ตอนที่ 1041 ไปเยือนตระกูลอู่เหวิน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังจากทุกคนอยู่ในตำหนักอีกพักใหญ่ เนตรปีศาจก็ส่งข่าวกลับมาว่ามันและอสูรอื่น ๆ ช่วยหลงยวี่เอ๋อร์ได้สำเร็จแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของนางในตอนนี้ไม่ดีนัก เส้นลมปราณทั้งหมดของนางได้รับความเสียหายและพลังมายาสลายหายไปทั้งหมดจนกลายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งพลัง หากมิใช่เพราะยังต้องเก็บนางไว้เพื่อใช้เป็นตัวประกัน เกรงว่าคนตระกูลอู่เหวินคงจะปล่อยให้นางเสียชีวิตไปแล้ว

“นายท่าน เราเผชิญกับปัญหาบางอย่างและจะต้องรออีกสักพักก่อนที่จะกลับไปได้”

เสียงของเนตรปีศาจดังขึ้นในโสตประสาทของหานโม่ฉือ ถึงอย่างไรตระกูลอู่เหวินก็จัดเป็นตระกูลที่ทรงพลังเช่นกัน แม้เนตรปีศาจและกิเลนอัคคีจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่ง่ายที่จะพาคนทั้งคนออกมาโดยที่ตระกูลอู่เหวินไม่รู้ตัว

“พวกเจ้าไม่ต้องกลับมา รออยู่ที่ตระกูลอู่เหวินต่อไป เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่นั่น”

หานโม่ฉือตอบกลับไป ในเมื่อทราบแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของคนตระกูลอู่เหวิน ตระกูลราชวงศ์ก็ไม่มีทางอยู่เฉยอย่างแน่นอน เพียงการที่หลงยวี่เอ๋อร์ถูกจับตัวอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวิน มันก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนมากพอจนตระกูลอู่เหวินไม่สามารถให้การปฏิเสธได้

“ไปที่คฤหาสน์ตระกูลอู่เหวินกันเถอะ !”

หลงอวี้เทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และจิตสังหารในแววตาก็ปรากฏขึ้น

เขาสั่งการกับทหารผู้พิทักษ์และทุกคนก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวินด้วยสีหน้าที่แสดงความโกรธแค้นอย่างชัดเจน

ในตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้วและบรรยากาศในเมืองราชวงศ์ไม่มีชีวิตชีวามากเท่าตอนกลางวัน อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกมากมายที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของตระกูลราชวงศ์และเดินตามพวกเขาไปอย่างสงสัยใคร่รู้…

ณ คฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวิน ในเวลานี้ได้เกิดสถานการณ์ความวุ่นวายบางอย่าง

หลงยวี่เอ๋อร์ผู้ซึ่งถูกขังไว้ในห้องมืดได้ถูกใครบางคนช่วยออกไปแล้วและตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวใดที่ถูกส่งมาจากพระราชวัง อู่เหวินยงไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลงจิ้งเฉินและนั่นทำให้เขากังวลขึ้นมาก

เขาสังหรณ์ใจว่าตระกูลราชวงศ์อาจจะค้นพบแผนการของพวกตนแล้วและกำลังเตรียมตอบโต้กลับ

“พวกเจ้าพบตัวหลงยวี่เอ๋อร์รึไม่ ?”

คนในตระกูลอู่เหวินตามหาตัวหลงยวี่เอ๋อร์มาเป็นพักใหญ่แล้วทว่ายังไม่พบร่องรอยใด ๆ ของนาง อู่เหวินยงก็มั่นใจว่าหลงยวี่เอ๋อร์ยังไม่ถูกพาตัวออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลอู่เหวิน ทว่านางจะไปซ่อนตัวที่ใดได้ ?

คนตระกูลอู่เหวินทำการค้นหาอย่างละเอียดเกือบทั่วทั้งคฤหาสน์แล้ว ทว่ายังไม่พบแม้แต่ร่องรอยของหลงยวี่เอ๋อร์ คนที่ไร้พลังเช่นนางจะไปหลบซ่อนที่ใดได้ ? นางไม่มีทางที่จะหายตัวไปเฉย ๆ แน่…

“ท่านผู้นำขอรับ ข้าคิดว่าตระกูลราชวงศ์จะต้องทราบถึงแผนการของเราแล้วเป็นแน่ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าตระกูลอู่เหวินของเราจะต้องตกที่นั่งลำบาก”

ในเวลานี้ ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลอู่เหวินกำลังหารือกันและจู่ ๆ ผู้อาวุโสใหญ่ก็กล่าวกับอู่เหวินยง

ต่อให้ตระกูลอู่เหวินจะไม่แข็งแกร่งมากเท่ากับตระกูลราชวงศ์ พวกเขาก็ไม่มีทางหลับตารอความตายอยู่เฉย ๆ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แม้ต้องเผชิญภยันตราย พวกเขาก็ยังมีโอกาสเอาตัวรอดออกไปได้

อู่เหวินยงลังเลเล็กน้อย หากต้องประจันหน้ากัน พวกเขามิใช่คู่มือของตระกูลราชวงศ์แน่ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของบรรดาผู้อาวุโสก็สมเหตุสมผลดี แทนที่จะเฝ้ารอให้ความตายมาถึง การที่พวกเขาเลือกที่จะต่อสู้อย่างสุดชีวิตจะทำให้พวกเขามีโอกาสรอดได้มากขึ้น

ทว่าก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจอย่างจริง ๆ จัง ๆ ศิษย์ของตระกูลอู่เหวินคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา

“ท่านผู้นำ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ท่าไม่ดีแล้วขอรับ ! ตระกูลราชวงศ์มาถึงแล้ว !”

เมื่อครู่ทหารผู้พิทักษ์หน้าประตูคฤหาสน์สังเกตเห็นหลงอวี้เทียน หลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ปรากฏตัวไม่ไกลจากคฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวิน พวกเขาตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักและส่งคนมาแจ้งข่าวโดยเร็วในขณะที่คนส่วนหนึ่งออกไปหยุดหลงอวี้เทียนและคณะไว้ที่หน้าประตู

“อะไรนะ ? เหตุใดถึงมากันเร็วยิ่งนัก ?!”

สีหน้าของอู่เหวินยงเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลราชวงศ์จะมาถึงเร็วเช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาลังเลไม่ได้อีกต่อไปและทำได้เพียงเดินหน้าต่อสู้กับตระกูลราชวงศ์โดยตรง

“ออกไปดูกันก่อนเถอะ”

อู่เหวินยงลุกขึ้นและนำสมาชิกทั้งหมดของตระกูลอู่เหวินมุ่งหน้าตรงไปยังประตูคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว

ณ ประตูด้านหน้าคฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวิน หลงอวี้เทียนนำกลุ่มสมาชิกตระกูลราชวงศ์จำนวนหนึ่งบุกมาประจันหน้ากับทุกคนในตระกูลอู่เหวิน

“ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรรึถึงได้นำคนมากมายมาที่ตระกูลอู่เหวินของเราเช่นนี้ ?”

แม้รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนของตระกูลราชวงศ์มาที่นี่เพราะเหตุใด ตระกูลอู่เหวินก็ไม่สามารถแสดงออกไปอย่างชัดเจนและผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยท่าทางสุภาพ

“พวกเรามาที่นี่เพราะเรื่องอะไร ตระกูลอู่เหวินย่อมทราบดีอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องเสียเวลาเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยเล่า บอกให้เจ้าอู่เหวินยงโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ หากไม่ได้รับคำอธิบายในวันนี้ พวกเราจะไม่กลับไปไหนทั้งสิ้น !”

หลงอวี้เทียนไม่ต้องการฟังคำเสแสร้งหรือข้ออ้างใดขณะกล่าวอย่างเย็นชาเพื่อให้ผู้อาวุโสคนนั้นเข้าไปเรียกอู่เหวินยงออกมา

“ผู้นำของพวกเรากำลังหารือเรื่องสำคัญกับบรรดาผู้อาวุโสอยู่ หากท่านต้องการจะพบเขา โปรดรอสักครู่เถิด ตระกูลอู่เหวินของเราเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองราชวงศ์ ต่อให้เป็นคนจากตระกูลราชวงศ์ก็ไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้าไปโดยพลการ”

ผู้อาวุโสผู้นั้นไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกขณะเงยหน้าสบตาหลงอวี้เทียนและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจกล่าวเสียงดังเพื่อให้ผู้ที่ชมเหตุการณ์อยู่รอบ ๆ ได้ยินกันทุกคน

คนเหล่านั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าหากตระกูลราชวงศ์ทำสิ่งที่โอหังจนเกินไป มันจะกระตุ้นความไม่พอใจของสาธารณชนเป็นแน่และนั่นจะช่วยถ่วงเวลาให้กับตระกูลอู่เหวินได้อีกพักใหญ่

“ไม่ต้องคิดถ่วงเวลาหรอก พวกเจ้าตระกูลอู่เหวินจับตัวน้องรองของข้าไป อีกทั้งยังยุยงให้หลงจิ้งเฉินกระทำการชั่วร้ายต่อท่านพ่อและพวกข้า แท้ที่จริงแล้วพวกเจ้าร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและคิดที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในเมืองราชวงศ์ อย่าคิดว่าพวกข้าจะไม่รู้ !”

