ตอนที่ 2,350 : ได้ข้ารับใช้
ซู่มมม!!
กระบี่พุ่งทะยานข้ามฟ้ามาเป็นเส้นแสงมองไปประหนึ่งดาวตกลัดขอบฟ้ายามค่ำคืนก็ไม่ปาน เข่นฆ่าสังหารเข้าจี้เข้าใกล้เฉินอี้หรูมากขึ้นทุกขณะเวลา และพริบตาก็ห่างจากร่างเฉินอี้หรูไม่ไกล
100 หมี่
50 หมี่
20 หมี่
…
หากทว่าเมื่อกระบี่ที่พุ่งมาดั่งลำแสงห่างจากร่างเฉินอี้หรูได้ไม่กี่ก้าว อยู่ดีๆมันก็เริ่มช้าลงจนในที่สุดก็หยุดชะงักนิ่งไปไม่ไหวติง เพียงลอยตระหง่านเบื้องหน้าแผ่กลิ่นอายพลังเยียบเย็นคมกล้าหาใดเปรียบออก!
“หืม?”
เฉินอี้หรูที่หลับตารอรับความตายเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเยียบเย็นเบื้องหน้าที่แน่นิ่งไป ก็อดลืมตาขึ้นมาดูไม่ได้
จากนั้นมันจึงพบว่า
ตรงหน้ามันปรากฏกระบี่พลังสีขาวยาว 3 ฉื่อของต้วนหลิงเทียน หยุดลอยห่างหว่างคิ้วมันไม่ถึงชุ่น!
(1 ชุ่น = 3.33 ซม.)
หากกระบี่พุ่งทะลวงเสือกแทงเข้ามาอีกแค่นิดเดียว ก็มากพอจะจบชีวิตมันได้อย่างง่ายดาย!
‘มัน…ไม่ฆ่าข้าหรือ?’
ทันใดนั้นเฉินอี้หรูก็หันมองไปทางต้วนหลิงเทียนก่อนอื่นใด ละความสุขความยินดีจากการรอดชีวิตเริ่มแผ่ซ่านขึ้นในใจไว้ทีหลัง แววตายังอดฉายชัดถึงความประหลาดใจออกมาไม่ได้
แน่นอนว่าการหยุดมือครานี้ สมควรมีเบื้องหลังเป็นแน่!
อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมา เฉินอี้หรูก็ไม่มีความคิดต่อต้านอะไรต้วนหลิงเทียนสืบไป
เพราะในสายตาของมัน ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ…แต่เป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!
กระทั่งเผลอๆเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ยังไม่ร้ายกาจเท่าต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!
“เจ้า…เจ้าไฉนไม่ฆ่าข้า?”
เฉินอี้หรูมองต้วนหลิงเทียนพลางถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ข้ายังไม่ฆ่าเจ้า เพราะคิดจะให้เจ้าเลือก…”
ได้ยินคำถามของเฉินอี้หรู ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกตรงๆเสียงเบา “วันนี้หากเจ้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ายอมรับข้าเป็นเจ้านาย ข้าสามารถละเว้นชีวิตเจ้าได้…แต่หากเจ้าไม่ต้องการข้าก็ไม่คิดบีบคั้น และจะส่งให้เจ้าไปสบายทันทีอย่างไร้ความเจ็บปวด…”
ซัว!
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ลูกตาเฉินอี้หรูหดเล็กลงทันใด ใบหน้ายังฉายโทสะออกชัด!
“นั่นไม่มีวัน!”
เฉินอี้หรูคำรามออกมาทันทีอย่างไม่แม้แต่จะหยุดคิดสักเพียงนิด “ข้าเฉินอี้หรูฆ่าได้หยามไม่ได้! จะให้ข้าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ลดตัวไปเป็นข้ารับใช้ครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นเจ้า? ข้าตายเสียดีกว่าอยู่!!”
เสียงคำรามของเฉินอี้หรูช่างแฝงเร้นไว้ด้วยความทะนงตนของเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์นัก!
ถึงแม้ว่าเฉินอี้หรูยังไม่อยากตาย แต่มันก็ไม่อาจทำใจยอมรับตัวตนที่เป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะเป็นนายเหนือหัวของมันได้ ยิ่งไม่คิดประพฤติตัวเยี่ยงข้ารับใช้!
“เจ้านับว่ายังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยคำหนึ่ง ก่อนในแววตาจะท่วมท้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต “เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ไปสบาย…และเพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีของเจ้า ข้าจะใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดจบชีวิตเจ้าให้!”
