มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1009

เขาถือว่าเป็นคนที่มีโชคชะตาที่ดียิ่งนัก ฝึกตนเพียงแค่ไม่ถึงสี่สิบปีเท่านั้นแต่กลับมีพลังยุทธ์ถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์แต่งตั้ง ราวกับว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเทพนิยายที่ยากที่จะทำให้ใครรู้สึกเชื่อได้

รัศมีของเขาบดบังเด็กหนุ่มในรุ่นเดียวกันทั้งหมด ถึงขั้นเรียกได้ว่าอัจฉริยะอย่างซิงหลิงที่หมื่นปีจะหาได้สักคน ยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับเขาได้ด้วยซ้ำ

ผู้เป็นอัจฉริยะเช่นเขาควรจะเป็นคนที่ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันแย่งตัว แต่เนื่องด้วยการตามสังหารในอดีต ทำให้ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แดนศักดิ์สิทธิ์ทุกแดนที่เคยมีความแค้นกับหลัวซิวต่างหวาดกลัวในศักยภาพของเขา เนื่องจากพรสวรรค์ของเขาหากเติบโตขึ้นจะต้องเป็นผู้ที่ไร้คู่แข่งทั่วหล้าแห่งนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่จะต้องถูกเขากดขี่จะโงหัวไม่ขึ้น

โชคดีที่เรื่องราวดีๆ มักไม่ได้อยู่ตลอดไป ครั้งหนึ่งระหว่างที่หลัวซิวไปสำรวจแดนปริศนาเขาได้หายตัวไป หลังจากที่ข่าวการตายของเขาแพร่ออกไป ทุกกองกำลังต่างเข้ามาบุกล้อมโจมตีไท่เสวียนเพราะต้องการที่จะกำจัดร่องรอยทุกอย่างของเขาที่หลงเหลืออยู่ให้หมด เพราะไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้

แต่ความหวังของทุกกองกำลังก็ดับสลายไปอีกครั้ง หลัวซิวยังไม่ตาย เขากลับมาในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง ราวกับมัจจุราชที่สามารถสังหารคนนับพันคนในช่วงเวลาพริบตาเดียว

แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าร่วมโจมตีแดนตำหนักจื่อไท่เสวียนคราวนี้มีทั้งหมดสิบสามแดน ในบรรดานี้มีแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภา สำนักฟ้าดิน แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด แดนศักดิ์สิทธิ์ญาณ เขาชะตาเทพ และแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำ โดยทุกแดนมีมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างน้อยหนึ่งคนลงมือโจมตีด้วยตนเอง บวกกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของเผ่าหงส์อีกคนหนึ่ง รวมกันแล้วก็จะมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหมดหกคน

ทว่าอารมณ์ของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหกคนนี้กลับไม่สามารถอยู่ในความสงบได้อีก โดยเฉพาะมหาจักรพรรดิยุทธ์ของเผ่าหงส์ ในตอนนั้นเขาเป็นคนเห็นเองว่าพลังการต่อสู้ของหลัวซิวพ่ายแพ้ให้กับผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ที่มีพลังเทียบเท่ากับเทพมาร

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า หลัวซิวก็เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แต่งตั้ง และไม่ใช่บุคคลที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิอย่างพวกเขาทั้งหกคนจะรับมือได้

หลังจากที่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ได้รับยาแล้ว หลัวซิวก็ใช้พลังแห่งกฎการเวียนว่ายตายเกิดแทรกซึมเข้าไปในร่างของสตรีทั้งสอง บาดแผลจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ทุกท่านอยากตายกันแบบไหนหรือ”

หลัวซิวหันไปมองคนอีกหลายพันชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกเย็นยะเยือก ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับหัวใจโดนแช่แข็ง

“หลัวซิว เจ้าอย่าอวดดีมากเกินไปนัก แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะน่าหวาดเกรง มีพลังแข็งแกร่ง แต่บนโลกใบนี้ยังคงมีเทพมารอยู่ เขาจะบดขยี้เจ้าราวกับเป็นมดตัวหนึ่ง!” มหาจักรพรรดิยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภาตวาดเสียงแข็ง

การตีวงล้อมแดนตำหนักจื่อ แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่ไม่ได้ออกหน้า แต่แดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภากลับเป็นตัวแทนของปนิธาณตำหนักดารานภาแห่งอาณาจักรตะวันออก

“ถึงแม้ว่าจะมีใครสักคนสังหารฆ่าได้ แต่คนคนนั้นจะต้องไม่ใช่คนตัวเล็กๆ เช่นเจ้า”

หลัวซิวหัวเราะเย็นๆ จากนั้นกระโดดขึ้นขึ้นฟ้าไปยืนอยู่บนนั้น พลางผนึกรวมพลังรอบกาย

“จองหองนัก!” ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธิ์คนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภาตวาดเสียงเข้มแต่กลับไม่กล้าลงมือ

“ในดินแดนของข้ากลับกล้าโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมลงมือ ข้าก็จะเอาชีวิตของเจ้าไปเอง”

ริมฝีปากของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้มเย็น และเริ่มโคจรกฎดั้งเดิม ร่างของเขาหายวับไปในทันที

อีกชั่วพริบตาต่อจากนั้น เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธิ์แดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภา เขาไม่ได้แตะต้องหอกยุทธ์มังกรดำด้วยซ้ำ แต่เพียงใช้นิ้วมือเป็นกระบี่และวาดออกไปกลางอากาศ

“ฟึ่บ!”

ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์คนนั้นคำรามลั่น แต่การตอบโต้ของเขากลับถูกหลัวซิวทำลายไปหมดสิ้น ปลายนิ้วของเขาปรากฏความเป็นตายสองระดับผลึกรวมเข้าด้วยกันและได้รับพลังเทพดั้งเดิม ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ทะลุผ่านกลางหว่างคิ้วของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรด์ยุทธ์ผู้นั้น

เมื่อหว่างคิ้วถูกแทงทะลุ ตัวหยั่งรู้ที่แฝงอยู่ก็ถูกทำลายจนจิตวิญญาณดับสลาย

มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เหลืออีกห้าคนมีสีหน้าแปรเปลี่ยน ในช่วงเวลาที่หลัวซิวปรากฏตัวขึ้นนั้น พวกเขาก็สังหรณ์ใจแต่แรกแล้วว่าคราวนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะกล้าลงมือสังหารคนอย่างไม่ละอายใจเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มไล่ล่าเขาอีกครั้ง