ฟู่ ฟู่**!**
ขณะที่ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันบนมหาสมุทร พวกเขาก็ปลดปล่อยคลื่นพลังที่น่ากลัวซึ่งระเบิดออกจากร่างกายทำให้เกิดการยกคลื่นกระแทกขึ้นบนผิวน้ำ กระทั่งมหาสมุทรที่อยู่ใต้เท้าก็สั่นสะท้าน
โครงร่างเพรียวบางของซื่อหลัวขยายใหญ่ขึ้นราวกับยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยตุ่มสีทองซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
มู่เฉินทั้งสามยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ผลึกรัศมีไหลเวียนออกมาจากร่าง
“ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของวิชาสามพิสุทธิ์มานานแล้ว วันนี้ขอลองหน่อยเถอะ!” เสียงของซื่อหลัวหนักแน่นก้องดังราวกับฟ้าร้อง
รัศมีตกผลึกบนร่างมู่เฉินทั้งสามก็หนาแน่นขึ้น ชัดว่าพวกเขาหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายเต็มที่
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับนี้ มู่เฉินไม่คิดออมมือ
ตู้ม!
เมื่อทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนสายตากัน ทันใดนั้นซื่อหลัวก็เคลื่อนไหวกระทืบฝ่าเท้าลงไป มหาสมุทรที่อยู่ใต้เท้าเขาพังทลายลง ขณะที่ร่างแสงของเขาทะยานออกไปปรากฏต่อหน้ามู่เฉิน
พร้อมกับความผันผวนทำลายล้าง กำปั้นทองคำก็ซัดลงมา มิติถึงกับพังทลายลงราวกับกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ
เผชิญหน้าการโจมตีที่ดุร้ายของซื่อหลัว มู่เฉินทั้งสามก็ออกกระบวนท่าในเวลาเดียวกัน กำปั้นของพวกเขาที่ปกคลุมไปด้วยผลึกคลื่นหลิงปะทะกับกำปั้นทองคำ
ตึง!
เกิดการระเบิดดังขึ้นพร้อมกับปากปล่องขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนมหาสมุทร ก่อนที่น้ำทะเลจะไหลเทไปอย่างรุนแรง ทว่าก็ไม่สามารถเติมปากปล่องได้เป็นเวลานาน
ชี่!
มู่เฉินและร่างรองทั้งสองตัวสั่นขณะที่ถอยกลับ แต่ครั้งนี้ซื่อหลัวต้านไม่ได้เหมือนก่อนหน้า ท้ายที่สุดตัวเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูสามคน ดังนั้นเขาจึงถูกบีบให้ถอยร่นหนึ่งร้อยก้าวจากคลื่นหลิงป่าเถื่อน
“เยี่ยม! สมกับเป็นวิชาสามพิสุทธิ์! พลังที่รวมกันไม่ใช่สิ่งที่คนสามคนจะเปรียบได้!”
ดวงตาของซื่อหลัวเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคน แม้แต่ขั้นเซียนระยะกลางสามคนก็ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ แต่เขาเสียเปรียบในการแลกกระบวนท่าครั้งก่อน เห็นได้ชัดถึงความลึกซึ้งของวิชาสามพิสุทธิ์ การรวมร่างหลักและร่างรองสองร่างไม่ง่ายอย่างที่คนสามคนรวมจุดแข็งเข้าด้วยกัน
ตู้ม!
