ไม่นานนักกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็เดินทางไปถึงภูเขาเบญจธาตุ
“ยินดีต้อนรับสหายเต๋า!” เย่เทียนหยูเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลิงตู้ฉิงพยักหน้ายิ้มทักทายกลับ จากนั้นเขาส่งเศษเสี้ยวจิตสำนึกของเซียะซิงอี้และติงหงให้ลอยกลับไปที่ร่างหลักของพวกเขา ซึ่งในทันทีที่จิตสำนึกกลับเข้าไปอยู่ในร่างหลัก ระดับการบ่มเพาะของเซียะซิงอี้และติงหงทะลวงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนพวกเขาทั้งคู่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดทันที
เมื่อเห็นว่าเซียะซิงอี้และติงหงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดแล้ว หลิงตู้ฉิงพยักหน่าอย่างพึงพอใจและพูดว่า “ภายในหนึ่งล้านปีนี้พวกเจ้าทั้งคู่คงไม่อาจทะลวงระดับขึ้นไปกลายเป็นจักรพรรดิเทพได้แน่นอน ไม่เช่นนั้นหนึ่งในจักรพรรดิเทพของภูเขาเบญจธาตุจะดับสลาย”
“เจ้ากลัวว่าภูเขาเบญจธาตุของข้าจะเหนือกว่าตำหนักไร้หทัยของเจ้าใช่ไหมสหาย!” เสียงของต่งชิงดังก้องขึ้นออกมาจากภูเขาเบญจธาตุ “เร็วเข้ารีบเข้ามา ข้าได้เตรียมหยดน้ำค้างสวรรค์เอาไว้ให้พวกเจ้าทุกคนได้ดื่มเรียบร้อยแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ต่างหัวเราะด้วยสีหน้าเบิกบาน จากนั้นพวกเขาทุกคนบินขึ้นไปยังยอดเขาเบญจธาตุทันที
พวกเขาเจอกันกลางสวนขนาดใหญ่ ซึ่งมีโต๊ะกลมที่ดูงดงามตั้งอยู่พร้อมกับเก้าอี้อีก 7 ตัว
ต่งชิงยิ้มให้กับกลุ่มของหลิงตู้ฉิง จากนั้นเขาเชิญให้ทุกคนนั่งลง ซึ่งทางฝั่งของต่งชิง นั้นมีเย่เทียนหยูและจู้ไป๋ฟานนั่งอยู่ขนาบข้าง
แน่นอนว่าเก้าอี้ทั้ง 7 ตัวนี้เป็นที่นั่งสำหรับจักรพรรดิเทพทั้งหมดส่วน กิเลน เซียะซิงอี้และติงหง ต่างยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีสงบ
อันที่จริงการที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วยนั้นนับว่าเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับพวกเขา
หลังจากจิบหยดน้ำค้างสวรรค์กันไปจนพอใจ ต่งชิงก็ยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ดีจริง ๆ ที่ตอนนี้เจ้าค่อยดูเหมาะกับสมญานามความเป็นเทพไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ไม่ว่าจะดูยังไงเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้ายจากบรรพกาล”
“จริง ๆ แล้วปีศาจหรือเทพมันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้วแถมกินหยดน้ำค้างสวรรค์ของข้าไปอีก เจ้าช่วยบรรยายเต๋าให้กับภูเขาเบญจธาตุของข้าฟังสักหน่อยจะได้ไหม?” ต่งชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องมาไม้นี้!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มบรรยายเต๋าของเขาทันที ซึ่งเสียงของเขาก้องกังวานดังไปทั่วภูเขาเบญจธาตุ
การบรรยายเต๋าครั้งนี้ หลิงตู้ฉิงบรรยายเนื้อหาที่รวมไปถึงระดับ 15 ของทุกขอบเขต ซึ่งมันทำให้เหล่าผู้คนของภูเขาเบญจธาตุต่างได้รับประโยชน์กันอย่างมหาศาล ซึ่งการบรรยายครั้งนี้กินเวลาไปถึง 3 เดือนถึงจะจบลง
เมื่อบรรยายจบ หลิงตู้ฉิงมองไปที่ต่งชิง และพูดขึ้นว่า “ข้าอยากได้เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แห่งการสรรสร้างของเจ้า”
เมื่อได้ยินคำขอนี้ ต่งชิงอึ้งไปอยู่พักใหญ่ แต่แล้วเมื่อเขาทบทวนทุกอย่างจนถี่ถ้วนเขาจึงยิ้มและตอบกลับว่า “งั้นข้ามอบต้นกล้าให้เจ้าเลยจะดีกว่า!”
เย่เทียนหยูและจู้ไป๋ฟานตกตะลึงจนแทบจะตกเก้าอี้
นี่ศิษย์พี่ของพวกเขาจะมอบต้นกล้าให้งั้นเหรอ?
หากเป็นแค่เมล็ดพันธุ์มันก็ไม่แน่ว่าจะงอกเงยออกมาเป็นต้นได้ แต่นี่คือต้นกล้า ซึ่งในอนาคตมันจะเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แน่นอน และที่สำคัญต้นกล้านี้ศิษย์พี่ของพวกเขาฟูมฟักมันมาเป็นแสนปีแล้วด้วยความยากลำบาก แต่ในตอนนี้ศิษย์พี่ของเขากลับจะมอบมันให้กับหลิงตู้ฉิงง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงเองก็ขมวดคิ้วแน่นเหมือนกันเมื่อเห็นว่าต่งชิงตัดสินใจทำแบบนี้
ต่งชิงหัวเราะและพูดขึ้นด้วยสีหน้ามีเลศนัย “ก็ไม่มีเมล็ดพันธุ์เหลือแล้วนี่นา ตอนนี้ข้ามีแค่ต้นกล้าต้นนี้เท่านั้นที่เหลืออยู่!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจและตอบกลับ “เจ้านี่มัน…เฮ้อ เอามันมาให้ข้า!”
