นักบุญเร้นลับ โบทิสแห่งชุมนุมแสงเหนือ? มิสเตอร์เวิร์ลต้องการล่าเขา? ท่าทีตอบสนองแรกของฟอร์สคือตนหูฝาด เพราะเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่น่าจะมีความเชื่อมโยงกับนักบุญเร้นลับได้เลย
แต่เธอเริ่มเอะใจหลังจากนึกทบทวนเกี่ยวกับหนอนกาลเวลาที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง
เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเธอเองก็อยากล่าโบทิสมานานแล้วเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลของอาจารย์ แต่ไม่มีเงินจ้าง
แม้ดูเหมือนว่ามิสเตอร์เวิร์ลจะไม่ได้ออกโรงเอง แต่มาดามเฮอร์มิทก็เป็นถึงครึ่งเทพในลำดับ 4 แถมยังมีเบื้องหลังเป็นราชินีเงื่อนงำ… จัดไป! เราจะมอบความช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง! ท่ามกลางกระแสความคิด ฟอร์สหันไปมองแคทลียาและรออีกฝ่ายตอบ
แคทลียาไตร่ตรองสักพัก
“โบทิสน่าจะเป็นนักบุญของเส้นทางผู้ฝึกหัด การปิดบัญชีเขาไม่ใช่เรื่องง่าย… ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของเขายังมีกุหลาบไถ่บาปและพรจากพระผู้สร้างแท้จริง ด้วยระดับปัจจุบันของฉัน การล่าอีกฝ่ายตามลำพังคงยากที่จะประสบความสำเร็จ”
“คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากราชินีเงื่อนงำได้ และทางผมเองก็จะจัดหาคนคอยช่วยเหลือ” ไคลน์บังคับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบเสียงต่ำ “รางวัลตอบแทนคือการที่คุณจะได้สิทธิ์เลือกผลการเก็บเกี่ยวก่อนใคร รวมถึงความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับที่จะช่วยให้คุณย่อยโอสถเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้”
ตอนนี้ก็เดือนธันวาคมแล้ว… หัวใจแคทลียาเริ่มเต้นแรง จากนั้นก็มอบคำตอบ
“ฉันจะพยายามอย่างสุดฝีมือ แต่ไม่ขอรับประกันผลลัพธ์”
ไม่ว่าภารกิจล่านักบุญเร้นลับจะยากลำบากสักเพียงใด แต่นั่นก็ไม่ทุกข์ทรมานเท่ากับการยอมให้ปราชญ์เร้นลับอัดฉีดความรู้ใส่สมองโดยตรง นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะได้รับความรู้ซึ่งไม่ช่วยย่อยโอสถเช่นสมการทางคณิตศาสตร์ วิศวกรรม และวรรณกรรม
“ไม่มีปัญหา ขอเพียงคุณลงมือทำอย่างเต็มที่ ถึงแม้ในท้ายที่สุดจะล้มเหลว แต่ผมก็ยังจะมอบความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับให้” เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์พยักหน้ารับ
ในเวลาเดียวกัน เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส อดไม่ได้ที่จะโพล่งขึ้น
“มิสเตอร์เวิร์ล มาดามเฮอร์มิท ดิฉันเข้าร่วมภารกิจด้วยได้ไหม? อาจพอทำประโยชน์ได้บ้าง”
ถึงเธอไม่บอก ฉันก็จะไปลากคอมาร่วมอยู่แล้ว… เดอะฟูล ไคลน์หัวเราะในใจด้วยความขบขัน จากนั้นก็บังคับเดอะเวิร์ลตัวปลอมพยักหน้า
“ผมสำรองที่ให้คุณมาตั้งแต่แรกแล้ว”
