ราชันเร้นลับ 1173 : แนะนำ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

เป็นคำถามที่ดี…เดอะฟูล ไคลน์แอบปรบมือในใจ จากนั้นก็อธิบายเหมือนกับที่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเคยนำ

“เทพทั้งเจ็ดตนหวังให้มีการถือกำเนิดของจักรพรรดิมืด แต่ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่าง…เมื่อจอร์จที่สามแอบเตรียมการอย่างลับ ๆ จนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเลื่อนลำดับ เทพทั้งเจ็ดต้องยินยอมโดยไม่สนใจว่าจะชื่นชอบจอร์จที่สามหรือไม่”

อย่างนี้นี่เอง…ยกเว้นเดอะมูน เอ็มลิน และเดอะซัน เดอร์ริคที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ สมาชิกที่เหลือของชุมนุมทาโรต์ต่างเข้าใจได้ทันที เนื่องจากท่าทีของโบสถ์ที่ตนศรัทธาค่อนข้างแปลกประหลาดไม่ว่าจะในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน กองเรือเหาะของฟุซัคทิ้งระเบิด และการลอบสังหารจอร์จที่สาม

ทันใดนั้นทุกคนผุดคำถาม

ในเมื่อจอร์จที่สามแอบเตรียมการอย่างลับ ๆ จนเข้าสู่ก้าวสุดท้ายของการเถลิงบัลลังก์เทพ แถมยังได้รับอนุญาตโดยนัยจากเทพจารีตทั้งเจ็ด เหตุใดจอร์จที่สามยังล้มเหลว?

คำตอบผุดขึ้นตามมาทันที

นั่นเพราะมิสเตอร์ฟูลไม่อนุญาต

อา…เกี่ยวกับเรื่องที่มิสเตอร์ฟูลพยายามขัดขวางพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพ เหล่าเจ็ดเทพจารีตคงไม่มีใครคิดห้ามมิสเตอร์ฟูล และบางทีอาจคอยสนับสนุนบริวารของท่านด้วยซ้ำ…โบสถ์วายุสลาตันแอบฉวยโอกาสทำอะไรในความวุ่นวายนี้หรือไม่? คงไม่…พวกเขาไม่น่าจะแอบกระทำบางสิ่งได้แนบเนียนขนาดนี้…เลียวนาร์ดนึกทบทวนรายละเอียดและเริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้

เจ็ดเทพจารีตยอมรับโดยนัย…แต่มิสเตอร์ฟูลโหวตคัดค้านและแอบส่งข้ารับใช้อย่างเดอะเวิร์ลมาทำลายพิธีกรรม…แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ราชินียังไง? ทำไมท่านถึงทราบว่าเกอร์มันสแปร์โรว์หายตัวไป? หืม…จักรพรรดิมืด…ราชินีเงื่อนงำอาจเข้าร่วมแผนการของมิสเตอร์ฟูล และในภายหลังตระหนักถึงการหายตัวไปของผู้ร่วมงาน…เฮอร์มิท แคทลียาอาศัยความรู้อันมากมายของตนเพื่อคาดเดา

ถึงตรงนี้ เดอะมูน เอ็มลินเริ่มจับต้นชนปลายในสิ่งที่ตนได้ยินและพอจะเข้าในสถานการณ์อย่างคร่าวขณะที่ตนถูกคุมขัง

จอร์จที่สามแอบวางแผนเถลิงบัลลังก์เทพและได้รับการยินยอมโดยนัยจากเทพทั้งเจ็ด แต่มิสเตอร์ฟูลคัดคาดและส่งข้ารับใช้ไปทำลายพิธีกรรมจนอีกฝ่ายร่วงหล่นคาที่!

เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบไปสักพัก เดอะฟูล ไคลน์มองไปทางเฮอร์มิท แคทลียาและกล่าว

“ยังมีคำถามอีกไหม”

“วันนี้หมดแล้วค่ะ” แคทลียาก้มศีรษะต่ำยิ่งกว่าเดิม เธอทวีความยำเกรงในตัวบุคคลบนเก้าอี้สุดขอบโต๊ะทองแดงยาวรายนี้

แม้เธอจะทราบว่ามิสเตอร์ฟูลมีเทวทูตที่แข็งแกร่งสามตนอย่างอสรพิษแห่งชะตา กงสุลมรณะ และมารบรรพกาลคอยรับใช้ แถมยังแอบชักใยอยู่เบื้องหลังโรงเรียนชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คาดคิดว่ามิสเตอร์ฟูลจะมีอำนาจในการทำลายพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพบนโลกความจริง รวมถึงวางกับดักล่ออามุนด์ซึ่งเป็นราชาเทวทูตและบุตรแห่งพระผู้สร้าง

ขุมพลังเบื้องหลังมิสเตอร์ฟูลน่าสะพรึงกว่าที่เราคิดไว้มาก…สมาชิกชุมนุมทาโรต์มีค่าแบบใดในสายตาท่าน? กองทัพลับ? กลุ่มที่มีศักยภาพในการพัฒนา? หรือเป็นเพียงแผนสำรอง? เฮอร์มิท แคทลียากำลังเค้นสมองคิดอย่างหนัก จนหลงลืมไปชั่วขณะว่า ตัวเธอที่เป็นถึงครึ่งเทพลำดับสี่ ไม่ว่าจะสังกัดองค์กรลับใดก็ล้วนต้องได้รับตำแหน่งสำคัญ

สิ่งที่มิสเตอร์ฟูลกระทำลงไป มีอิทธิพลมากพอที่จะสั่นคลอนความมั่นใจของตัวตนระดับนักบุญ…ออเดรย์ซึ่งสำรวจภาษากายของมาดามเฮอร์มิทมาสักพัก เข้าใจสภาพจิตใจของอีกฝ่ายได้ทันที

ขณะเดียวกัน เดอะฟูล ไคลน์ผงกศีรษะ

“เชิญ”

ได้ยินเช่นนั้น เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดรีบหันไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวและกล่าวกับเดอะเวิร์ล

“สถานการณ์ของคุณเป็นยังไงบ้าง?”

สำหรับจัดจ์เมนต์ ซิล จัสติสออเดรย์ และคนที่เหลือต่างก็เป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเดอะฟูล เกอร์มันสแปร์โรว์

ตามความเห็นของพวกมัน เดอะเวิร์ลคือตัวกลางที่คั่นกลางระหว่างเดอะฟูลกับเทวทูตกาลเวลา สถานการณ์ย่อมไม่สู้ดีนัก การยังมีชีวิตอยู่จึงถือว่าโชคดีมากแล้ว

เมื่อสัมผัสถึงสายตาเป็นกังวลจากหลายฝ่าย ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลที่เป็นเพียงร่างจำลอง พยักหน้าพลางยิ้ม

“ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีนัก…ต้องขอบคุณมิสเตอร์ฟูลที่ช่วยให้ผมเข้าถึงความลับของอามุนด์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสลัดอีกฝ่ายไม่หลุด”

โดยไม่รอการตอบสนองจากคนอื่น มันพูดกับตัวเอง

“ปัจจุบันผมกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก…ผมอาศัยพลังของมิสเตอร์ฟูลในการเข้าสู่สถานะพิเศษและหลบหนีจากสายตาขออามุนด์เป็นการชั่วคราว แต่ถ้าสถานะนี้หมดลงและต้องกลับสู่ความเป็นจริง ผมจะโผล่ในจุดใกล้กับตำแหน่งเดิมซึ่งแถวนั้นมีอามุนด์รออยู่…ปัจจุบันผมกำลังหาทางออก ไม่ทราบว่าใครพอจะมีแนวคิดดี ๆ บ้างไหม”

ความนัยที่แฝงมากับคำพูดเกอร์มันสแปร์โรว์นั้นชัดเจน มันต้องการพึ่งพาตัวเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูลเป็นที่พึ่งสุดท้าย

และความหมายที่แท้จริงก็มิได้เปลี่ยนไปมากนัก: ก่อนอื่นก็หยั่งเชิงว่ามีวิธีหลบหนีอามุนด์หรือไม่ หากไม่มีก็จะพิจารณาการดำรงชีวิตในฐานะวิญญาณเร่ร่อน

แนวคิด? แฮงแมนและคนที่เหลือรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เพราะคำแนะนำของพวกตนกำลังจะถูกนำไปใช้กับราชาเทวทูต

หากถูกนำไปใช้และดันได้ผลจริง พวกมันสามารถโอ้อวดเรื่องนี้ได้ชั่วชีวิต!

