บทที่ 691

ปิดฉากความวุ่นวาย ทั้งเซียวฉางควนและหม่าหลันก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร

หม่าหลันอยากได้เงิน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว เล่นเอาเธออัดอั้นอยู่ในใจทั้งวัน

ครอบครัว4คนก็กลับออกมาจากคฤหาสน์ ทุกคนก็เริ่มเก็บข้าวของของตนเอง เซียวชูหรันก็ไม่ลืมที่จะโทรหาต่งรั่งหลิน บอกเธอเรื่องที่พรุ่งนี้จะย้ายไปบ้านใหม่ ให้เธอเตรียมตัวในวันพรุ่งนี้ เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน

ต่งรั่งหลินได้รู้เรื่องนี้ ก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น

ตั้งแต่ที่ชอบเย่เฉิน เธอก็คิดอยากจะเข้าใกล้เย่เฉินมาตลอด แต่ว่าตนเองมีงานยุ่ง แถมยังต้องคิดถงเซียวชูหรันด้วย ดังนั้นก็เลยไม่มีโอกาสเสียที

ถ้าหากว่าอยู่กับเซียวชูหรันและเย่เฉิน ตนเองก็จะมีโอกาสมากขึ้น

ดังนั้น เธอก็เลยตอบรับโดยไม่ลังเลอะไรเลย

ตอนที่บ้านเย่เฉินกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ ตระกูลเซียวก็กำลังวุ่นวายมาก

ตั้งแต่ที่ขายเฟอร์นิเจอร์ไป แล้วกลับมาจากTomson Riviera เซียวฉางเฉียนก็เริ่มไม่พอใจกับแม่ตนเอง

นายหญิงใหญ่เซียวคิดแต่อยากจะไปอยู่คฤหาสน์ของเซียวฉางควน เรื่องนี้มันแทงอยู่ในใจของเซียวฉางเฉียนตลอดเวลา

ทำให้เขาคิดได้ว่า นายหญิงใหญ่ไม่ได้จะหลอกเขาจริงๆ

ก่อนหน้านี้แม่เข้าข้างตนเองมาตลอด คิดแต่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง พอฝั่งเซียวฉางควนมีผลประโยชน์ต่อเธอมากกว่าเมื่อไร แม่ก็จะทอดทิ้งตนเอง แล้วไปเข้าหาเซียวฉางควน

ดังนั้น พอกลับมาบ้าน เขาก็พูดกับนายหญิงใหญ่เซียวว่า ให้เอาเงิน1.21ล้านหยวนนั้น โอนมาให้ตนเอง

เขารู้สึกว่า นายหญิงใหญ่อาจจะทอดทิ้งเขาไปได้ตลอดเวลา ดังนั้นตนเองจะต้องวางแผนไว้เนิ่นๆ อย่างน้อยต้องได้เงินมาไว้ในมือก่อน

ถ้าหากว่านายหญิงใหญ่แปรพักตร์ขึ้นมา พอถึงตอนนั้น ตนเองจะไปพึ่งใครได้?

เซียวไห่หลงลูกชายตนเองก็ไม่เอาไหน ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลเซียวยังไม่มีปัญหา ยังให้เขาได้เป็นลูกเศรษฐีที่นั่งนอนกินสบายๆ ได้ ตอนนี้ตระกูลเซียวกำลังล้ม หวังจะให้เขาไปตั้งใจทำมาหากิน เพื่อหาเงินมา มันก็เป็นไปไม่ได้

ลูกสาว เซียวเวยเวย ก็เป็นดั่งนกน้อยในกรงทอง มือไม้ไม่ได้จับของหนัก ทำกับข้าวยังทำไม่เป็น แล้วอีกอย่าง ทั้งเมืองจินหลิง มีใครบ้างไม่รู้เรื่องเสียหายของเธอ อยากจะหาคนมาแต่งงานด้วย ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ดังนั้นเขาก็เลยพูดกับนายหญิงใหญ่เซียวว่า “แม่ครับ แม่เป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทเซียวซื่อ และเป็นคนดูแล ถ้าเอาเงินไว้ที่แม่ จะทำให้ธนาคารมันอายัดเอาได้ง่ายๆ !”

แต่นายหญิงใหญ่เซียวไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอพูดนิ่งๆ ว่า “เงินที่ขายเฟอร์นิเจอร์นี้ เดิมทีก็จะเอาไว้คืนให้ธนาคารอยู่แล้ว”

ถ้าไม่ถึงที่สุด นายหญิงใหญ่เซียวก็ไม่อยากให้บริษัทเซียวซื่อต้องมาล้มละลายเพื่อชำระหนี้ เพราะถ้าบริษัทเซียวซื่อล้มละลายขึ้นมา ตนเองก็จบเห่เหมือนกัน

เธอเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทเซียวซื่อ ถ้าเงินนี้ไม่คืนให้ธนาคาร ธนาคารไม่เพียงจะมายึดทรัพย์บ้านตนเอง แถมยังจะฟ้องเธอด้วย แล้วจับตัวเธอข้อหาที่เป็นคนหนีหนี้

เช่นนั้นล่ะก็ คนที่ซวยก็คือตนเอง คนที่จะเข้าคุก ก็คือตนเอง

ดังนั้น เธอก็เลยตัดสินใจจะชำระหนี้ส่วนที่น้อยที่สุดไปก่อน ในขณะเดียวกันก็จะไปขอร้องต่อผู้จัดการธนาคาร ให้ทางนั้นยืดเวลาผ่อนชำระออกไปอีกหน่อย

เซียวฉางเฉียนได้ยินดังนั้น ก็โมโห แล้วพูดว่า “แม่ครับ บ้านเราแทบจะไม่มีข้าวกรอกหม้อแล้ว กว่าจะได้เงินล้านมา แม่ยังจะเอาไปคืนธนาคารอีก แล้วพวกเราจะกินอะไรกันล่ะครับ?”

————