ตอนที่ 2,351 : คดีลึกลับไร้เงื่อนงำ!
“ผู้อาวุโสฟงชิงหยาง?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วมองเฉินอี้หรูที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา เขาพบว่าลึกลงไปในแววตาของเฉินอี้หรูนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความยำเกรง!
ทว่าต้วนหลิงเทียนย่อมมองออกได้ทันที
ความยำเกรงในสายตาของเฉินอี้หรูไม่ได้มีให้เขา…
เขาจึงตระหนักได้ไม่ยากว่าที่เฉินอี้หรูเลือกกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อเป็นข้ารับใช้เขานั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกริ่งเกรงบารมีของอาวุโสฟงชิงหยาง!
“ข้าน้อย คารวะนายท่าน!”
ตอนนี้เองข้ารับใช้วัยกลางคนทั้ง 2 ของเฉินอี้หรู ก็เร่งรุดมาประสานมือคารวะต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีเคารพเชื่อฟังเช่นกัน
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนายเหนือของนายท่านพวกมัน เช่นนั้นก็คือนายเหนือของพวกมันด้วย!
อย่างไรก็ตามแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะเหลือบแลทั้ง 2 สักครั้ง
ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปมองกล่าวกับต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนด้วยรอยยิ้มบางๆ “พวกเราไปลัทธิบูชาไฟกันเถอะ”
กล่าวจบคำก็ไม่ทันรอให้สตรีทั้ง 3 ตอบสนองสิ่งใด ต้วนหลิงเทียนพลันใช้พลังไร้สภาพอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลหอบหิ้วทั้งหมดให้เหินทะยานพุ่งขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก อันเป็นทิศทางที่ตั้งลัทธิบูชาไฟทันที!
ยังเร็วประดุจกระสุนปืนใหญ่ยิงขึ้นฟ้า!
ซู่ม!!
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใช้เวทย์พลังเสริมท่าร่างอะไร หากแต่ด้วยผลจากเวทย์พลังสนับสนุนของปฐมเวทย์กลืนกินยังอยู่ ความเร็วของเขาตอนนี้ก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
ชั่วพริบตาร่างพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็กลายเป็นจุดเล็กๆสีดำในสายตาเฉินอี้หรูกับพวกทั้ง 3
“ไป!”
เฉินอี้หรูตะคอกเสียงเบา ก่อนจะหอบหิ้วชายวัยกลางคนร่างกำยำกับชายวัยกลางคนร่างผอมสูงปานลำไผ่เหินตามกลุ่มต้วนหลิงเทียนไปทันที ความเร็วของมันก็นับว่าไม่ใช่ชั่วเหมือนกัน
หากแต่มันได้ใช้เวทย์พลังเสริมท่าร่างทั้งวรยุทธ์เซียนท่าร่างทั้งหมดที่มี!
ทว่าสุดท้ายความเร็วของมันยังทำได้แค่ทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
“ท่านพ่อ! ท่านจะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ตาแก่นั่นแลดูดุร้ายเก่งกล้าไม่น้อยแต่สุดท้ายก็แพ้ท่านพ่อ แถมยังยอมเป็นข้ารับใช้ท่านพ่ออีกด้วย!!”
