ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 853 เขากว่างเฉิงบนโลกซ้อนโลก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในเวลาหนึ่งปีกว่า มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทราบว่าที่ที่เคยเป็นรากฐานดั้งเดิมของสำนักแสงสว่างบนดินแดนจิตคุณธรรมในทะเลหวงเจีย มีขุมกำลังใหม่ขุมหนึ่งกำลังผงาดขึ้น

ขุมกำลังขุมนี้ไม่ได้แผ่ขยายอาณาเขตในทะเลหวงเจียอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่พัฒนาตัวเอง พร้อมกับหยั่งรากฐานในทะเลหวงเจียอย่างต่อเนื่อง

ขุมกำลังนี้ไม่ได้มาจากด้านนอกทะเลหวงเจียเหมือนกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และไม่ใช่ขุมกำลังอื่นๆ บนโลกซ้อนโลกที่ทำตัวเป็นมังกรดุข้ามทะเลสาบ

สำนักที่มีชื่อว่าเขากว่างเฉิง รับสืบทอดชื่อจากบรรพตบูรพาแห่งสำนักเต๋าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ความจริงมาจากโลกเบื้องล่างแห่งหนึ่ง

ในสำนักมียอดฝีมือมาถึงโลกซ้อนโลก จากนั้นก็เปิดสำนัก สร้างรากฐานขึ้นบนอาณาเขตของทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์

ตั้งแต่เริ่มต้น ในทุกสุดทุกสิ่งก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

การสืบทอดชื่อจากหนึ่งในห้าบรรพตแห่งสำนักเต๋า ยากจะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกชื่อไม่ตรงกับความจริง ถึงอย่างไรเขาคุนหลุนก็อยู่บนโลกซ้อนโลก และยังเป็นใจกลางของโลกซ้อนโลกด้วย

ทว่าอย่างน้อยในระยะเว้นสั้นๆ คนที่อยู่ในทะเลหวงเจียก็ไม่มีใครมีความเห็นต่าง

เขากว่างเฉิงที่ดูเหมือนจะสงวนท่าที ไม่มีใครในทะเลหวงเจียกล้าดูแคลน

เจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักนี้ ก็คือคนหนุ่มที่มีชื่อว่าเยี่ยนตี๋

ถูกต้อง เมื่อเทียบกับระดับพลังฝึกปรือและขีดจำกัดของอายุขัยในตอนนี้ของตัวเยี่ยนตี๋ เขาเป็นคนหนุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงขั้นที่การใช้คำว่าคนหนุ่มสาวมานิยาม ยังทำให้เขาดูเป็นคนแก่ไปด้วยซ้ำ

แต่ว่า ‘คนหนุ่ม’ เช่นนี้กลับได้ทำลายนภา เห็นเทวะสำแดง มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นแล้ว

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ไม่ได้หายาก จอมยุทธ์ที่ลอยจากโลกเบื้องล่างมาถึงโลกซ้อนโลกเพราะว่าพลังของตัวเองเหนือกว่าขอบเขตฟ้าดินจึงถูกกีดกัน ล้วนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ทั้งสิ้น

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงส่วนใหญ่ในโลกซ้อนโลกล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอด มีพลังแข็งกล้า

ทว่าพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด ขุมกำลังที่ได้รับการจัดเป็นอันดับต้นๆ ในทะเลหวงเจีย มักจะมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหรืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครอง

ทว่ายอดฝีมือซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ที่อายุน้อยเช่นเยี่ยนตี๋มีอยู่น้อยนิดยิ่ง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านก็คือ เยี่ยนตี๋เพิ่งจะลอยขึ้นมา ก็สังหารเสวียนมู่อ๋องที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายทิ้งได้

ข่าวนี้พอกระจายออกไป พลันทำให้ทั่วทั้งทะเลหวงเจียอุทานอย่างตะลึงลาน

ในตอนที่ผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหลือกู้หง ผู้ปกครองเกาะมนุษย์สำริดกงซุนอู่ได้ยินข่าวนี้ ทั้งคู่ต่างก็อ้าปากตาค้าง

คนอื่นๆ ในทะเลหวงเจียมีแต่จะรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งกว่าพวกเขา อีกทั้งยังรู้สึกเหลือเชื่อ

ทว่าความจริงมีให้เห็น พวกเขาจึงไม่อาจกังขา

การสังหารเสวียนมู่อ๋อง โดยพื้นฐานก็ได้บ่งบอกแล้วว่าท่ามกลางผู้คนที่อยู่ในทะเลหวงเจียในตอนนี้ คนที่มีระดับต่ำกว่าขั้นสะพานเซียน และไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ในมือ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนตี๋

เมื่อเยี่ยนตี๋มาถึงโลกซ้อนโลก นอกจากไปจะพบประมุขอาคเนย์เฉาเจี่ยที่เขาโถงทองมาแล้ว ก็ไม่เคยออกห่างจากดินแดนจิตคุณธรรมแม้แต่ครึ่งก้าว

ทว่าเขาในตอนนี้โด่งดังขึ้นมาเพราะการต่อสู้เพียงครั้งเดียว กลายเป็นยอดฝีมือและผู้มีอำนาจระดับสุดยอดที่ทุกคนในทะเลหวงเจียไม่อาจมองข้ามแล้ว

เมื่อมีคนเช่นนี้คอยควบคุม จึงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ดูแคลนเขากว่างเฉิงเพราะมาจากโลกเบื้องล่าง

ยิ่งไปกว่านั้น เขากว่างเฉิงยังมีคนที่โด่งดังยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋อยู่อีกคน

เยี่ยนจ้าวเกอ

บุคคลที่อายุน้อยยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋ น้อยจนน่าเหลือเชื่อ

เป็นเพราะคนผู้นี้จึงทำให้สถานการณ์ของทะเลหวงเจียเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน ใช้มือเดียวก่อกวนทะเลหวงเจียจนเกิดเป็นมรสุม

สถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่สามารถบอกได้ว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอบันดาลให้เกิดขึ้น

ในขณะเดียวกันคนหนุ่มผู้นี้ก็ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้น พลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด ไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาวัดยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋เสียอีก

ในนี้ยังรวมถึงของวิเศษในตำนานเช่นตราประทับตะวันด้วย

สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนให้ความสนใจก็คือ นอกจากตราประทับตะวันแล้ว สำนักเฉกเช่นเขากว่างเฉิงยังครอบครองของวิเศษอย่างมงกุฎจันทราด้วย

นี่เป็นสำนักที่โค่นล้มความรู้ความเข้าใจของคนในทะเลหวงเจีย หรือแม้แต่ความรู้ความเข้าใจของคนจำนวนมากในเขตตะวันอาคเนย์ทั้งหมดสำนักหนึ่ง

ทั้งๆ ที่ไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนอยู่แท้ๆ แต่กลับเป็นขุมกำลังที่มีอำนาจ ทำให้ผู้คนไม่อาจดูถูก

คนจำนวนมากความจริงกำลังลอบจับตาดูการพัฒนาของสถานการณ์ต่อจากนี้อยู่

การเสด็จกลับทะเลหวงเจียของเสวียนเฉิงอ๋อง ทำให้สถานการณ์เกิดความกังวลใหม่ และเกิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ทุกคนอยากจะเห็นว่า เขากว่างเฉิงจะเป็นดอกโบตั๋นบานเพียงหนึ่งครั้ง หรือบานไม่มีวันหุบ

สำหรับความคิดของคนนอก คนในเขากว่างเฉิงที่อยู่บนโลกซ้อนโลกในตอนนี้ต่างไม่ได้ให้ความสนใจเกินไป เพียงก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวอย่างหนักแน่นมั่นคงตามจังหวะของตัวเอง

ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดสำนักเพื่อรับลูกศิษย์ในโลกซ้อนโลกอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อเวลาสุกงอมแล้ว นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้น

การมาถึงของวันนั้นเท่ากับการป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าเขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาแห่งสำนักเต๋าได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งบนโลกซ้อนโลก

ตอนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับมายังดินแดนจิตคุณธรรม ก็เห็นบนผิวทะเลห่างออกไป ตั้งตระหง่านไว้ด้วยยอดเขาสูงแถบหนึ่ง

ยอดเขาซ้อนทับกัน ภูเขาแต่ละลูกที่เชื่อมต่อกันเหมือนกับเกาะแก่งขนาดยักษ์บนทะเล บนเกาะคือยอดเขาสูงลิ่วบริเวณหนึ่ง

สำหรับเยี่ยนตี๋ในปัจจุบัน การทำลายโลกเบื้องล่างใบหนึ่งอย่างโลกแปดพิภพไม่อาจให้คำนิยามได้อีกแล้ว

โลกซ้อนโลกมีฟ้าดินแข็งแกร่งยิ่งกว่าโลกแปดพิภพ การเปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์และภูมิประเทศของที่นี่มีความยากสูงกว่ามาก

แต่ว่าสำหรับเยี่ยนตี๋แล้ว การย้ายเขาถมทะเลในอาณาเขตที่แน่นอนเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง

เทือกเขาเกาะยักษ์เบื้องหน้าเป็นฝีมือของเยี่ยนตี๋นี่เอง

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นที่นี่มียอดเขาแปดยอดดูจากโครงสร้างทางภูมิศาสตร์แล้ว เหมือนกับเขากว่างเฉิงในโลกแปดพิภพไม่ผิดเพี้ยน

ลวดลายค่ายกลเปล่งแสงอยู่กลางอากาศบนยอดเขาวอมแวม ค่ายกลเอกพิสุทธิ์ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ปกคลุมสำนักอยู่

ค่ายกลเอกพิสุทธิ์ตรงหน้านี้ สุดที่ค่ายกลบนโลกซ้อนโลกจะเทียบเคียงได้

ถึงอย่างไรค่ายกลยักษ์ในโลกแปดพิภพของเขากว่างเฉิง เมื่อใช้มุมมองของโลกซ้อนโลก มีระดับพลังไม่ค่อยเหมาะสมอยู่บ้าง

ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะผละไป ก็ได้ปรับปรุงค่ายกลครั้งหนึ่ง

เขานำของที่ชิงได้จากจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และของวิเศษที่ได้มาจากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬมาใช้เป็นวัสดุพื้นฐาน

นี่ทำให้จินตนาการมากมายก่อนหน้านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ในการเอามาลองใช้จริง ไม่เหมือนเป็นสตรีที่ดีไร้ข้าวก็ไม่อาจหุง[1] ได้แต่เก็บไว้บนชั้นวาง เหมือนตอนยู่ในโลกแปดพิภพอีกแล้ว

แต่ในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ ค่ายกลเอกพิสุทธิ์ตรงหน้านี้เอาไว้ใช้พอเป็นพิธีเท่านั้น

ในสมองของเขาบรรจุผังค่ายกลไว้ไม่น้อย เพียงแต่ถ้าจะใช้จริงๆ ก็จำเป็นต้องรวบรวมวัสดุส่วนหนึ่งเตรียมเอาไว้

จะให้กางค่ายกลขึ้นมาเลยก็ได้ แต่ในเมื่อเป็นค่ายกลใหญ่คุ้มภูผาของสำนักตนเอง เขาจึงต้องการให้รากฐานแข็งแรง มีพลังอยู่ในระดับสุดยอด

เยี่ยนจ้าวเกอพอกลับสำนัก คนที่เห็นเป็นอันดับแรก ก็คืออาจารย์ลุงสองฟางจุ่น

เมื่อพบฟางจุ่น เยี่ยนจ้าวเกอพลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีกับอาจารย์ลุงรองที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์”

ฟางจุ่นยิ้มเล็กน้อย “สภาพแวดล้อมของโลกซ้อนโลกโดดเด่นกว่าโลกแปดพิภพมากเกินไปจริงๆ เป็นเพราะฝีมือของเจ้า การสั่งสมของสำนักในตอนนี้จึงเปี่ยมล้นยิ่งกว่าก่อนหน้า”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแหะๆ “อาจารย์ลุงรอง การกลับมาในครั้งนี้ของข้าได้ของดีมาด้วย ด้วยคุณสมบัติพรสวรรค์และการสั่งสมในยามปกติของท่าน ไม่แน่ว่าจะก้าวหน้าอีกก้าวอยางรวดเร็ว”

อาจารย์ลุงรองหัวเราะ “ข้าเป็นอย่างไรยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้บิดาเจ้ากำลังเข้าฌานอยู่ ครั้งนี้ต่อให้ไม่รุดหน้าอีกขั้นหลังจากออกมา ก็ต้องได้อะไรดีๆ มาด้วยไม่น้อยแน่”

ชายหนุ่มยิ้ม ถามว่า “ท่านกับท่านพ่อสลับกันเข้าฌาน สลับกันคุมสถานการณ์ใหญ่หรือ”

ฟางจุ่นพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยอีกว่า “สถานการณ์ในตอนนี้มั่นคงยิ่ง ท่านอาจารย์อดกลั้นไว้เนิ่นนาน ในที่สุดก็ก้าวเท้าก้าวนั้นออกได้ กำลังจะขึ้นมาพบกับพวกเราแล้ว”

………………..

[1] สตรีที่ดีไร้ข้าวก็ไม่อาจหุง หมายถึง ไร้วัตถุดิบก็ไม่อาจสร้างสิ่งใดได้