ภายใต้อำนาจสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ ผู้คนแทบทั้งหมดของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกำลังเปิดใช้งานศิลาอักขระบรรพกาลล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงวิญญาณของพวกเขาเสียหายอย่างรุนแรงและยิ่งไปกว่านั้นระดับการบ่มเพาะของพวกเขาถูกลดลงจนเหลือขอบเขตนภากันทุกคน!
“สวรรค์ ทำไมกัน!?” หลิวเต้าหยวนมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกันตะโกนถามดังลั่น
สวรรค์ตอบกลับคำถามของเขาทันทีด้วยสายฟ้าสีแสงเส้นโตผ่าเข้าใส่ร่างของเขาเต็ม ๆ แต่สายฟ้านี้ไม่ได้ฆ่าเขา มันเป็นแค่การสั่งสอนเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทำให้เสื้อผ้าของหลิวเต้าหยวนขาดรุ่งริ่งแถมตัวของเขาก็ดำไปทั่วทั้งตัว
สภาพของหลิวเต้าหยวนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขอทาน!
หลังจากได้รับคำตอบเช่นนี้จากสวรรค์ หลิวเต้าหยวนก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ เขาหันกลับไปจ้องเขม็งที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเดือดดาลและตวาดว่า “ข้ายอมให้ศิลาอักขระบรรพกาลกับเจ้าก็ได้!”
เมื่อพูดจบ เขาบินไปจับศิลาอักขระบรรพกาลและเขวี้ยงมันไปหาหลิงตู้ฉิงทันที
ทำไมเขาถึงถูกสวรรค์ลงโทษงั้นเหรอ? มันเป็นเพราะศิลาอักขระบรรพกาลที่เขาครอบครองอยู่แน่นอน!
เมื่อได้รับศิลาอักขระบรรพกาลมาแล้ว หลิงตู้ฉิงหลอมรวมมันเข้ากับโลกของเขาทันที ส่งผลให้เต๋าในโลกของเขาถูกเติมเต็มจนไม่ต่างอะไรกับเต๋าที่อยู่ในโลกที่แท้จริง
เมื่อศิลาอักขระบรรพกาลหายไป เมฆครึ้มที่อยู่เต็มท้องฟ้าก็สลายหายไปเช่นกัน และจากนั้นลำแสงสีทองก็ฉายลงมายังศีรษะของ หลิงตู้ฉิง ต้วนฉิง จิ๋นหลง เสี่ยวเฟิง กิเลนและทุกคนที่อยู่ในตำหนักไร้หทัย แน่นอนว่านี่เป็นสัญญาณว่าพวกเขาได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์ เนื่องจากพวกเขาได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกและสวรรค์
ทุกคนต่างยอมรับการอำนวยพรจากสวรรค์ด้วยสีหน้าเบิกบาน ยกเว้นหลิงตู้ฉิงแค่คนเดียวที่โบกมือกระจายลำแสงสีทองให้หลอมรวมเข้ากับโลกเบื้องบนแทนที่จะเป็นตัวเขา
เมื่อเห็นภาพนี้ หลิวเต้าหยวนแทบจะกระอักเลือดเพราะความโกรธ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียหายอย่างหนักแถมศิลาอักขระบรรพกาลก็ยังถูกเอาไป แต่พวกของหลิงตู้ฉิงกลับได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์ด้วยอีกเนี่ยนะ!?
ยิ่งไปกว่านั้น หลิงตู้ฉิงกลับไม่รับการอำนวยพรอย่างหน้าตาเฉย!
ถ้าเจ้าไม่อยากได้เจ้าก็มอบมันมาให้ข้า! ด้วยการอำนวยพรจากสวรรค์ข้าอาจจะแข็งแกร่งจนมีคุณสมบัติพอจะพิสูจน์เต๋าของข้าเลยด้วยซ้ำ!
อันที่จริงทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจการกระทำของหลิงตู้ฉิงเช่นกันที่เลือกจะเอาการอำนวยพรของสวรรค์ไปเติมเต็มให้กับโลกเบื้องบนแทน
หลิวเต้าหยวนจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นเขาโบกมือเคลื่อนย้ายร่างของจักรพรรดิอักขระให้มาอยู่ในมือของเขา และพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องสู้กับลูกศิษย์ของข้า ไม่ว่าจะยังไงลูกศิษย์ของข้าก็เทียบกับเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว!”
