บทที่ 1486 ค่ายกลสามกำลังรบปรากฏอีกครั้ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ครืน**!**

ขณะที่มหาสมุทรครางกระหึ่ม มือขนาดมหึมาก็ทะลุพื้นผิวน้ำแหวกมิติก่อนจะพุ่งไปหามู่เฉิน

ภายใต้เงามิติก็แข็งตัว เส้นทางการหลบหนีทั้งหมดของมู่เฉินถูกปิดผนึกไว้แล้ว

ซื่อหลัวเร้าพลังทั้งหมดออกมาในกระบวนท่านี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายยังอาจได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้

ฝ่ามือเทพอรหันต์เป็นหนึ่งวิทยายุทธระดับเสินทงที่ดีที่สุดของขุมกำลังยอดวิญญาณ ซึ่งด้อยกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้น ชื่อเสียงดังก้องไปทั่วมหาพันภพ คงมีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่ามีจอมยุทธ์กี่คนที่พ่ายแพ้ต่อวิชานี้…

ด้านนอกเจดีย์ทุกคนกลั้นหายใจขณะมองกระจกอย่างตกตะลึง พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาเทพของซื่อหลัวในอดีต ดังนั้นจึงรู้ว่าเมื่อใช้วิชานี้หมายความว่าซื่อหลัวไม่คิดออมมือแล้ว

หากมู่เฉินไม่สามารถต้านทานได้ กระบวนท่านี้ก็เอาชนะเขาได้เลย

ภายใต้ความสนใจของทุกคน มู่เฉินมองไปที่มือมหึมาพลางหลับตาลงเบาๆ ก่อนที่ผลึกแสงจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเจดีย์

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เจดีย์ผลึกแก้วบินฉวัดเฉวียนพลางเปล่งแสงออกมาพร้อมกับปีศาจแปดตัวเคลื่อนออกจากเจดีย์ ดูคล้ายกับเทพปีศาจแปดองค์ที่ยืนอยู่รอบเจดีย์

มู่เฉินมีท่าทางเคร่งเครียดไม่กล้าประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงนำวิชาเจดีย์แปดองค์ออกมาทันที

“ตู้ม!”

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาจากร่างมู่เฉินถูกปีศาจทั้งแปดกลืนกินไว้

หลังจากกลืนกินพลังที่ไร้ขอบเขต ก็มองเห็นลวดลายแปลกประหลาดกระจายออกไปบนร่างปีศาจทั้งแปด จากนั้นพวกมันก็สร้างตราประทับพร้อมกัน

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ลำแสงพุ่งออกจากร่างเกี่ยวพันกันเป็นค่ายกลน่าสะพรึงกลัว

ในขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันก็ค่อยๆ หดตัวลงเป็นรูปทรงกลมสีแดงเข้มที่มีร่องรอยจุดด่างดำ ทำให้เกิดความผันผวนของการทำลายล้าง

“วิชาเจดีย์แปดองค์ เจดีย์ปีศาจหยก!”

มู่เฉินร้องคำรามในใจ อึดใจค่ายกลก็แตกออก ลูกทรงกลมสีแดงเข้มที่อัดแน่นด้วยพลังของปีศาจทั้งแปดก็พุ่งออกมา มิติถึงกับพังทลายลงในวิถีโคจร

ยามนี้มือมหึมาปะทะกับลูกทรงกลมสีแดงเข้มภายใต้สายตาตกตะลึงมากมาย

ตู้ม ตู้ม!

