ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 855 วรยุทธ์ยอดเยี่ยมที่มาหาด้วยตัวเอง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำถามของเยี่ยนตี๋ ก็ตอบอย่างจริงจังว่า “โชคดีที่ข้าได้พบลูกศิษย์อารามสูงส่งที่ตามหาท่านแม่ในครั้งนี้โดยบังเอิญ หลี่เฉิงที่หน้าเหมือนศิษย์น้องซือคงผู้นั้นเฝ้าอยู่ด้านนอกทางเชื่อม ไม่ได้เข้าไปในมิติต่างแดน”

ไม่เช่นนั้นอารามสูงส่งอาจจะรู้ว่าพวกซือคงจิงกับหลี่เฉิงมีความเกี่ยวข้องกับเสวี่ยชูฉิง

ชายหนุ่มพูดว่า “ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันได้อย่างแน่นอน แต่ข้ารู้ว่าการวินิจฉัยของข้าไม่ผิดแน่”

ลวดลายอาคมที่ถูกซ่อนไว้ในวิญญาณของซือคงจิง อันเป็นความพิเศษของพวกนาง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเสวี่ยชูฉิงจะเป็นผู้สร้างขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ที่เสวี่ยชูฉิงถูกคนไล่ล่าในปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้เอง

เยี่ยนตี๋พูดขึ้นหลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่งว่า “เจ้าบอกเรื่องนี้กับศิษย์หลานซือคงด้วย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับมารดาเจ้าไม่ต้องพูดละเอียดนัก ประเด็นสำคัญคือให้ศิษย์หลานซือคงเตรียมตัวไว้ เพื่อเพิ่มความระวังเมื่อเดินทางข้างนอก”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว”

สองพ่อลูกคุยกันต่ออีกหลายหัวข้อ ส่วนใหญ่แล้วเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของโลกซ้อนโลก และการพัฒนาต่อจากนี้ของเขากว่างเฉิง

แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ได้รับตำแหน่งอะไรในสำนัก แต่ก็เป็นสมาชิกระดับกลยุทธ์หลักมาตั้งแต่ต้น

ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนตี๋หรือหยวนเจิ้งเฟิง ต่างยินดีพิจารณาความเห็นของเขาในด้านกลยุทธ์ของสำนัก

เมื่อจบแล้ว เยี่ยนตี๋ก็แย้มยิ้ม เอ่ยว่า “การเดินทางในครั้งนี้ของเจ้าได้รับสิ่งของมามากมาย โอสถเซียนยาวิเศษเหล่านั้นเป็นอันดับหนึ่ง จำนวนแม้จะมีมาก แต่สุดท้ายก็ต้องหมด การได้คัมภีร์พลิกนภาในตำนานมายิ่งไม่ง่าย นี่เป็นฐานศิลาของสำนัก เป็นวิชาแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เอ่ยว่า “แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็อาจจะมีการเสริมเข้าไป ถึงเวลานั้นค่อยศึกษาร่วมกับอาจารย์ปู่อีกที

“ฝ่ามือนภากว่างเฉิงของเราเดิมทีเกิดจากรอยตราพลิกนภาอยู่แล้ว”

เขาถอนใจคำหนึ่ง “น่าเสียดายที่ชิ้นส่วนที่อาจารย์ปู่ชิว ผู้ก่อตั้งสำนักได้มาในตอนนั้นสาปสูญไปแล้ว”

อาจารย์ปู่ผู้ก่อตั้งเขาว่างเฉิงในโลกแปดพิภพเฒ่าเบิกฟ้าชิวหยวน เคยได้รับชิ้นส่วนประหลาดมาชิ้นหนึ่ง และอาศัยสิ่งนี้ทำความเข้าใจฝ่ามือนภากว่างเฉิง สร้างรากฐานแรกของเขากว่างเฉิงขึ้นมา

ชิ้นส่วนชิ้นนี้กลายเป็นหนึ่งในสมบัติที่สืบทอดกันมาของเขากว่างเฉิง ที่แล้วมาถูกเก็บรักษาโดยเจ้าสำนัก สืบทอดให้กันรุ่นสู่รุ่น คนอื่นๆ ในสำนักไม่อาจแตะต้องได้

เยี่ยนจ้าวเกอเดิมทีรู้สึกสนใจมาก

เขาสงสัยว่า ชิ้นส่วนชิ้นนี้ตกลงมาจากตราพลิกนภาซึ่งเป็นของวิเศษของเทวกษัตริย์กว่างเฉิง บุคคลที่ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเต๋าที่มีชื่อเสียงสะท้านมาแต่โบราณ

หลังจากเยี่ยนตี๋รับตำแหน่งเจ้าสำนักเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอยังคิดจะใช้เส้นสาย นำชิ้นส่วนนั้นจากบิดาของตนมาศึกษา

มิคาดเยี่ยนตี๋กลับทราบจากหยวนเจิ้งเฟิง ว่าชิ้นส่วนชิ้นนี้หายไปนานหลายปีแล้ว

ตามที่หยวนเจิ้งเฟิงบอก มันหายไปและไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตอนที่เจ้าสำนักรุ่นก่อนผู้สะเทือนสวรรค์จ่านตงเก๋อจะรับตำแหน่งเสียอีก

สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ชิ้นส่วนหายไปได้อย่างไร ตกไปอยู่ในมือใคร ยังเป็นปริศนาที่วันนี้ยังไม่ได้รับการไขกระจ่าง

ต่อมาจ่านตงเก๋อ จ่านซีโหลว และหยวนเจิ้งเฟิงที่ได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักเคยพยายามตามหาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร

ด้วยพลังของเขากว่างเฉิงในโลกแปดพิภพ ต่อให้เป็นยุคที่ตกต่ำที่สุด ของวิเศษเช่นนี้ก็ไม่อาจถูกคนนอกขโมยไปได้

ต่อให้ถูกคนนอกชิงไป ก็คงจะไม่ได้หายไปเฉยๆ เช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าใครเป็นคนทำ และหายไปได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ตามหาต่อในภายหลังอย่างพวกจ่านตงเก๋อและหยวนเจิ้งเฟิง จึงตัดสินว่าปัญหาเกิดจากภายใน

น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ตรวจไม่พบผลลัพธ์อะไร

เป็นเพราะคุณสมบัติพิเศษของชิ้นส่วน ข่าวจึงถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา แต่ว่านี่ก็เป็นปริศนาที่ใหญ่ที่สุดที่ของเขากว่างเฉิงมาร้อยกว่าปีแล้ว

ทว่าเมื่อทราบถึงการดำรงอยู่ของโลกซ้อนโลก ได้เห็นของวิเศษเช่นตราประทับตะวันกับมงกุฎจันทรา และได้ทราบว่าราชันพระอาทิตย์กับราชินีพระจันทร์เคยไปยังโลกแปดพิภพมาก่อน พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และหยวนเจิ้งเฟิงก็เริ่มสงสัยว่าปัญหาอาจไม่ได้อยู่ภายสำนักก็ได้

โดยเฉพาะนอกจากจะได้ศึกษาความน่าอัศจรรย์ที่แฝงอยู่ในคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ และได้พิจารณาหลักการของคัมภีร์พลิกนภาและคัมภีร์นภาหยินหยางแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเกาหาน ราชันพระอาทิตย์ที่เป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง และได้ทิ้งตราประทับตะวันเอาไว้ในเหวลึกของปฐพีพิภพ ใช้แผนต้นหลี่ตายแตนต้นท้อผู้นั้น

ด้วยความสามารถอันสูงส่งของคนผู้นี้ การนำของชิ้นหนึ่งออกไปจากเขากว่างเฉิงที่อยู่ในโลกแปดพิภพย่อมง่ายยิ่งกว่าการรับประทานอาหารดื่มน้ำเสียอีก

อย่าว่าแต่เป็นสิ่งของชิ้นหนึ่ง ต่อให้เป็นคนเป็นๆ คนหนึ่ง หรือคนเป็นๆ จำนวนนับไม่ถ้วน คิดจะเอาไปก็เอาไปได้ โดยไม่สะกิดให้เกิดระลอกคลื่นแม้แต่น้อย

เยี่ยนตี๋ว่า “เรื่องนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ปัจจุบันหากต้องการตรวจสอบอีกรังแต่จะยิ่งยากขึ้น แต่สำหรับสำนักเรากลับเป็นเรื่องใหญ่ พวกเรายังต้องพยายามเต็มที่”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าทราบดี”

เขาบอกลาเยี่ยนตี๋แล้วผละออกมา เตรียมจะไปหาซือคงจิง

ถึงแม้เขาจะมีคัมภีร์พลิกนภาอยู่ทั้งเล่ม จะมอบให้สำนักทั้งหมดเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่เขาขอปลอดภัยไว้ก่อน

ฉบับที่มอบให้แก่เยี่ยนตี๋กับหยวนเจิ้งเฟิงเป็นสิ่งที่ได้มาจากการสรุปหลักการ หลังศึกษาคัมภีร์พลิกนภาทั้งเล่มด้วยตัวเขาเอง

ที่แล้วมา เวลาเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือนภากว่างเฉิง จะลอบโคจรวิชารอยตราพลิกนภา บังเกิดเป็นอานุภาพเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด

แม้ว่าศัตรูที่เผชิญกับกระบวนท่านี้ต่างไม่อาจรอดชีวิตต่อ แต่ว่าผู้เห็นเหตุการณ์ก็ยังมีอยู่

หากคนที่ไม่รู้จักฝ่ามือนภากว่างเฉิงเห็นก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าคนที่รู้จักเห็น เมื่อเวลาผ่านไปย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้ไม่เกิดข้อสงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้นับว่าป้องกันไว้ก่อน พอถึงเวลาย่อมอธิบายได้ว่าเขามีพรสวรรค์ในวรยุทธ์ชนิดนี้ ค่อยๆ คืนสภาพแก่นแท้ของรอยตราพลิกนภากลับมาได้หลายส่วน

หลังจากทำให้สอดคล้องกับคัมภีร์พลิกนภาฉบับไม่สมบูรณ์ที่ค่อยๆ เสริมขึ้นมา ก็จะสอดประสานกันได้อย่างลงตัวพอดี

เยี่ยนจ้าวเกอขณะที่เดินอยู่ กลับเห็นด้านหน้ายืนไว้ด้วยคนสองคน กำลังมองกันไปมองกันมา

พอดูอย่างละเอียดแล้ว คนหนึ่งคือเสี่ยวอ้าย อีกคนเป็นเด็กน้อยที่มีสีหน้าเป็นมิตร ดวงตาใสซื่อ

เด็กคนนี้รูปร่างกลับไม่เตี้ยต่ำ แต่ว่าความไร้เดียงสายบนใบหน้ายังปรากฏให้เห็นอยู่ ดวงตากลับบริสุทธิ์เหมือนกับทารกน้อย

เสี่ยวอ้ายเดิมทีพิจารณาเด็กคนนี้อย่างสนใจ ครั้นสังเกตเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ก็พลันร้องขึ้นอย่างดีใจ “นายน้อย!”

เด็กคนนั้นกลับเหมือนตอบสนองช้าไปครึ่งจังหวะ หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากจำเขาได้ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มยินดี ดีใจยิ่งกว่าเสี่ยวอ้ายเสียอีก “ศิษย์พี่เยี่ยน!”

เป็นอิงหลงถู

การไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรเร็วกว่าโลกซ้อนโลก อิงหลงถูที่อยู่ที่นั่นมามานาน วันนี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว

แต่ว่าอาจเป็นเพราะการเติบโตทางจิตใจช้ากว่าคนทั่วไป หรืออาจะเป็นเพราะในตอนยังเด็ก เขาก็มีพลังฝึกปรือสูงถึงขีดสุดอยู่แล้ว

การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกของอิงหลงถูหลายปีมานี้ลดต่ำลงเรื่อยๆ เหมือนกับค่อยๆ ถูกหยุดอยู่ในช่วงเด็ก

ถึงแม้ว่าอายุจริงของเขาจะยังไม่ถึงยี่สิบ แต่ว่าหากมองดูจากภายนอกก ก็นับว่ายังดูเด็กกว่าอายุจริงเสียอีก

อิงหลงถูไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้นัก และไม่ได้ใส่ใจ พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ สวีเฟยเองก็ไม่ได้เคร่งครัดกับเขา

หลังจากดีใจเพราะเจอเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เขาก็พลันตบหน้าผากรอบหนึ่ง “ศิษย์พี่เยี่ยน หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ข้าได้พบคนผู้หนึ่ง เขามอบของให้ข้า และให้ข้านำมามอบให้ท่าน”

ฮานหลงเอ๋อร์เว้นครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “คนผู้นั้นย้ำให้ข้ามอบให้กับมือท่านเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจเล็กน้อย “อ้อ? อะไรหรือ”

เด็กหนุ่มส่งยันต์หยกแผ่นหนึ่งมา

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอพอเห็นยันต์หยก จิตใจก็สั่นไหว

ของเล่นนี้เขาคุ้นเคยดี

ยันต์หยกที่คล้ายกันนี้ ใช้สำหรับเก็บบันทึกคัมภีร์วรยุทธ์

………………..