สิ้นคำต้วนหลิงเทียนก็สลายกระบี่พลังทิ้ง ก่อนที่จะเริ่มโคจรพลังอีกครั้ง
นับว่าความทะนงในศักดิ์ศรีของเฉินอี้หรู ได้ใจต้วนหลิงเทียนในระดับหนึ่ง
เช่นนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่นักสู้ที่ยอมตายไม่ยอมสยบ เขาจึงคิดจะจบชีวิตอีกฝ่ายด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของเขา!
“กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุด?”
ใจเฉินอี้หรูสะท้านไปทันใดเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เพราะมันรู้ดีว่านั่นหมายความว่าอะไร ‘ฟังจากที่มันพูด…หรือมันจะบอกว่ากระบี่เมื่อครู่ของมัน ยังมิใช่การลงมือเต็มพลัง?’
‘แต่เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นไปได้ยังไง?!’
‘กระบี่เมื่อครู่นั่นก็มีพลังอำนาจทำลายทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นยังมิใช่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ทุกคนที่สามารถลงมือได้รุนแรงถึงขั้นนั้น!!’
เฉินอี้หรูไม่เพียงแต่จะตกใจ ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก็เริ่มเปลงแสงสว่างเจิดจ้าออกมาประหนึ่งจะประชันกับดวงตะวัน!
ครู่ต่อมา ปรากฏรังสีกระบี่นับหมื่นพันผุดโผล่ขึ้นมาจากร่าง ราวกับรังสีกระบี่เหล่านั้นมันพุ่งออกมาจากทุกรูขุมขน!
ชั่วพริบตาที่แสงจ้า มองไปยามนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็เสมือนจมอยู่ในห่าพิรุณรังสีกระบี่ก็ไม่ปาน ต่อมาร่างคนก็คล้ายจะคล้ายจะกลับกลายเป็นรังสีพลังหลอมกลืนไปกระรังสีกระบี่นับไม่ถ้วน!!
เรียกว่าบัดนี้ร่างทั้งร่างของต้วนหลิงเทียนเสมือนอันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า หลอมรวมไปกับรังสีกระบี่นับหมื่นพันโดยรอบ!
วิ๊ง!!!
ทันใดนั้นรังสีกระบี่นับหมื่นพันก็พุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางหนึ่ง พวกมันเกาะกลุ่มควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อสีขาวราวน้ำนม ที่แลไปก็ไม่ได้ต่างอะไรจากกระบี่ธรรมดาๆราคาถูก!
ทันใดนั้นเอง
ซู่ว!
เสียงเสียดอากาศดังขึ้นแผ่วเบา เป็นกระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อที่ก่อตัวลอยล่องในอากาศ บัดนี้ได้พุ่งทะยานแหวกฟ้ามาไม่ช้าไม่เร็ว!
“นะ…นี่มัน!!”
ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเฉินอี้หรูด้วยซ้ำ กระทั่งข้ารับใช้วัยกลางคนทั้ง 2 ยังแลเห็นวิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดตา ต่างจับจ้องมองไปยังกระบี่ 3 ฉื่อสีขาวที่พุ่งแหวกฟ้าไปอย่างไม่วางตา
ทันใดนั้นเอง
เปรียะ!
บังเกิดเสียงบางสิ่งฉีกขาดดังขึ้น เป็นกระบี่ 3 ฉื่อสีขาวที่แลดูธรรมดาๆไม่ช้าไม่เร็วดังกล่าว มิคาดกลับฉีกเปิดความว่างเปล่ายืดยาวมาเป็นทางดั่งอุโมงค์มืด!!
อีกทั้งยามเมื่อเห็นรอยแยกมิติที่ถูกฉีกเปิดออก สองตาเฉินอี้หรูทั้งข้ารับใช้วัยกลางคนทั้ง 2 ก็ตกตะลึงสองตาแทบถลน!
นั่นเพราะรอยแยกมิติครานี้ มันช่างกว้างและยาวนัก เรียกว่าเอารอยแยกมิติที่ฉีกเปิดขึ้นจากการลงมือก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนมาเทียบไม่ติดเลย!
‘นะ…นี่มันอะไรกัน! รอยแยกทั้งกว้างทั้งยาวขนาดนี้ กว่าจะฟื้นสภาพ…เกรงว่าอย่างน้อยๆก็ต้องมี 2 เค่อมิใช่หรือไร?’