ต้วนซือหลิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วเดินทาง อดไม่ได้ที่จะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้นคึกคัก สีหน้าแลดูแดงๆคล้ายฮึกเหิมถึงที่สุด
ทำราวกับการสยบเฉินอี้หรูและบีบให้เฉินอี้หรูติดตามรับใช้ไม่ใช่ฝีมือต้วนหลิงเทียน แต่เป็นผลงานของนางเอง
ถึงแม้เค่อเอ๋อจะไม่ได้พูดอะไรออกมา หากแต่สายตาที่ใช้มองร่างต้วนหลิงเทียนก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเทิดทูน
“ขอเพียงวันหน้าซือหลิงตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะให้ดี ไม่นานก็ร้ายกาจเหมือนพ่อแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนลูบหัวน้อยๆของซือหลิงอย่างอ่อนโยน กล่าวออกด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ไม่ว่าจะสายตาท่าทีชื่นชมของต้วนซือหลิงลูกสาวเขา หรือสายตาเทิดทูนของเค่อเอ๋อ แม้ต้วนหลิงเทียนจะชินกับมันแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอิ่มเอมใจทั้งพึงพอใจกับมันเสมอ
ก่านหรูเยี่ยนที่ถูกหอบหิ้วอยู่ข้างๆได้แต่มองภาพครอบครัวสุขสันต์ทั้ง 3 อย่างเงียบงัน ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แววตานางกลับเผยความเหม่อลอยซึมเซาเล็กน้อย เหมือนจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่
‘แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น…แต่มันกลับร้ายกาจถึงขนาดนี้แล้ว…’
พอนึกถึงพลังความแข็งแกร่งอันครอบงำของต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่างเปล่าในใจ
พอนึกย้อนไปในวันวาน
ชายหนุ่มชุดม่วงข้างๆนั้น…ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวกระจ้อย! ไม่มีแม้แต่พลังจะต้านทานนางด้วยซ้ำ ทำได้แต่ทนมองนางพรากภรรยาของตัวอันเป็นน้องสาวฝาแฝดของนางจากมาอย่างอับจนหนทาง…
ทว่าตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของชายหนุ่มชุดม่วงไม่เพียงแต่จะไล่ตามนางทัน กระทั่งยังแซงนางไปไกลลิบโลก…
บางทีในสายตาของอีกฝ่ายตอนนี้ ตัวนางก็ไม่ต่างใดจากมดตัวกระจ้อยตัวหนึ่ง…
‘ตอนนี้มันคิดกลับไปลัทธิบูชาไฟด้วยสีหน้าแบบนั้น…หรือมันคิดจะไปฆ่าถังซวนล้างแค้นให้ผู้เฒ่าหั่วแล้ว?’
ก่านหรูเยี่ยนลอบคาดเดา
อย่างไรก็ตามต่อให้หลับก่านหรูเยี่ยนก็ไม่อาจฝันถึง
ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับไปยังลัทธิบูชาไฟคราวนี้ ไม่ใช่แค่จะฆ่าถังซวนล้างแค้นให้ผู้เฒ่าหั่วเท่านั้น แต่ยังคิดทำลายลัทธิบูชาไฟอีกด้วย!
นั่นเพราะหลังกลับขึ้นมาถึงภูมิภาคเบื้องบนคราวนี้ เขาได้รับทราบอีกฐานะของตัวเอง!
ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ หมอกพิรุณ! อีกทั้งยังเป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีกด้วย!!
ในฐานะผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ เขาเองก็มีภาระผูกพัน และหน้าที่ๆต้องกระทำ
ต้วนหลิงเทียนจึงตัดสินใจไว้ว่า…
ก่อนที่จะขึ้นสวรรค์ นอกจากตามหาครอบครัวและอยู่กับลูกเมียแล้ว ต้วนหลิงเทียนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อทำลายทั้ง 3 ลัทธิ ล้างแค้นให้อดีตคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่ถูก 3 ลัทธิไล่ฆ่า! กระทั่งยังจะลบนาม 3 ลัทธิให้หายไปจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!
‘แต่ไม่คิดเลยจริงๆ…ว่ามันจะเป็นถึงผู้สืบทอดหมอกพิรุณ แถมยังกลายเป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ไปแล้ว!’
ไม่นานก่านหรูเยี่ยนก็อดนึกถึงเรื่องที่ทำให้นางตกใจครั้งใหญ่ขึ้นมาไม่ได้
ก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ นางยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนเพียงจงใจกล่าวหยอกล้อไปขำๆ
จนเมื่อก่อนที่เฉินอี้หรูจะยอมรับต้วนหลิงเทียนเป็นเจ้านาย ต้วนหลิงเทียนก็ได้ตอบมันไปว่าไม่เพียงแต่จะรับสืบทอดนามหมอกพิรุณจากอาวุโสฟงชิงหยาง ยังได้รับสืบมรดกเคล็ดวิชาจากฟงชิงหยางมาด้วย!
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวซ้ำอีกครั้งแบบนี้ นางจึงมั่นใจทันทีว่าไม่ได้ล้อเล่น อีกฝ่ายเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้จริงๆ!
‘ใช่มันเข้าลัทธิบูชาไฟมาเพราะคิดแฝงตัวสืบความอะไรอย่างที่ผู้คนว่ากันหรือไม่…?’
ทว่าก่านหรูเยี่ยนคิดถึงเรื่องนี้ไม่ทันไรนางก็ส่ายหัวออกมาทันที ‘ไม่ใช่แน่นอน! มันสมควรมาลัทธิบูชาไฟเพื่อเค่อเอ๋อ…เพราะถึงมันจะเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้จริงแต่มันก็ไม่มีเหตุผลมากพอให้ต้องเสี่ยงแฝงตัวเข้าลัทธิบูชาไฟ’
‘หากจ้าวลัทธิกับอาวุโสทั้งหลายในลัทธิบูชาไฟได้รู้ว่ามันเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ แถมยังเป็นถึงผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้…เกรงว่าคงต้องตะลึงกันยกใหญ่แน่ ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงกัน?’
‘อย่างไรก็ตามหากมันเปิดเผยฐานะผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ออกไปจ้าวลัทธิกับอาวุโสทั้งหลายไม่พ้นต้องหาทางฆ่ามันให้ตายให้จงได้…ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของมันตอนนี้เกรงว่าต่อให้เป็นจ้าวลัทธิมันก็ไม่ต้องกลัว! ไม่รู้ว่าในลัทธิบูชาไฟเรามีเซียนอมตะเสเพลหรือไม่?’
ถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะได้รู้เรื่องราวการดำรงอยู่ของเซียนอมตะเสเพลมาตั้งแต่ตอนอยู่ลัทธิบูชาไฟ แต่นางก็ไม่เคยรู้เลยว่าในลัทธิบูชาไฟนั้นมีตัวตนเซียนอมตะเสเพลซ่อนอยู่หรือไม่…
‘หากมีจริงไม่รู้พลังฝีมือของพวกมันจะเป็นอย่างไร เกิดแข็งแกร่งกว่าเจ้านี่ขึ้นมา…ถ้างั้นกลับไปคราวนี้ข้าเกรงว่า…’
พอคิดถึงจุดนี้ก่านหรูเยี่ยนก็เหลือบมองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนเล็กน้อยด้วยสายตาหวั่นๆ…ไม่กล้าคิดอะไรสืบต่อ
…
ไม่นานนักหลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนกับพวกเฉินอี้หรูจากไป
เมืองที่เคยคึกคักเปี่ยมล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่กลับกลายเป็นซากปรักหักพัง เริ่มปรากฏผู้คนที่รอดตายพยายามคลานออกจากซากปรักหักพัง
สีหน้าแววตาของแต่ละคนที่รอดตายมาได้ ล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด!
ก่อนหน้านี้พวกมันไม่อาจตอบสนองต่อสิ่งใดได้เลย หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เมืองพังพินาศล้วนเป็นเพราะกระบวนท่าดาบท่าหนึ่งเท่านั้น…!
และหากไม่ใช่เพราะมีโชคกับพลังฝีมือสูงพอตัว เกรงว่าพวกมันเหล่านี้ก็คงตกตายเหมือนคนอื่นๆไปแล้ว
“นี่มัน…เกิดอาเพศอันใดขึ้นกันแน่…”
บางคนที่ออกจากซากปรักหักพังได้แล้วก็ค่อยๆเหินร่างขึ้นฟ้าไป ก่อนจะทอดตามองภาพเมืองที่พังพินาศยับเยินเบื้องล่างด้วยสายตาหวาดกลัว
เรียกว่าเมืองของพวกมันที่เคยสวยงามคึกครื้นเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง บัดนี้คงเหลือแต่ซากปรักหักพังกลับกลิ่นเลือดคาวคลุ้งใต้ซากอาคารถล่ม! มองไปไม่เห็นใครไม่บาดเจ็บทั้งอาคารที่ยังสมบูรณ์แม้แต่หลังเดียว!!
กระทั่งพื้นที่ป่าและขุนเขาใกล้ๆเมืองก็พินาศสิ้น! ภูมิประเทศแปรเปลี่ยนไปอย่างน่าขนลุก!!
ประหนึ่งพึ่งพบพานมหาพายุล้างโลกมาอย่างไรอย่างนั้น!
“โอย…ผู้ใดบอกข้าพเจ้าได้บ้าง ว่านี่มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกันแน่?”
“ข้า…ไม่รู้”
“ก่อนที่ทุกอย่างจะพังพินาศ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังดาบทำลายล้างหนึ่ง กระทั่งตอนนี้ในอากาศยังเหลือเจตจำนงดาบคงค้างเอาไว้…ยังเป็นเจตจำนงดาบอันน่ากลัวนัก! วิชาดาบอะไรกันถึงขั้นฆ่าคนล้างเมืองจนพินาศสิ้นได้?”
“เป็นยอดคนจากที่ใดกันแน่…พลังทำลายรุนแรงขนาดนี้ หากไม่ใช่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนก็สมควรเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!”
“ไม่! ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ไม่ร้ายกาจขนาดนี้…จากบันทึกที่ข้าเคยอ่านมา พลังทำลายล้างระดับนี้ เว้นเสียแต่จะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะสักโหลผนึกกำลังกันลงมือ หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างหายนะล้างเมืองได้!”
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะเป็นโหลผนึกกำลังกันลงมือ? ลำพังแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะสักคนก็หาได้ยากยิ่ง นับประสาอะไรกับเป็นโหล!”
…
สำหรับผู้คนในเมืองที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้มาได้ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นความลี้ลับชวนสยองอย่างถึงที่สุด ยังไร้ร่องรอยใดๆให้สืบสาว…
แต่มีเรื่องหนึ่งที่พวกมันมั่นใจได้
คลื่นดาบทำลายล้างที่กวาดซัดมาปานห่าพิรุณอันปรากฏขึ้นก่อนทุกสิ่งจะกลายเป็นซากปรักหักพังนั่น ไม่ใช่ภัยธรรมชาติแน่นอน แต่สมควรเป็นการลงมือของผู้คน!
แต่เป็นใครกันที่มีพลังร้ายกาจถึงขั้นนี้?
พวกมันไม่อาจทราบได้เลย
ว่าที่แท้ผู้ที่ทำให้เมืองทั้งเมืองต้องพังพินาศนั้น คือตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
ดาบชำระโลกา ของเฉินอี้หรู เป็นการโจมตีทำลายวงกว้างไม่แบ่งแยกมิตรศัตรู รัศมีทำลายยังครอบคลุมพื้นที่ทั้งเมือง เหล่าผู้ที่รู้เรื่องราวที่ลอยร่างดูชมเรื่องราวตอนมันลงดาบล้วนตกตายหมดสิ้นไม่มีเหลือ!
กระทั่งในรัศมีไม่กี่ลี้จากจุดลงดาบ ยังไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!
ที่สามารถรอดตายมาได้ ก็มีแต่ผู้ฝึกกตนที่มีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ห่างจากจุดเกิดเหตุออกมา กับผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากจุดปะทะมากๆเท่านั้น…
ดังนั้นในเมืองจึงไม่เหลือใครรู้เรื่องการปะทะกันระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูเลย ยกเว้นก็แต่พวกต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูเอง
และตราบใดทีพวกเขาไม่กี่คนไม่พูด เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นคดีลึกลับไร้เงื่อนงำ!!
ตัดกลับมาทางด้านต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรู ตอนนี้ทั้งคู่ก็หอบหิ้วคนของตัวเหินร่างมุ่งทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูง เข้าใกล้ลัทธิบูชาไฟมากขึ้นทุกขณะ
ซู่ม!
ต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วสตรีทั้ง 3 เดินทางด้วยความเร็วสูง เมื่อระดับพลังในร่างเริ่มส่อสัญญาณลดลง เขาก็ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ เพื่อรักษาะระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดสูงสุดเอาไว้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ความเร็วในการเหินบินของเขาจึงรวดเร็วนัก!
อย่างไรก็ตามหลังเดินทางผ่านไปพักใหญ่ๆ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักว่าการใช้ปฐมเวทย์กลืนกินอย่างต่อเนื่องแบบนี้นั้น มันสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไม่น้อย ทำให้จิตเริ่มอ่อนล้าลง
การใช้ปฐทเวทย์กลืนกินไม่กี่ครั้งย่อมไม่นับเป็นอะไร พลังวิญญาณที่เสียไปก็ไม่ได้สร้างภาระอะไรให้เขามากมาย
หากทว่าเมื่อใช้ปฐมเวทย์กลืนกินติดต่อกันไม่หยุดเป็นระยะเวลานาน ย่อมเกิดอาการเหนื่อยล้าทางจิตสะสมไปเรื่อยๆ มากๆเข้าเขาก็รู้สึกอ่อนล้าเป็นเหมือนกัน
‘พักก่อนก็ดี ข้ามีเรื่องจะถามมันอยู่ด้วย…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ขณะเดียวกันก็ไม่คิดยื้อยุดอะไรอีก ปล่อยให้ระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างค่อยๆลดลงไปตามสภาพ ไม่คิดใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเพื่อเพิ่มพูนมันอีก
เช่นนั้นความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆลดลงตามธรรมชาติ…