หลังจากผ่านไป 10 ปี หลิงตู้ฉิงก็ช่วยให้เจียงเซียนซิงกลายเป็นจักรพรรดิเทพได้สำเร็จ
เจียงเซียนซิง ผู้ซึ่งกลายเป็นจักรพรรดิเทพแล้วก็โค้งตัวคารวะหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซาบซึ้งอีกครั้ง “ข้าขอขอบคุณท่านอีกครั้งผู้อาวุโส!”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและตอบกลับ “เอาล่ะตอนนี้บ่วงกรรมที่ข้ามีต่อพวกเจ้าทุกอย่างถือว่าสิ้นสุดกันแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ!”
ในตอนแรกเขาได้สังหารจักรพรรดิเทพไปถึง 12 คน ดังนั้นการช่วยให้โลกมีจักรพรรดิเทพเพิ่มขึ้นจึงนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นสิ่งที่เขาทำได้ไม่ยาก
หลังจากออกจากสำนักเทวะลอกเลียน หลิงตู้ฉิงก็ไปถึงวังจักรพรรดิมังกรในเวลาไม่นานนัก
จักรพรรดิมังกรมองไปที่หลิงตู้ฉิงและจิ๋นหลงพลางถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าตอนนี้เผ่ามังกรจะยิ่งมีความสัมพันธ์กับตำหนักไร้หทัยมากยิ่งกว่าในอดีตซะอีก…”
“แล้วมันไม่ดีงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ
จักรพรรดิมังกรด้วยสีหน้าหนักใจ “ในอดีตตอนที่จิ๋นหลงต้องการติดตามท่าน เผ่ามังกรของข้าก็วุ่นวายไปแล้วรอบหนึ่ง เพราะมีหลายคนมากที่ท้วงติงและยิ่งไปกว่านั้นบางคนถึงขั้นอยากจะยกทัพออกไปรบกับท่านด้วยซ้ำ เฮ้อ…เรื่องในอดีตยังคงฝังใจใครหลายคนอยู่เลยแล้ว วันนี้ท่านกลับมาขอตัวว่านจุนไปอีก ท่านคิดว่ามันจะเกิดเรื่องไหมล่ะ? แน่นอนว่ารอบนี้จะต้องมีคนที่คัดค้านมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้วหลายเท่าตัวแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่คนของเจ้าไม่ยินยอมเพราะว่าพวกเขาเป็นพวกเห็นแก่ตัวและไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมีอะไรอยู่อีกบ้าง แต่ก็ช่างเถอะข้าคงไม่อธิบายอะไรกับคนของเจ้าให้เสียเวลา เพราะไม่ว่าจะยังไงในเวลานี้หากข้าต้องการสิ่งใด ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือขออนุญาตอะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าพวกเขาไม่ยินยอมก็ให้ออกมาคุยกับข้าโดยตรง ข้าจะทำให้พวกเขารู้เองว่าการขัดขวางข้ามันมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร!”
จักรพรรดิมังกรได้แต่ถอนหายใจไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
แน่นอนว่ามันเป็นแบบที่หลิงตู้ฉิงพูด
ด้วยความแข็งแกร่งของตำหนักไร้หทัยตอนนี้ ต่อให้พวกเขาไม่พอใจพวกเขาจะไปทำอะไรได้? แถมผลลัพธ์ที่จิ๋นหลงตัดสินใจติดตามหลิงตู้ฉิงออกไปตอนนี้มันก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นความคิดที่ถูกต้อง ตอนนี้จิ๋นหลงได้กลายเป็นจักรพรรดิเทพแล้วในขณะที่พวกเขาหลายคนยังมองไม่เห็นทางเลยว่าจะทะลวงระดับไปได้ยังไง
“เรียกว่านจุนออกมา พวกข้าจะได้ไปสักที” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
จิ๋นหลง ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหลิงตู้ฉิงมองไปที่จักรพรรดิมังกรด้วยสายตาซับซ้อนไม่รู้ว่าจะทักทายฝั่งตรงข้ามอย่างไร
ความสัมพันธ์ของเขาในตอนนี้กับเผ่าของตัวเองมันยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาคือคนลักพาตัวหลิงว่านจุนออกไปเองกับมือ ดังนั้นเขาจึงไม่ต่างอะไรกับคนทรยศในสายตาของคนในเผ่าเดียวกัน
ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกจะลักพาตัวหลิงว่านจุนไปนั้น ใจหนึ่งเขาก็อยากจะสั่งสอนเผ่าของเขาให้ได้ลิ้มรสกับความเจ็บปวดที่เขาเคยรู้สึก อีกใจหนึ่งเขาก็อยากทำให้เผ่าของเขาได้พัฒนาขึ้นจากบทเรียนในครั้งนี้
เมื่อเผชิญกับตำหนักไร้หทัยที่มีจักรพรรดิเทพถึง 4 องค์ จักรพรรดิมังกรก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเรียกหลิงว่านจุนออกมาแต่โดยดี
หลิงว่านจุน ซึ่งไม่ได้สนิทสนมกับใครในเผ่ามังกรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาร่ำลาไม่นานและตามหลิงตู้ฉิงออกไปในทันที
เมื่อออกจากวังจักรพรรดิมังกร หลิงตู้ฉิงก็ตรงดิ่งไปที่เผ่าปีศาจโลหิต
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมาถึง บรรดาปีศาจโลหิตทุกตนต่างก็พากันเข้าไปหลบอยู่ในทะเลโลหิตไม่กล้าโผล่หน้าออกมา
ถึงแม้ว่าจะเกลียดหลิงตู้ฉิงมากขนาดไหน และเคยตะโกนด่ามากเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมันต่างกับตำหนักไร้หทัยราวฟ้ากับเหว
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ก็ได้แต่ส่ายหัวและพูดว่า “หากเทพโลหิตของพวกเจ้าได้มาเห็นภาพนี้เขาคงโกรธจนอกระเบิด…”
ปีศาจโลหิตขอบเขตเทวะราชาที่เคยรุมโจมตีหลิงตู้ฉิงเมื่อตอนที่อยู่ในเมืองมหาดาราจู่ ๆ ก็โผล่พรวดออกจากทะเลโลหิตด้วยสีหน้าเดือดดาล และตะโกนขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ายอมลดตัวลงมารังแกพวกข้าแบบนี้ งั้นก็มาเลยเข้ามา! จะฆ่าจะแกงข้ายังไงก็เชิญข้าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าขบขัน “หากเจ้าแน่จริงทำไมตอนนี้ในใจของเจ้าถึงได้ลนลานขนาดนั้น?”
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปีศาจโลหิตตนนี้กำลังกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
“ลนลาน? ใครลนลาน? อย่างมากข้าก็แค่ตายมันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแล้วจริง…ไหม?” ปีศาจโลหิตขอบเขตเทวะราชายังคงปากกล้า แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาเริ่มไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าจุดจบของเขามันจะตายไปแบบสบาย ๆ เหมือนที่คิดหรือเปล่า
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ จากนั้นเขาโยนหุ่นอาชูร่าโลหิต 4 ตัวที่เขาสร้างขึ้นที่โลกเบื้องล่างให้กับปีศาจโลหิตขอบเขตเทวะราชาจากนั้นเขาพูดว่า “ในตอนแรกข้าวางแผนเอาไว้ว่าข้าจะชดใช้ให้กับพวกเจ้าโดยการทำให้หนึ่งในพวกเจ้ากลายเป็นจักรพรรดิเทพ แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นความเก่งกล้าจากปากของพวกเจ้า ข้าคิดว่ามันคงไม่จำเป็นอีกแล้ว เอาเป็นว่าข้ามอบหุ่นอาชูร่าโลหิต 4 ตัวนี้ให้ก็แล้วกัน พวกเจ้าจะได้ประโยชน์จากพวกมันมากเท่าไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเจ้าเองแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงไม่ใส่ใจอะไรกับเผ่าปีศาจโลหิตอีกต่อไป เขาหันหลังจากไปในทันที
ปีศาจโลหิตขอบเขตเทวะราชามองไปที่หุ่นอาชูร่าโลหิต 4 ตัวที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ ซึ่งมันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในหุ่น 4 ตัวนี้มีอำนาจของมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าสถิตอยู่ จากนั้นมันก็มองตามหลังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเสียดายอย่างสุดซึ้ง
ถ้าให้เลือกได้ระหว่างหุ่น 4 ตัวนี้กับการให้หนึ่งในเผ่าของมันเป็นจักรพรรดิเทพ แน่นอนว่าการมีจักรพรรดิเทพมันย่อมดีกว่า!
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้ก็พาทุกคนเข้าไปในรอยแยกมิติที่จู่ ๆ ก็เปิดออกตรงหน้าพวกเขา
แต่แล้วในทันทีทีหลิงตู้ฉิงและคนของเขาเข้าไปในรอยแยกมิติ ครึ่งคนครึ่งหนูก็ปรากฏกายขึ้นขวางหน้าพวกเขาและตวาดถามขึ้น “พวกเจ้าเข้ามาทำอะไรในดินแดนของข้า!”
“เขาคือพ่อของข้า ไอ้หนูสกปรกจงพูดกับพ่อของข้าให้สุภาพมากกว่านี้หน่อย!” หลิงฟ่างหัวปรากฏตัวขึ้นทันทีเช่นกัน
“นังหนูไร้มารยาท ข้าอาวุโสกว่าเจ้าเป็นแสนปีกล้าดียังไงถึงได้พูดกับข้าแบบนี้?” หนูมิติตวาดกลับทันทีด้วยสีหน้าเดือดดาล “ที่นี่คือห้วงมิติ ซึ่งเป็นอาณาเขตของพวกเราเผ่ามิติ มันไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็ตามจะสามารถเข้ามาได้อย่างใจนึกถึงแม้ว่าจะเป็นตำหนักไร้หทัยก็ไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต!”
หนูมิติจ้องเขม็งไปที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงราวกับว่าตำหนักไร้หทัยไม่มีค่าอะไรในสายตาของมัน