จัสติส ออเดรย์กำลังจะกล่าวบางสิ่งด้วยความตื่นเต้น แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจกลืนคำพูดลงคอเมื่อตระหนักว่า ตนไม่สามารถให้คำแนะนำส่งเดช ไม่อย่างนั้นอาจนำพาเดอะเวิร์ลไปสู่ความตาย หรือไม่ก็ทำให้อีกฝ่ายถูกอามุนด์จับกุม

จัดจ์เมนต์ ซิล เค้นสมองคิดอย่างหนักและพบว่าตนไม่มีวิธีการใดในหัวเลย จึงเลือกที่จะทำเป็นผู้ฟัง

“ต้องโผล่ในตำแหน่งเดิมทุกครั้งเลยหรือ? มีเลือดหรือเส้นผมถูกเก็บไว้ที่อื่นไหม?” แฮงแมน อัลเจอร์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตั้งคำถาม

ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะบังคับเดอะเวิร์ลส่ายหน้า

“ไม่มี”

เมื่อเทียบกับร่างหลัก ลำพังเลือดในหลอดโลหะยังน้อยเกินไปมาก

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่

บางทีมันอาจอาศัยเลือดสักสองหลอดเป็นวัตถุดิบ จากนั้นก็นำไปผนวกกับเทคนิคอื่นและพลังเสริมแกร่งชีวิตเพื่อสร้างเป็นร่างกายใหม่!

แต่วิธีนี้มีสองปัญหา หนึ่งคือ จำเป็นต้องใช้ร่างวิญญาณในพิธีกรรมเสริมแกร่งชีวิต ไม่อย่างนั้นร่างกายที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ของเราโดยแท้จริง…และสอง เราไม่รู้จักครึ่งเทพที่สามารถใช้พลังเสริมแกร่งชีวิตแม้แต่คนเดียว ใกล้เคียงที่สุดคือแฟรงค์ลี…เราคงไม่ได้กลายเป็นมนุษย์เห็ดหรอกใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ขออยู่ในสถานะวิญญาณเร่ร่อนดีกว่า…คิดถึงตรงนี้ ร่างกายไคลน์เกือบจะสั่นระริก

หลังจากแนวคิดของแฮงแมนถูกปัดตก เฮอร์มิท แคทลียาอาศัยความรู้ขอบเธอเพื่อสอบถาม

“คุณมีสมบัติปิดผนึกที่เที่ยวเท่าลำดับสามบ้างไหม?”

“ถามไปทำไม” เกอร์มันสแปร์โรว์ถามกลับ

“สมบัติปิดผนึกลำดับสาม สามารถตอบสนองต่อคำวิงวอนได้เป็นระยะทางหนึ่ง คุณอาจใช้ประโยชน์จากมัน” แคทลียาอธิบาย

ไคลน์พอจะเข้าใจแนวคิดของมาดามเฮอร์มิท

“คุณกำลังหมายถึง…เสด็จเยือน?”

“ถูกต้อง ให้ใครสักคนประกอบพิธีกรรมเสด็จเยือนจากสุดระยะ จากนั้นก็ตอบสนองในสภาวะพิเศษ” เฮอร์มิท แคทลียาชำเลืองไปทางเดอะซันเล็กน้อยก่อนจะเตรียมอธิบายเพิ่มเติม แต่ทันใดนั้นก็เว้นวรรคและตั้งคำถาม “คุณมีสมบัติปิดผนึกลำดับสามอยู่จริง?”

เดิมทีเธอต้องการเสนอแนะให้อีกฝ่ายหยิบยืมจากมิสเตอร์ฟูล

“ตัวผมอยู่ในลำดับสามแล้ว” ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลตอบห้วน

“…” สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างพากันปิดปากเงียบ ทุกคนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

พวกมันทราบดีว่าเดอะเวิร์ลเลื่อนเป็นครึ่งเทพลำดับสี่ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน

และตอนนี้เพิ่งจะเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน!

ราชินีเคยกล่าวไว้ว่า การใช้เลือดของอสรพิษแห่งชะตาในการเลื่อนลำดับเป็นปราชญ์พิศวงจะช่วยให้เราพัฒนาเป็นลำดับสาม ได้ง่ายกว่าคนอื่น…นอกจากนั้นชุมนุมทาโรต์ยังมอบความรู้ให้เรามากมายจนย่อยโอสถได้รวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีกว่าจะมีโอกาสได้ทดสอบเลื่อนเป็นลำดับสามผู้หยั่งรู้…แคทลียามองไปรอบตัวและพบว่าทุกคนต่างอยู่ในอาการแบบเดียวกับเธอ

เธอถอนหายใจแผ่วเบาและกล่าว

“คุณคิดว่าวิธีของฉันจะได้ผลไหม?”

เดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์ส่ายหน้า

“ในสถานะพิเศษดังกล่าว ตัวผมมีข้อจำกัดในการตอบสนอง”

หากมันตอบสนองต่อพิธีกรรมเสด็จเยือน นั่นหมายความว่าชีวิตในฐานะวิญญาณเร่ร่อนจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

บางทีเราอาจรวมทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน…อาจมีสักชื่อหนึ่งที่ช่วยให้เราหลบหนีออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเดอะฟูล เทพสมุทร หรือผู้พิทักษ์ละครและมายากลแห่งเบ็คลันด์…แต่ยังไม่ต้องรีบร้อน วิธีนี้ง่ายต่อการทำให้ความลับรั่วไหล…เดอะฟูล ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะหันไปพูดกับเดอะสตาร์ เลียวนาร์ด

เลียวนาร์ดเข้าใจความหมายทันที จึงอืมในลำคอและกล่าว

“ถ้ากลับไปแล้วผมจะช่วยค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม”

แน่นอนว่านั่นคือการสอบถามจากชายชราพาลีส อีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูตที่รู้จักอามุนด์ทุกซอกมุม อาจมีวิธีพิสดารที่คนทั่วไปคิดไม่ออก

นั่นคือคำตอบที่ไคลน์ต้องการ ชายหนุ่มบังคับให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียง

“ดี”

หลังจากหัวข้อเกี่ยวกับการหลบหนีของเดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์สิ้นสุดลง ไคลน์หันไปทางเมจิกเชี่ยน ฟอร์ส

“ช่วยผมถามหาหนอนดวงดาวที่ยังไม่สูญเสียพลังวิญญาณจากตระกูลอับราฮัม…และถ้าพวกเขามีจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”

หนอนดวงดาวเป็นวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงชนิดหนึ่ง โดยมากแล้วปราศจากเศษเสี้ยวตะกอนพลัง มวลพลังวิญญาณจึงเสื่อมถอยลงทุกวินาที เป็นเรื่องยากที่จะเก็บไว้ได้นานโดยไม่ผ่านขั้นตอนพิเศษ

“หนอนดวงดาว…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สผงะเล็กน้อยก่อนจะรีบพยักหน้า

“ได้ค่ะ”

หลังจากได้รับคำตอบ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลมองไปทางเฮอร์มิท แคทลียา

“ถ้ามิสเมจิกเชี่ยนหาหนอนดวงดาวจากตระกูลอับราฮัมไม่ได้ ผมจะมอบหมายภารกิจหนึ่งให้คุณ”

“ภารกิจ?” แคทลียาถามอย่างสนใจ

เดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์แสยะยิ้ม

“ล่านักบุญเร้นลับ โบทิส แห่งชุมนุมแสงเหนือ”

…………………………