เมื่อพูดจบ หลิวเต้าหยวนฆ่าจักรพรรดิอักขระลงด้วยมือของเขาทันที และจากนั้นเขาก็ส่งลูกศิษย์ของตัวเองให้ลงไปที่ยมโลกเพื่อรอการเกิดใหม่
ถึงแม้ว่าการฆ่าลูกศิษย์ของตัวเองเช่นนี้มันจะเจ็บปวดและเสียหน้าเป็นอย่างมาก แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะถ้าเขาลงมือด้วยตัวเอง เขามั่นใจว่าลูกศิษย์ของเขาจะได้เกิดใหม่แน่นอน
ในทางกลับกัน ถ้าปล่อยให้หลิงตู้ฉิงเป็นคนลงมือ หลิงตู้ฉิงจะปราณีให้ลูกศิษย์ของเขาได้เกิดใหม่อีกรึเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของหลิวเต้าหยวน หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง”
“ในเมื่อเจ้าได้ทุกสิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่กลับไปอีก!” หลิวเต้าหยวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
นับจากวันนี้ไปสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเขาคงไม่อาจฟื้นฟูกลับเป็นเหมือนเดิมได้อย่างง่าย ๆ ต่อให้พวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพ 2 คนมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ศิษย์เกือบทั้งสำนักกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาแถมดวงวิญญาณยังเสียหายอย่างหนัก กว่าที่พวกเขาจะกลับมาบ่มเพาะได้อย่างปกติมันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ยังไม่รู้ ต่อจากนี้พวกเขาคงเหลือแค่เพียงทางเลือกเดียวคือปิดตายสำนักไปอีกหลายแสนปีจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับหลิวเต้าหยวนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พาคนของเขาค่อย ๆ จากไปอย่างใจเย็น
หลังจากเสร็จธุระกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขามุ่งหน้าไปที่ภูเขาเบญจธาตุ
ภูเขาเบญจธาตุนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งห่างออกไปไม่กี่ล้านลี้เท่านั้นจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
อันที่จริงที่ตั้งของสำนักต่าง ๆ ในโลกเบื้องบนสอดคล้องกับสำนักของพวกเขาเองในโลกเบื้องล่าง เพื่อที่เวลาคนของสำนักพวกเขาในโลกเบื้องล่างสำเร็จเต๋า เหล่าผู้สำเร็จเต๋าหน้าใหม่จะได้โผล่ขึ้นมาใกล้ ๆ กับสำนักที่อยู่โลกเบื้องบนได้เลยเป็นการหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าตำหนักไร้หทัยกำลังลอยไปยังทิศทางที่ภูเขาเบญจธาตุตั้งอยู่ เหล่าผู้คนที่แอบมองทั้งหลายต่างก็สูดหายใจเข้าลึก
เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเล่นงานสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไป ตอนนี้กลับเดินทางไปที่ภูเขาเบญจธาตุทันทีเลยงั้นเหรอ?
ทำไมถึงโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้!?
อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าภูเขาเบญจธาตุนั้นเป็นกองกำลังที่เกือบจะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกเบื้องบน เพราะพวกเขามีจักรพรรดิเทพถึง 3 คน! ดังนั้นกลุ่มผู้คนที่สังเกตการณ์อยู่มากมายจึงสนใจเป็นอย่างมากว่าครั้งนี้ตำหนักไร้หทัยจะสามารถกุมชัยชนะได้อย่างง่ายดายอีกรึเปล่า
แน่นอนว่าตอนนี้ทางด้านของภูเขาเบญจธาตุก็ได้ข่าวว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาเช่นกัน
ในห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเบญจธาตุตอนนี้ ผู้คนมากมายของภูเขาเบญจธาตุกำลังปรึกษากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หนึ่งในจักรพรรดิเทพของภูเขาเบญจธาตุเอ่ยขึ้นว่า “ตำหนักไร้หทัยกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา พวกท่านคิดว่าพวกเราควรทำยังไงดี?”