เฉินอี้หรูอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และในขณะที่บังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปทันที ‘ระ…รอยแยกมิติใหญ่โตขนาดนี้ มิใช่ว่ามีแค่เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ขึ้นไปถึงจะฉีกเปิดได้รึไง?’
‘กะ…การลงมือเต็มกำลังของมัน ถึงขั้นเทียบได้กับการโจมตีของเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์?’
ตอนนี้เฉินอี้หรูรู้สึกว่าหนังศีรษะมันชาด้านไปแล้ว
สวรรค์!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ด่านพลังฝึกปรือสมควรเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ผิดแน่ หากแต่หลังจากใช้เวทย์พลังสนับสนุน ทั้งวรยุทธ์กระบี่พิสดาร มิคาดกระบวนท่ากลับมีพลังทัดเทียมกับการลงมือของเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!
‘มันได้รับเพลงกระบี่เลิศภพจบแดนมาจากระนาบเทวโลกด้วยหรือยังไง?!’
เฉินอี้หรูอดไม่ได้ที่จะคิดไปทำนองนี้
‘มิใช่!’
‘มันเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้! และผู้สืบทอดหมอกพิรุณคนก่อนหน้า…มิใช่ว่าเป็นเซียนกระบี่ไร้ผู้ต้านท่านผู้อาวุโสฟงชิงหยางหรอกรึ!?’
‘ระ…หรือว่า…มันจักเป็นผู้สืบทอดของท่านผู้อาวุโสเซียนกระบี่?!’
‘หากเป็นเช่นนั้นจริง…เรื่องราวทั้งหมดก็คลี่คลายแล้ว เพราะในยุคนั้นอาวุโสเซียนกระบี่ก็ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าปีศาจ…’
‘ว่ากันว่า…หลังจากที่อาวุโสเซียนกระบี่บรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ ก่อนที่ท่านจะขึ้นสู่แดนสวรรค์ ยังฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!’
‘หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นผู้รับบาตรของอาวุโสเซียนกระบี่จริง เช่นนั้นแม้จะสำแดงพลังอำนาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ได้ทั้งๆที่ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ไม่แปลก…เพราะสุดท้ายแล้วอาวุโสเซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นั้น ก็ร้ายกาจถึงขั้นปลิดหัวเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ลงได้!’
หลังจมอยู่ในห้วงคิดครู่หนึ่ง เฉินอี้หรูก็รู้สึกตัวอีกครั้ง
และหลังจากนึกถึงตำนานอันน่าสะพรึงกลัวของเซียนกระบี่ฟงชิงหยางขึ้นมา มันกก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลับจับใจ…
“เฉินอี้หรู…วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของข้า! กายกระบี่รวมหนึ่ง!!”
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูเฉินอี้หรูอีกครั้ง ทำให้เฉินอี้หรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้านจับไขสันหลัง!
และเสียงที่ว่ายังดังออกมาจากกระบี่ที่กำลังแหวกฟ้ามาแต่ไกล!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เปลี่ยนตัวเองให้เป็นกระบี่ไปแล้ว! กระบี่คือเขาและเขาก็คือกระบี่!!
“ช้าก่อน!!”
แทบจะทันทีที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังออกจากกระบี่ขาว 3 ฉื่อจบคำ เฉินอี้หรูที่ร่างยังสั่นสะท้านไม่หายก็เร่งตะโกนกล่าวออกมาเสียงดังสนั่น
“หืม?”
กระบี่ 3 ฉื่อพลันชะลอตัวลงเล็กน้อย
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้า…เจ้าเป็นผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณต่อจากใต้เท้าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นั้นหรือ?”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฉินอี้หรูก็กล่าวถามออกมา
“แล้วไง?”
วาจาไร้แยแสของต้วนหลิงเทียนดังออกจากกระบี่ขาว 3 ฉื่ออีกครั้ง
“กระบวนท่ากระบี่ที่เจ้ากำลังใช้อยู่…ใช่เคล็ดกระบี่ที่สาบสูญไปจากแดนดินของใต้เท้าเซียนกระบี่หรือไม่?”