ซื่อหลัวพุ่งออกไปอีกครั้ง มู่เฉินทั้งสามก็ทะยานออกไปพร้อมกับภาพซ้อนปะทะกับซื่อหลัว
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉินทั้งสาม ซื่อหลัวก็ไม่กลัว ร่างกายเปล่งรัศมีแสงสีทอง ระเบิดพลังออกมา หมัด-เข่า-ศอกวาดกระบวนท่าออกมานับไม่ถ้วนขณะที่ปะทะกัน
ทั้งสี่โรมรันพันตูต่อสู้บนมหาสมุทร เหล่าผู้ชมไม่สามารถมองเห็นกระบวนท่าได้อย่างชัดเจน แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าการเผชิญหน้านั้นน่ากลัวเพียงใดจากคลื่นกระแทกที่เล็ดลอดออกมา
ด้านนอกเจดีย์วั้นกู่ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการต่อสู้จะรุนแรงขนาดนี้…
หมัวเฮอเทียนมองไปที่การต่อสู้นี้ด้วยความเฉยเมยขณะกล่าวว่า “วิชาสามพิสุทธิ์สมกับชื่อเสียงอย่างแท้จริง”
“ใช่ นี่เป็นทักษะเทพที่จักรพรรดิฟ้าใช้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ด้วยวิชานี้ทำให้จักรพรรดิฟ้ากลายเป็นจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขามในสมัยโบราณ” ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอถอนหายใจด้วยความอิจฉาเข้มข้น
“แม้ว่าวิชาสามพิสุทธิ์จะทรงพลัง แต่ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างมู่เฉินและซื่อหลัว การต่อสู้ครั้งนี้คงอยู่อีกไม่นาน” สายตาของหมัวเฮอเทียนเฉียบคมนัก บางทีคนอื่นอาจไม่สามารถบอกได้ แต่เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกระบวนท่ามากกว่าพันท่าในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทว่าซื่อหลัวยังคงได้เปรียบกับมู่เฉินหลายส่วน
‘ถ้านั่นคือความสามารถที่มู่เฉินมี เขาคงไม่สามารถยืนหยัดได้ถึงด่านสุดท้าย’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของหมัวเฮอเทียน ขณะที่เขามองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้ง ในอดีตเขาตั้งใจจะแต่งให้นาง แต่ใครจะคิดได้ว่านางจะออกจากเผ่าฝูถูไปตกหลุมผู้ชายขี้กะโล้โท้ แม้ว่าเรื่องจะผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังสร้างความอับอายให้เขา
เพื่อไม่ให้เสียหน้าจึงไม่ควรที่จะพูดถึงเรื่องในอดีต แต่ถ้าเขาได้เห็นลูกชายของชิงเหยี่ยนจิ้งหน้าแตกที่นี่เขาจะมีความสุขมาก
ตึง**!**
เกิดการปะทะกันอีกครั้ง ร่างจอมยุทธ์ทั้งสี่ก็แยกออกจากกัน แต่คราวนี้มู่เฉินไม่พุ่งกลับมาโต้ตอบ เขารู้ว่าไม่สามารถเอาชนะในการต่อสู้ลักษณะนี้ได้จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่
“พลังกายเจ้าทรงประสิทธิภาพมาก เจ้าถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง” คลื่นหลิงสั่นไหวไปรอบๆ ร่างมู่เฉินขณะมองไปที่ซื่อหลัวพลางถอนหายใจ
“นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับข้า การที่ประมุขมู่สามารถบีบให้ข้ามาไกลถึงขนาดนี้ได้ด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง” ซื่อหลัวหัวเราะ เสียงนั้นคำรามก้อง
เขาไม่ได้ถ่อมตน มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างขั้นหลิงระยะกลางและขั้นเซียน แต่มู่เฉินกลับสามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ นี่ทำให้น่าตกใจอย่างแท้จริง
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะมู่เฉินขยายเจดีย์พุทธะและสายสัมพันธ์กับร่างรองทั้งสอง
“แต่ข้ากลัวว่ายังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะข้าด้วยวิชาสามพิสุทธิ์เพียงอย่างเดียว” ซื่อหลัวเปล่งรัศมีกระจ่างใสราวกับเทพเซียน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมู่เฉินก็ยิ้มไม่ตอบ มือประสานกันก่อร่างเป็นตราประทับที่ลึกซึ้ง
“วิชาสามพิสุทธิ์ สามรวม!”
เมื่อเสียงดังก้องจากหัวใจของมู่เฉิน ร่างรองทั้งสองก็ก้าวเข้ามาสถิตในร่างกายของเขา
เมื่อทั้งสามรวมตัวกัน พายุทอร์นาโดที่ก่อตัวขึ้นจากคลื่นหลิงบริสุทธิ์ก็ระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน
เมื่อรัศมีวูบไหว คลื่นหลิงรอบตัวมู่เฉินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอัญมณีพร้อมกับร่างกายของมู่เฉิน
สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของมู่เฉิน ซื่อหลัวก็หดตาลงด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงของมู่เฉินเติบโตขึ้นจนน่ากลัวในขณะนี้!