ต่งชิง ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิเทพของภูเขาเบญจธาตุเช่นกันตอบกลับ “พวกเราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับเขาและเขาก็ไม่เคยขุ่นเคืองอะไรพวกเรา ข้าไม่คิดว่าเขาจะมาหาเราด้วยจุดประสงค์ร้าย และอีกอย่างพวกเจ้าลืมเรื่องที่ลูกศิษย์ข้าทั้งสองเล่าเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วงั้นเหรอ จากการกระทำของเขาที่โลกเบื้องล่างมันทำให้เขายังคงติดค้างพวกเราอยู่ ดังนั้นข้าคิดว่าการมาของเขาครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องการตอบแทนให้กับพวกเราซะมากกว่า เอาล่ะพวกเราไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกแค่ต้อนรับเขาอย่างสุภาพก็พอ”
“ถ้างั้นข้าจะส่งคนออกไปต้อนรับเขาก็แล้วกัน” เย่เทียนหยู หนึ่งในจักรพรรดิเทพของภูเขาเบญจธาตุเอ่ยขึ้น
ต่งชิงส่ายหัว “ไม่ได้ เจ้าต้องเป็นคนออกไปต้อนรับพวกเขาเองเท่านั้น! และอีกอย่างเจ้าช่วยพาศิษย์ของข้า เซียะซิงอี้และติงหง ออกไปต้อนรับพวกเขากับเจ้าด้วย”
เย่เทียนหยูเลิกคิ้วมองไปที่ต่งชิง ซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ท้วงติงอะไร เขาเดินออกไปตามเซียะซิงอี้และติงหงเพื่อให้ไปรอต้อนรับคณะของหลิงตู้ฉิงกับเขาที่ด้านนอกภูเขาเบญจธาตุ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในขณะนี้ที่ใกล้จะเดินทางถึงภูเขาเบญจธาตุ เขาก็เรียกเศษเสี้ยวจิตสำนึกของเซียะซิงอี้และติงหงออกมาจากโลกของเขา
ต้วนฉิงมองไปที่เศษเสี้ยวจิตสำนึกของเซียะซิงอี้และติงหงด้วยสีหน้าประหลาดใจ และเอ่ยขึ้นว่า “การที่เศษเสี้ยวจิตสำนึกของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดนี้เป็นเพราะท่านอาจารย์แน่นอนใช่ไหม? นับได้ว่าภูเขาเบญจธาตุช่างโชคดีจริง ๆ ที่สมาชิกของพวกเขาบางคนมีโอกาสได้เห็นการวิวัฒนาการของโลกท่านอาจารย์ นี่มันเป็นโอกาสที่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมีได้จริง ๆ”
เซียะซิงอี้และติงหงเอ่ยขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเคารพ “ผู้อาวุโส พวกเราทั้งสองขอขอบคุณท่านที่มอบโอกาสนี้ให้กับพวกเราจริง ๆ”
แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากกับการตอบแทนของหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “นี่มันเป็นสิ่งที่พวกเจ้าควรได้รับ แต่พวกเจ้าจำแค่การวิวัฒนาการโลกของข้าก็พอ เรื่องอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นพวกเจ้าจงลืมไปให้หมด”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงลบความทรงจำที่ไม่จำเป็นต่อเซียะซิงอี้และติงหงออกทั้งหมดทันที ยกตัวอย่างเช่นในโลกของเขามีสมบัติหรือมีเผ่าพันธุ์อะไรอาศัยอยู่บ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นรู้ไปก็รังแต่จะสร้างปัญหาเปล่า ๆ
“พวกเราแค่ไปส่งพวกเขาเสร็จแล้วก็กลับงั้นเหรอ?” เสี่ยวเฟิงเอ่ยถามขึ้น
ต้วนฉิงมองไปยังภูเขาเบญจธาตุ ซึ่งในตอนนี้สามารถเห็นอยู่ไกลลิบ ๆ แล้วและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านอาจารย์ พวกคนของภูเขาเบญจธาตุออกมารอต้อนรับพวกเราแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแวะเข้าไปนั่งข้างในสักหน่อย”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ก่อนหน้านี้ต่งชิงจัดฉากหาประโยชน์จากข้า ดังนั้นเขาเองก็จำเป็นต้องปลดพันธะนี้กับข้าเหมือนกัน มันไม่แปลกหรอกหากเขาจะเชิญพวกเราเข้าไปนั่งข้างใน”