เฉินอี้หรูเร่งถามออกมาอีกครั้ง
“ในเมื่อเจ้าก็เป็นคนที่กำลังจะตาย เช่นนั้นข้าบอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร…ไม่ผิด ข้าเป็นผู้สืบทอดของอาวุโสฟงชิงหยาง อีกทั้งกระบวนท่ากระบี่นี้ข้าก็บรรลุมันหลังได้สืบทอดมรดกของอาวุโสฟงชิงหยาง”
ด้วยถูกใจศักดิ์ศรีอันเป็นธาตุทระนงของเฉินอี้หรู ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวตอบออกไปตามตรง
หาไม่แล้วเขาคงไม่คิดเสียเวลาต่อความยาวสาวความยืดอะไร ฆ่าเฉินอี้หรูทิ้งไปให้จบๆแต่แรก!
หากทว่าต้วนหลิงเทียนไม่เคยคิดเลย…
แทบจะพร้อมกันกับที่เขากล่าวจบคำ เฉินอี้หรูก็เร่งกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าอย่างฉับไว ว่าจะยึดถือเขาเป็นเจ้านาย และไม่คิดคดทรยศชั่วชีวิต…
เรียกว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ต้วนหลิงเทียนในร่างกระบี่ถึงกับสะอึก กระบี่ยังถึงกับเป๋ไปวูบหนึ่ง!
ชายชราผู้นี้มิใช่เมื่อครู่ยังมีศักดิ์ศรีและทะนงตัวหรือไร?
ไม่ใช่ว่าฆ่าได้หยามไม่ได้ ยอมตายไม่ยอมจำนนหรอกรึ?
หรือ…มันแค่เสแสร้งแสดง? ที่แท้ก็เป็นแค่ตัวปอดแหกกลัวตาย?
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปแล้วจริงๆ
เค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง และก่านหรูเยี่ยนเองก็อึ้งไปไม่ต่าง
ข้ารับใช้ทั้ง 2 ของเฉินอี้หรูก็ถึงกับหน้าเหวอ
“นายท่าน…กะ…กล่าวคำสาบานว่าจะรับใช้ต้วนหลิงเทียน? ยอมรับผู้อื่นเป็นนายเหนือหัวจริงๆ?”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำทั้งชายวัยกลางคนร่างสูงผอมปานลำไผ่ได้แต่หันหน้ามามองสบตาถามไถ่กันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในฐานะที่พวกมันเป็นข้ารับใช้ที่ติดตามเฉินอี้หรูมานาน พวกมันย่อมรู้นิสัยใจคอของเฉินอี้หรูดี ว่าเฉินอี้หรูเจ้านายของพวกมันนั้นหยิ่งทะนงเพียงใด ยังเห็นศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตเสียอีก!
เช่นนั้นตอนแรกที่เฉินอี้หรูบอกว่า…
ยอมตายไม่ยอมสยบต่อต้วนหลิงเทียนนั้น…
พวกมันก็ไม่ได้แปลกใจเลย!
ทว่าตอนนี้หลังคุยกับต้วนหลิงเทียนแค่ไม่กี่คำ เฉินอี้หรูไม่เพียงแต่จะกลับคำ กระทั่งยังเร่งกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาเพื่อยอมรับต้วนหลิงเทียนเป็นเจ้านาย! เรื่องนี้ทำให้พวกมันตกใจแทบตายแล้ว!!
เรื่องพวกมันยังอึ้งกว่าต้วนหลิงเทียน กระทั่งยังอึ้งกว่าสตรีทั้ง 3 ข้างกายต้วนหลิงเทียนเสียอีก!
“ข้าหลงคิดว่าเจ้าเป็นคนทะนงในศักดิ์ศรีคนหนึ่ง…แต่ที่แท้กลับเป็นแค่คนขี้ขลาด!”
ตอนนี้เองกระบี่สีขาวราวน้ำนมยาว 3 ฉื่อที่ลอยล่องในอากาศพลันสลายหายไป ก่อนที่ร่างต้วนหลิงเทียนจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง สายตาที่ใช้มองเฉินอี้หรูยังฉายชัดถึงความดูแคลนหยันหยามไม่น้อย
“มิใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีอันใด หากได้รับใช้ผู้สืบทอดใต้เท้าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!”
เผชิญหน้ากกับสายตาดูหมิ่นวาจาหยันหยามของต้วนหลิงเทียน เฉินอี้หรูไม่ได้คิดมากอะไร หลังส่ายหัวไปมาเบาๆไม่กี่ที มันก็ยืนตัวตรงก่อนจะประสานมือโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนอย่างนอบน้อมเพื่อแสดงความเคารพ
“เฉินอี้หรู ยินดีที่ได้รับใช้นายท่าน!”
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับข้ารับใช้อีก 1 คน แถมยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์อีกด้วย!