หลงเพ่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยจุดประสงค์ของอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ดังพอให้ผู้ที่มาชมเหตุการณ์ได้ยินเช่นกัน

“อะไรนะ ?! ตระกูลอู่เหวินร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและจับตัวองค์หญิงรองแห่งตระกูลราชวงศ์ไปอย่างนั้นหรือ ?”

ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดเลยว่าตระกูลอู่เหวินจะกล้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้

ตระกูลใหญ่ทั้งหมดในเมืองราชวงศ์ล้วนทรงพลังพอสมควร ทว่าพวกเขาก็ยังด้อยกว่าตระกูลราชวงศ์ หากตระกูลอู่เหวินเป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายในตระกูลราชวงศ์จริงก็ไม่แปลกที่หลงอวี้เทียนจะนำสมาชิกของตระกูลราชวงศ์บุกมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง

“ถึงอย่างไรเจ้าแก่ตายยากอู่เหวินยงก็มิใช่คนดีแม้แต่น้อย คนของตระกูลอู่เหวินเองก็เป็นตระกูลที่มักจะข่มเหงรังแกผู้คนมากที่สุดในทั้งสี่ตระกูลใหญ่ การที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นก็มิใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ”

ในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ชื่อเสียงของตระกูลอู่เหวินถือว่าเสื่อมเสียมากที่สุดและผู้คนในเมืองราชวงศ์ไม่ชอบหน้าตระกูลอู่เหวินเท่าใดนัก

เมื่อหลงเพ่ยเอ๋อร์กล่าวออกมาเช่นนี้ หลายคนก็เข้าข้างฝ่ายตระกูลราชวงศ์และตำหนิต่อว่าฝ่ายของตระกูลอู่เหวิน

วาจาเมื่อครู่นี้ของผู้อาวุโสตระกูลอู่เหวินถูกโต้กลับอย่างรุนแรงและไม่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ได้เลย

“ไร้สาระสิ้นดี คิดจะกล่าวหาว่าตระกูลอู่เหวินร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและจับตัวองค์หญิงรองแห่งตระกูลราชวงศ์ไปอย่างนั้นรึ ? พวกท่านมีหลักฐานอะไรหรือไม่ ?”

ในเวลานี้ อู่เหวินยงก้าวออกมาพร้อมคณะผู้ติดตาม เขาได้ยินความคิดเห็นของผู้คนก่อนหน้านี้แล้วและสีหน้าบูดบึ้งอย่างที่สุด

“หลงอวี้เทียน ข้าเคารพท่านในฐานะผู้นำของตระกูลราชวงศ์ และยอมอ่อนข้อให้ท่านอยู่เสมอ ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลอู่เหวินของเราจะเกรงกลัวต่อตระกูลราชวงศ์ หากจงใจดูหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรีของพวกเรา เราก็จะสู้ไม่ถอยเช่นกัน ข้าเชื่อว่าเมื่ออีกสามตระกูลใหญ่ทราบถึงการกระทำของตระกูลราชวงศ์ มันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอนและพวกเขาจะไม่มีวันร่วมมือกับท่าน”

เขากล่าวเสียงดังด้วยแววตาหนักแน่น

“ถูกต้อง ตระกูลราชวงศ์ไม่ชอบหน้าพวกเราสี่ตระกูลอยู่แล้วและต้องการหาทางกำจัดเรามาโดยตลอด หรือครานี้จะเป็นแผนการสมคบคิดของตระกูลราชวงศ์เพื่อใส่ร้ายป้ายสีตระกูลอู่เหวินและถือโอกาสนี้ทำลายพวกเรา”

ผู้อาวุโสตระกูลอู่เหวินแสดงความเห็นด้วยและกล่าวเสริมประโยคดังกล่าวโดยที่พยายามทำให้ชื่อเสียงของตระกูลราชวงศ์เสียหาย

“ฮ่า ๆ ๆ ไม่สำคัญหรอกว่ามีหลักฐานหรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้ายังกล้าตอบโต้อย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป ในเมื่อเจ้าต้องการหลักฐานนัก ข้าก็จะนำมาให้ !”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและปรบมือเป็นสัญญาณเล็กน้อยก่อนที่โครงร่างจำนวนหนึ่งจะพุ่งออกมาจากมุมหนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลอู่เหวิน