“ไม่คิดว่าวิชาสามพิสุทธิ์จะมีกระบวนท่าเช่นนี้ด้วย…” ซื่อหลัวกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ เขาไม่กล้าออมมืออีกแล้ว
เมื่อมู่เฉินลืมตาขึ้นมา ม่านตาสีดำก็กลายเป็นอัญมณี เขารู้สึกถึงคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตในร่างกายตนเอง ขณะนี้ราวกับว่าเขาสามารถทำลายท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว
ขั้นสามรวมของเขาแข็งแกร่งกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับหวงเฉวียนจื่อ นี่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพที่เขาได้รับหลังจากสี่เดือนของการเข้าสมาธิฝึกฝน
“มาลองกันอีกครั้ง”
มู่เฉินยิ้มให้ซื่อหลัวก่อนที่จะวาบหายไป
ซื่อหลัวหดดวงตาเหวี่ยงหมัดออกไปโดยไม่ลังเล พลังน่ากลัวก็พุ่งออกมาทำให้มิติตรงหน้าเขาพังทลาย
เมื่อมิติยุบลง ภาพเงาหนึ่งก็วูบไหวเหวี่ยงหมัดออกมาปะทะกับหมัดทองคำของซื่อหลัว
เคร้ง
พลังงานสองสายปะทะกัน ก็คล้ายกับการชนกันระหว่างโลหะเกิดเสียงดังเสียดหู คลื่นกระแทกพัดออกมา แต่คราวนี้มู่เฉินไม่ได้ถูกกดดัน ร่างกายของเขาสั่นเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะสลายผลกระทบได้
ในทางกลับกันซื่อหลัวถูกซัดโดยไม่คาดคิด ทุกย่างก้าวที่เขาถอยออกไปจะสร้างหลุมขนาดใหญ่บนมหาสมุทรเบื้องล่าง…
การแลกกระบวนท่ากันครั้งนี้ซื่อหลัวตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ
ด้านนอกรอบเจดีย์วั้นกู่ระเบิดด้วยความโกลาหล ทุกคนตกใจที่มู่เฉินสามารถบังคับซื่อหลัวต้องถอยจากการเผชิญหน้าครั้งนี้
“นี่น่าจะเป็นระยะที่สูงขึ้นของวิชาสามพิสุทธิ์ มู่เฉินมาถึงระดับนั้นแล้ว…” หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้ว หลังจากรวมกับร่างรองทั้งสอง ตอนนี้มู่เฉินมีพลังเทียบเคียบจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายแล้ว
‘มิน่าล่ะไอ้หนูนี่ถึงกล้ามาที่งานชุมนุมนิรันดร์’
“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับทักษะของซื่อหลัว…”
ซื่อหลัวฉายสีหน้าเคร่งเครียดขณะมองมู่เฉิน หลังจากที่ขยายทักษะหลายวิชา มู่เฉินในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแล้ว
ดังนั้นหากเขาต้องการที่จะชนะ เขาต้องงัดไม้เด็ดออกมาแล้ว
ซื่อหลัวหายใจเข้าลึกๆ มือประสานเข้าด้วยกัน มหาสมุทรใต้เท้าก็คำรามรุนแรงพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากเท้าครอบคลุมรัศมีหลายพันลี้
ซ่า!
ทันใดนั้นมหาสมุทรก็แยกออกจากกัน ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายโบราณพร้อมกับรัศมีศักดิ์สิทธิ์ยื่นออกมาจากมหาสมุทร
เมื่อมือนี้ปรากฏขึ้นแม้แต่มิติข้างใต้ก็ถูกแช่แข็ง
ถึงระดับที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายยังไม่กล้ารับ
ซื่อหลัวเงยหน้ามองมู่เฉินพูดขึ้นช้าๆ ว่า
“ประมุขมู่ นี่คือวิทยายุทธระดับเสินทงหนึ่งในสุดยอดของสำนัก—ฝ่ามือเทพอรหันต์…โปรดชี้แนะด้วย”