ทว่าหากลองคิดทบทวนดู ด้วยพลังยุทธ์ของหลัวซิวตอนนี้ นอกจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่คนแล้ว จะมีใครอีกที่สามารถทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวได้?

หลัวซิวในทุกวันนี้ ไม่มีทางหวาดเกรงมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วๆ ไป แดนศักดิ์สิทธิ์ใดที่ไม่มีเทพมารปกครอง ไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้เขาได้แต่อย่างใด การล่มสลายของตำหนักอัคคีนภาและป่าอู๋ถงที่พังราบเป็นหน้ากองนับว่าเป็นหลักฐานที่ประจักษ์ชัดที่สุด

“บังอาจ คิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครสังหารเจ้าได้งั้นหรือ”

น้ำเสียงเย็นชาดังก้องมาจากอนัตตา จากนั้นจิตสังหารก็เข้มข้นไปทั่วทั้งท้องฟ้า ร่างที่มีแสงโลหิตล้อมรอบปกคลุมค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น

อนัตตาของแดนตำหนักจื่อถูกฉีกขาดออกอีกครั้ง มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานกำลังลงมือและมาเยือนถึงที่นี่

คนผู้นี้มีสังหารเข้มข้น ในโลกแสงดาวหากไม่นับเผ่าปีศาจ ภายในเผ่ามนุษย์ก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดเท่านั้นที่สามารถผนึกรวมไอสังหารที่เข้มข้นขนาดนี้ได้

“เทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด?” หลัวซิวยิ้มเย็น “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถสังหารข้าได้หรือ”

“ผู้น้อยจอมจองหอง ต่อให้เจ้าเคยต่อสู้กับจักรพรรดิหงส์มาแล้ว แต่การฝึกตนของเจ้าก็อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักรเท่านั้น ข้าสามารถจัดการเจ้าได้ง่ายๆ”

เทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดหัวเราะเย็น ในแววตาของเขาปรากฏไอสังหารเข้มข้น “วันนี้ข้าจะต้องแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายนั้นห่างชั้นจากมดตัวเล็กๆ อย่างเจ้ามากนัก!”

ความแค้นระหว่างหลัวซิวกับเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดนั้นบาดลึก ผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ตายเพราะน้ำมือของหลัวซิว

ไอสังหารรอบตัวของเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดแผ่กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ไอสังหารสีเลือดกลายเป็นมหาสมุทรที่ผนึกรวมเลือดสดๆ เอาไว้

เขายกมือขึ้นโบก ดาบโลหิตที่ผนึกรวมขึ้นจากไอสังหารเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น อนัตตาถูกดาบฉีกขาด อานุภาพของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก

ความเร็วของดาบเล่มนี้ราวสายฟ้าฟาด บวกกับกฎของการสังหารเดิมก็คือเชี่ยวชาญในการสังหาร อานุภาพการโจมตีของเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าพลังแห่งกฎทั่วไปมากนัก

ทว่าแสงดาบโลหิตที่ยาวมากกว่าสิบลี้กลับถูกหลัวซิวยกมือขึ้นชี้แล้วหักกลางท่อนกลางท้องฟ้า

“มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย ก็ได้แค่นี้……”

หลัวซิวยิ้มอย่างหยัน เขาพลิกฝ่ามือกลางท้องฟ้า จากนั้นใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปแปลงเป็นพลังอมตะออกมา กฎสองระดับความเป็นตายกลายเป็นสายฟ้า ภายในชั่วพริบตาร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดก็หายไป

แม้ว่าจะเป็นสายฟ้า แต่ก็ไม่ใช่พลังจากกฎสายฟ้า แต่เป็นกฎความเป็นตายสองระดับ

“ตะปุดเลือดฉีกฟ้า!”

ร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดพุ่งทะยานออกมาจากสายฟ้า ความเป็นผู้แข็งแกร่งเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาแทบสังเกตไม่เห็น เสื้อผ้าของเขามอมแมมจนดูน่าเวทนา ใบหน้าของเขาดุร้ายน่ากลัว

จากนั้นอนัตตาก็เริ่มบิดเบี้ยว เลือดผนึกรวมเป็นกรงเล็บที่มีเลือดซึม นี่คือวิชายิ่งเลิศของเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดที่อานุภาพยิ่งใหญ่มาก

ทว่าในสายตาของหลัวซิว วิชายิ่งเลิศจำนวนมากในทุกวันนี้เป็นเพียงแค่ของระดับล่างเท่านั้น เมื่อรื้อฟื้นความทรงจำของของหลี่ยู่ พลังอมตะที่้เขาเข้าใจมีมากเกือบสี่สิบชนิด ดังนั้นวิชายิ่งเลิศจึงไม่อยู่ในสายตาของเขา

หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้า สีหน้าของเจ้ายุทธจักรขั้น 9 ของเขาชะตาเทพก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจตั้งตัวทัน เขาถูกบีบขยี้ตายในทันที ร่างของเขากลายเป็นไอโลหิต แส้มังกรฟ้าสยบเทพที่เพิ่งแย่งชิงมาได้ก็กลับไปอยู่ในมือของหลัวซิวอีกครั้ง

พลังแห่งหฎเริ่มโคจร อานุภาพของแส้มังกรสายฟ้าสยบเทพเพิ่มขึ้น กลายเป็นมังกรฟ้า จากนั้นเกิดเสียงหวดลงไปยังกรงเล็บสีแดง

“อะไรนะ?”

สีหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดแปรเปลียน วิชายิ่งเลิศที่เขาภาคภูมิใจกลับถูกอีกฝ่ายทำลายได้ง่ายๆ เพียงเท่านี้?

ผู้ฝึกตนอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย บวกกับเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดอีกสิบคนยังสู้เทพสงครามเอกภพไม่ได้

ภายในโลกจักรภพ พลังยุทธ์ของหลัวซิวสามารถต่อกรกับเทพสงครามเอกภพได้ และนับประสาอะไรกับเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด?