่ จะสับสนอย่างมาก

“นายน่าจะค้นหาสิ่งบางอย่างได้แล้วมั้ง?”

หยางเฉินเอ่ยปากถาม และไม่ได้กังวลใดๆ เพราะเรื่องนี้เลย

ราคาหุ้นโดนโจมตีกดขี่แล้ว ยังสามารถดึงคืนกลับไป

มาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่ขนาดแบบนี้ ราคาหุ้นขึ้นลง ล้วนเป็นเรื่องปกติมากๆ ต่อให้อีกฝ่ายอยากโจมตีและกดขี่ด้วยเจตนาร้าย ก็เป็นวิธีการที่ฆ่าศัตรูตายหนึ่งพัน แต่ตนเองสูญเสียคนไปแปดร้อย(ใช้ไม้แข็งต่อสู้คนที่เสียหายไม่ใช่แค่ศัตรู ในความเป็นจริงคือสองฝ่ายย่อยยับ)

จิ่วโจวที่กว้างใหญ่ มีความสามารถทำได้ถึงระดับนี้ มีเพียงราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงแล้ว

คาดไม่ถึง ลั่วปิงจะเอ่ยปากพูดว่า “เกี่ยวข้องกับตระกูลเซวครับ”

หยางเฉินรู้แต่แรกแล้วว่าเซวหยวนจี๋จะไม่ยอมเลิกราไปง่ายดาย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะลงมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเร็วขนาดนี้

“ตอนนี้ฉันทำอะไรได้บ้าง?”

หยางเฉินถามอย่างตรงไปตรงมา

เขาไม่เข้าใจการทำงานด้านธุรกิจ เรื่องราวแบบนี้ มีเพียงบุคคลผู้เชี่ยวชาญไปจัดการถึงจะดี ลั่วปิงก็สามารถเชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

“ผมต้องการเงินห้าหมื่นล้าน ผมรับรองว่าจะแก้ไขปัญหาอันนี้เรียบร้อยครับ”

ลั่วปิงพูดอย่างมั่นใจมาก

“ได้!”

หยางเฉินรับปากไปแบบไม่ลังเลสักนิดเดียว

ห้าหมื่นล้านสำหรับเขานั้นไม่ยาก แค่บัตรเครดิตระดับสูงของธนาคารสากลในมือเขา แต่ละใบมีวงเงินใช้จ่ายหมื่นล้าน

อีกอย่าง เอาเงินห้าหมื่นล้านออกมา ยังไม่ต้องเบิกเงินเกินบัตรธนาคาร

หลังวางสายโทรศัพท์ หยางเฉินรีบโอนเงินเข้าไปให้ลั่วปิงทันที

เรื่องบางอย่าง ไม่อาจเปิดเผยได้ ได้เพียงแอบไปจัดการ

“ดูแล้ว เซวหยวนจี๋ยังว่างเกินไปแล้ว”

หยางเฉินหรี่ดวงตาเล็กน้อย พูดกับตนเองขึ้นมา

จากนั้นต่อสายโทรศัพท์ “ปล่อยข่าวออกไป ว่าเซวหยวนป้าเจ้าชายสามแห่งตระกูลเซว ตายท่ามกลางการช่วงชิงอำนาจของตระกูล”

“พี่เฉิน จะปล่อยข่าวอันนี้ออกไปจริงเหรอครับ?”

หม่าชาวได้ยิน ตกใจอย่างมาก พูดด้วยเสียงทุ้ม “เดาว่าตอนนี้กษัตริย์เซวยังไม่รู้ข่าวที่เซวหยวนป้าตายอยู่ที่เยี่ยนตู หลังข่าวนี้ปล่อยออกไป พี่จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดแทนนะครับ”

“ยั่วโมโหกษัตริย์เซวแล้ว ไม่ค่อยดีมั้ง?”