เมจิกเชี่ยน ฟอร์สไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เพียงถามด้วยความอยากรู้
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบเสียงเย็นเยียบ
“เป็นเหยื่อล่อ”
“…” ฟอร์สอ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด เธอเริ่มเอะใจว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวต่อ
“แต่ไม่ต้องห่วง คุณจะได้สิทธิ์ในการเลือกผลการเก็บเกี่ยว เป็นรองแค่มาดามเฮอร์มิท… นอกจากนั้นผมจะช่วยคุณบันทึกพลังท่องเที่ยวจนกว่าภารกิจจะเริ่มขึ้น”
ฟอร์สมิได้คาดหวังของรางวัล เพราะรางวัลที่ดีที่สุดคือการที่โบทิสถูกฆ่า – อาจารย์ของเธอจะต้องตกรางวัลอย่างงามเพื่อตอบแทนการแก้แค้นในวันนี้แน่นอน ฟอร์สพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ตกลง”
เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์หันเหความสนใจไปหามิสจัสติส
“โอสถนักท่องฝันย่อยไปถึงไหนแล้ว”
ต้องขอบคุณการสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ และการสวมบทบาทอย่างขยันขันแข็งของเธอในระยะหลัง จัสติส ออเดรย์จึงย่อยโอสถด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เธอกลอกตาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“ดิฉันระบุกฎสำคัญได้ครบแล้ว อีกสองสามเดือนก็น่าจะย่อยเสร็จสมบูรณ์”
ยังค่อนข้างช้า… ไคลน์พึมพำก่อนจะสั่งให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูด
“พยายามหาโอกาสสวมบทบาทให้มากขึ้น… ถ้าคุณสามารถย่อยโอสถได้ก่อนที่มาดามเฮอร์มิทจะเริ่มปฏิบัติการล่าโบทิส ผสมสามารถยกตะกอนพลังของเฮอร์วิน·แรมบิสให้คุณเป็นค่าจ้างล่วงหน้า”
ไคลน์เชื่อว่าตนจะต้องอยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้งไปอีกพักใหญ่ ดังนั้นการแทรกแซงโลกภายนอกส่วนใหญ่จึงเป็นหน้าที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการพัฒนาฝีมือของทุกคน
นอกจากนั้น นี่ไม่ใช่การให้เปล่า การล่านักบุญเร้นลับโบทิสมีระดับความยากสูงตามที่มาดามเฮอร์มิทอธิบาย
“ตกลงค่ะ!” จัสติส ออเดรย์กังวลมาตลอดว่าเธอจะไม่มีคะแนนผลงานเพียงพอที่จะแลกตะกอนพลังเฮอร์วิน·แรมบิส จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลหลังจากได้ยินข้อเสนอ
ในสายตาหญิงสาว สมาชิกของชุมนุมแสงเหนือล้วนเป็นพวกอาชญากรสติไม่สมประกอบ การจะฆ่าพวกมันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลปลอบใจ!
นอกจากนั้น ออเดรย์กังวลมาตลอดว่าตนยังมีประสบการณ์การต่อสู้จริงไม่มากพอ ดังนั้นแม้ภารกิจนี้จะอันตราย แต่ก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ใจกว้างมาก… ช่วยมอบความรู้ที่ทำให้ผู้วิเศษลำดับ 4 ย่อยโอสถได้ในพริบตา แถมยังมอบตะกอนพลังของครึ่งเทพลำดับ 4 ทั้งก้อนให้อย่างง่ายดาย… ฟังดูไม่น่าจะเป็นรางวัลตอบแทนสำหรับหนอนดวงดาวซึ่งน่าจะเป็นแค่วัตถุดิบเสริม… หรือว่านี่คือเจตจำนงของมิสเตอร์ฟูลที่ต้องการให้ทุกคนพัฒนาตัวเอง จะได้เป็นผลดีกับพระองค์ในระยะยาว? แฮงแมน อัลเจอร์ที่นั่งฟังการแลกเปลี่ยนระหว่างเดอะเวิร์ลและมาดามเฮอร์มิท พยายามคิดหาเหตุผลมารองรับ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้มันหงุดหงิดตัวเอง อัลเจอร์เชื่อว่าถ้าตนศรัทธาในพระองค์มากกว่านี้และไม่ริอ่าน ‘ทดสอบ’ พระองค์ ตนคงได้เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ถูกมอบหมายภารกิจและได้รับผลตอบแทนที่ช่วยเปิดประตูครึ่งเทพ
ขณะเดียวกัน จัสติส ออเดรย์ชำเลืองไปทางเมจิกเชี่ยนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดิฉันหวังว่าตระกูลอับราฮัมจะหาหนอนดวงดาวมาไม่ได้”
“เห็นด้วย” ฟอร์สพยักหน้าขึงขังด้วยความคิดแบบเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าเดอะเวิร์ลหมดเรื่องกล่าว แคทลียาครุ่นคิดสักพักก่อนจะหันไปทางจัดจ์เมนต์ ซิลและพูด
“คุณอยากเข้าร่วมภารกิจไหม? คอยสืบข่าวและรวบรวมข้อมูลอยู่วงนอก ฉันประทับใจความสามารถด้านนี้ของคุณมาก”
แม้จะไม่ได้รับคำเชิญจากมาดามเฮอร์มิท แต่ซิลก็คิดที่จะช่วยเหลือเพื่อนสนิทอยู่แล้ว จึงพยักหน้าตอบรับแผ่วเบา
“ไม่มีปัญหาถ้าเป้าหมายของภารกิจอยู่ในเบ็คลันด์ แต่เป็นที่อื่น ฉันคงแสดงฝีมือได้ไม่มาก”
โอสถ ‘เจ้าพนักงาน’ และ ‘ขอบเขตรับผิดชอบ’ คือของคู่กัน ยิ่งคุ้นเคยกับถิ่นของตัวเองมากเพียงใดก็ยิ่งแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม แต่ถ้าต้องทำงานนอกขอบเขต พลังวิเศษบางชนิดจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
“คุณจะได้สิทธิ์ลำดับสามในการเลือกผลการเก็บเกี่ยว” แคทลียาหันไปมองเดอะสตาร์ เลียวนาร์ดต่อทันที “หากเป็นไปได้… ดิฉันอยากให้คุณนำหน่วยพิเศษของ ‘ทางการ’ ปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสม”
เดอะสตาร์เลียวนาร์ดหัวเราะ
“ภาวนาให้คุณไม่ต้องไปถึงจุดนั้น… รางวัลของผมคือการเลือกผลการเก็บเกี่ยวเช่นกัน”
…ถ้าไม่ใช่เพราะนักกวีเพื่อนรักของเราถูกชักชวนในวินาทีสุดท้าย ภารกิจล่านักบุญเร้นลับ โบทิส จะกลายเป็นหน่วยวีรสตรีแห่งชุมนุมทาโรต์ไปทันที… เดอะฟูล ไคลน์พึมพำในใจก่อนจะบังคับให้เดอะเวิร์ลสรุปรายละเอียดอีกครั้งและรอคอยคำตอบจากตระกูลบราฮัม
ถัดมา แฮงแมน อัลเจอร์ และเดอะซัน เดอร์ริคบรรลุข้อตกลงในการยืมไม้กางเขนเจิดจรัส
ทันทีที่เข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ เดอะมูน เอ็มลินอดใจไม่ไหวอีกต่อไป รีบหันไปทางตำแหน่งประธานและกล่าว
“เรียนมิสเตอร์ฟูล ช่วยบอกใบ้สักนิดได้หรือไม่ว่าข้าจะหลุดพ้นจากภาวะถูกกักกันนี้ได้อย่างไร”
เดอะฟูล ไคลน์ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทา พยักหน้าแผ่วเบาและตอบเสียงเรียบ
“ภายในสัปดาห์นี้”
มันตอบอย่างมั่นใจ แต่ไม่ใช่เพราะมองเห็นอนาคต หากแต่เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์
พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ฟุซัคและอินทิสกำลังโจมตีโลเอ็น ส่วนเฟเนพ็อตโจมตีพันธมิตรของโลเอ็นอย่างลุนเบิร์ก มาซิน และเซกัล บรรดาสามโบสถ์หลักย่อมไม่ต้องการเผชิญปัญหาที่แวมไพร์อาจก่อขึ้น เอ็มลินถึงควรถูกปล่อยตัวในอนาคตอันใกล้ แต่กับหลวงพ่อยูทรอฟสกี้นั้นอีกเรื่องหนึ่ง
ในทำนองเดียวกัน เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดเองก็คงต้องการจดจ่ออยู่กับสงครามโลก จึงไม่อยากเสียเวลาแบ่งกำลังคนมาคอย ‘ทดสอบ’ ว่าพวกพ้องของเอ็มลินมีใครบ้าง
นอกจากนั้น ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา บุคคลที่สวดวิงวอนถึงเดอะฟูลอย่างไม่สมเหตุสมผลที่สุด หากไม่นับมิสซิลก็คือเอ็มลิน·ไวท์ ไคลน์สงสัยว่าการที่เอ็มลินถูกขังไว้ในประตูยานิสของวิหารนักบุญแซมมวล อาจทำไปเพื่อให้เทพธิดาสร้างอิทธิพลกับเอ็มลินได้ง่ายขึ้น และเมื่อเรื่องราวจบลงแล้วก็คงไม่มีเหตุผลที่เอ็มลินจะอยู่ต่อ
ผนวกทั้งสามปัจจัยเข้าด้วยกัน เอ็มลินจึงน่าจะมีกำหนดถูกปล่อยตัวในอนาคตอันใกล้
ข้อยกเว้นเดียวก็คือ ทุกคนหลงลืมว่าเอ็มลินถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์รัตติกาลหรือตระกูลผีดูดเลือด บางทีพวกมันอาจมัวแต่สนใจสงครามภายนอกจนลืมปล่อยตัวเอ็มลิน ถ้าเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดนั้น ไคลน์ก็จะขอร้องให้เลียวนาร์ดช่วยดำเนินการ
เดอะมูน เอ็มลินถอนหายใจก่อนจะขอบคุณเดอะฟูลจากก้นบึ้ง
ในช่วงสุดท้ายของการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ เดอะเวิร์ลจ้องไปทางมิสเตอร์แฮงแมน
“คุณบอกว่าตอนนี้อยู่ในป่าดิบชื้นบนเกาะโซเนีย?”
“ใช่” แฮงแมน อัลเจอร์ตอบด้วยสีหน้าฉงน
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ครุ่นคิดเล็กน้อย
“บางทีคุณควรลองมองหาโบราณสถานของเอลฟ์ ภายในนั้นอาจมีผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง”
แฮงแมน อัลเจอร์ฉุกคิดถึง ‘หนังสือแห่งภัยธรรมชาติ’ ขึ้นมาได้ทันที หลังจากนึกทบทวนฉากที่เคยเห็นในความฝัน มันพยักหน้ารับ
“ตกลง”
หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอีกสักพัก ชุมนุมทาโรต์ดำเนินมาถึงจุดจบ จัสติส ออเดรย์และคนที่เหลือลุกขึ้นทำความเคารพก่อนจะถูกส่งออกจากมิติเหนือสายหมอกสีเทา
…
หลังจากจิตถูกส่งกลับมายังร่างหลัก เลียวนาร์ดหรี่เสียงลงเพื่อเล่าความยากลำบากของไคลน์และปิดท้ายด้วยคำถาม
“ตาแก่… คุณมีคำแนะนำอะไรบ้างไหม”
“คำแนะนำของข้า? ขอให้เดอะฟูลช่วย” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบโดยไม่ลังเล
“…” เลียวนาร์ดกระแอมแห้งทันที
“คุณไม่อยากใช้โอกาสนี้ทำให้อามุนด์ต้องตกที่นั่งลำบากหรือ?”
……………………………………