ต่งชิงพยักหน้า จากนั้นต้นกล้าต้นหนึ่ง ซึ่งมีขนาดไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟันก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา จากนั้นเขาค่อย ๆ ส่งมันลอยไปหาหลิงตู้ฉิงอย่างแผ่วเบา
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจก่อนที่จะพยักหน้าและรับต้นกล้ามาไว้ในอุ้งมือของเขาเอง
เมื่อได้รับต้นกล้ามาเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงลุกขึ้นและพาคนของเขาออกจากภูเขาเบญจธาตุทันทีโดยไม่กล่าวอำลาใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางด้านของต่งชิงและคนอื่น ๆ ก็ไม่ออกไปส่งเช่นกัน
“ศิษย์พี่ ไม่ใช่ว่าต้นกล้าต้นนั้นคือ…” จู้ไป๋ฟานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
ต่งชิงส่ายหัวและตอบกลับ “แบบนี้มันดีที่สุดแล้ว!”
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อออกจากภูเขาเบญจธาตุได้สักพัก เขาก็เปิดโลกของเขาและโยนต้นกล้าที่ต่งชิงมอบให้เข้าไปในโลกของเขา
ทันทีที่ต้นกล้าหล่นลงไปยังพื้นดินโลกของเขา ต้นกล้าหยั่งรากลงไปยังพื้นดินทันทีและจากนั้นมันเติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง
สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้ว่ามันจะเติบใหญ่ขึ้น แต่มันกลับยังไม่มีกิ่งก้านหรือใบไม้งอกเงยออกมา สิ่งที่เติบโตขึ้นมีแค่ลำต้นเท่านั้นที่พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าแถมลำต้นของมันยังหนาไม่ต่ำกว่า 100 คนโอบ
ในระหว่างที่ต้นกล้าของต่งชิงเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ปลดปล่อยพลังธาตุไม้ส่งผลให้พืชพรรณต่าง ๆ ทุกชนิดที่อยู่ในโลกของหลิงตู้ฉิงดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“หรือว่าต้นกล้าต้นนี้จะเป็น…” เสี่ยวเฟิงที่เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงโลกของหลิงตู้ฉิงเช่นกันอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น
“ถูกต้องแล้ว ต้นกล้าต้นนี้คือลูกของเขา!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
จิ๋นหลงแสดงสีหน้าตกตะลึง “หรือว่าตาเฒ่าต่งชิงคือต้นไม้เทพในตำนาน ต้นไม้แห่งการสรรสร้าง?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง เขาคือต้นไม้แห่งการสรรสร้างเป็นทายาทผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของต้นไม้โลก!”
ต้วนฉิงขมวดคิ้วทันที “ท่านอาจารย์ เป็นไปได้ไหมว่าเหตุผลที่เขาส่งลูกของตัวเองมาอยู่กับท่านแบบนี้เขาอาจมีแผนการแอบแฝงบางอย่างอยู่ หากท่านยอมให้ลูกของเขาอยู่ในโลกของท่านเช่นนี้ ข้าเกรงว่าถ้าเขาคิดร้ายต่อท่านจริง ๆ ในอนาคตท่านอาจจะตกที่นั่งลำบากได้”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก และอีกอย่างต้นกล้าต้นนี้ยังไม่มีจิตสำนึกด้วยซ้ำ มันเพิ่งจะเติบโตขึ้นได้ไม่นาน ถ้าให้ข้าเดามันคงจะเป็นเพราะว่าเขาได้ฟังการบรรยายของข้า ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับลูก ๆ ของข้ามันจึงทำให้เขามีความคิดอยากจะให้ข้าเลี้ยงลูกของเขาบ้าง เขาจึงส่งลูกของตัวเองมาให้ข้าเลี้ยงแบบนี้ ข้าไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าข้ามีวันนี้ วันที่คนอื่น ๆ มองเห็นข้าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก!”
เสี่ยวเฟิงยิ้มและพูดเสริม “แถมวันนี้ท่านมีภรรยาหลายคนอีกต่างหาก…”
จิ๋นหลงยิ้มอย่างขบขัน
ทางด้านของต้วนฉิงก็ยิ้มเช่นกัน
พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าการที่พวกเขาส่งลูกหลานของผู้คนมากมายไปให้กับหลิงตู้ฉิง เลี้ยงดูผลลัพธ์สุดท้ายมันจะออกมาเป็นแบบนี้
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจ จากนั้นเขาพูดว่า “โชคยังดีที่มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องการพอดี ด้วยการเกื้อหนุนจากต้นไม้แห่งการสรรสร้างโลกของข้าก็จะยิ่งวิวัฒนาการเร็วขึ้นและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เอาล่ะตอนนี้สถานที่ต่อไปที่พวกเราจะมุ่งหน้าไปก็คือเผ่าอีกาทองคำ ข้าต้องการให้ต้นฟู่ซางของพวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกของข้า!”