เสียงสะท้อนที่ไม่อาจพรรณนาดังก้องรุนแรงราวกับว่ากำลังจะทำลายมหาสมุทรไร้ขอบเขต ถึงกับฉีกปากปล่องขนาดใหญ่ เจาะทะลวงลงไปในมหาสมุทร…

ที่ด้านนอกเจดีย์ทุกคนเฝ้าดูการเผชิญหน้าและหายสูดใจเข้าลึกๆ เผชิญหน้าการปะทะครั้งนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายก็ไม่สามารถรับได้

ไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะดุดันยิ่งกว่าการปะทะกันของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายแท้จริงสองคนเสียอีก

ขณะที่พวกเขาถอนหายใจสายตาก็ติดแน่นอยู่บนกระจก

คลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวกวาดออก ก่อนที่มือมหึมาและลูกทรงกลมจะระเบิดในเวลาเดียวกันพร้อมกับคลื่นกระแทกผลักมู่เฉินและซื่อหลัว ทั้งสองถลากลับไปลากรอยยาวไว้บนมหาสมุทร…

มู่เฉินถอยห่างออกไปหมื่นจั้งก็ทรงตัวได้ คลื่นกระแทกทำให้รัศมีและกระแสเลือดในร่างกายเขาเดือดพล่าน

ซื่อหลัวก็ทรงตัวพร้อมกับสีหน้ารุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดมาก่อนว่าตนเองยังไม่สามารถเอาชนะได้แม้จะใช้วิชาฝ่ามือเทพอรหันต์ก็ตาม

“วิชาเจดีย์แปดองค์สมชื่อเสียงแท้จริง” ซื่อหลัวตอบ เขารู้ข้อมูลของมู่เฉินมา ดังนั้นจึงรู้ที่มาของวิชาที่มู่เฉินเพิ่งใช้

หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายธรรมดา คงไม่สามารถรับกระบวนท่าเมื่อครู่ของมู่เฉินได้

“ฝ่ามือเทพอรหันต์ของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” มู่เฉินตอบ

ซื่อหลัวถอนหายใจไม่พูดให้มาความ มือประสานเข้าด้วยกัน แสงสีทองรวมตัวกันอยู่ข้างหลังเขากลายเป็นร่างยักษ์เปล่งรัศมีอมตะ

เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ซื่อหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา

เมื่อซื่อหลัวนำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา ร่างยักษ์สีม่วงทองก็ปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉิน

ตู้ม!

อึดใจร่างยักษ์ทั้งสองก็กระโจนออกมาพร้อมกับรหัสอมตะหลายร้อยรวมตัวกันที่เบื้องหน้าก่อนที่จะปะทะกัน ทุกกระบวนท่าทำให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนมากมายบนมหาสมุทร

ตึง ตึง ตึง!

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีร่างยักษ์ทั้งสองก็ปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว หากไม่ใช่มหาสมุทรที่ฟื้นฟูได้ทันท่วงที หากพวกเขาอยู่ที่อื่น สถานที่แห่งนั้นคงจะวินาศสันตะโรไปแล้ว

มู่เฉินยืนอยู่บนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ราวกับก้อนหินยืนนิ่งไม่ไหวติง เมื่อมองไปที่การเผชิญหน้ารุนแรงเขาก็ขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของซื่อหลัวเกินความคาดหมายของเขานัก

ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขาต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ เขาสามารถใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เพื่อยับยั้งอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้ได้เพียงเสมอเมื่อสู้กับซื่อหลัว

ดังนั้นเขาต้องใช้วิธีแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการเอาชนะ

“เราจะลากสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้” มู่เฉินครุ่นคิด เขายังมีคู่ต่อสู้อีกสามคนที่แข็งแกร่งพอๆ กับซื่อหลัว หากหมัวเฮอโยวไม่ได้ปะทะกับเยี่ยฉิงหรือทัวป๋าชาง พวกเขาก็จะจบการดวลได้รวดเร็ว ไม่ยืดเหมือนเขาในตอนนี้

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเขาจะหมดแรงและไม่สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่เหลือได้

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แสงชี้ขาดก็วูบไหวในดวงตาของมู่เฉินขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถอยกลับ แหวนของมู่เฉินก็กะพริบพร้อมกับกองทัพที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีจั้นยี่ที่น่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง นี่ก็คือกองทัพมังกรดำ

การปรากฏของกองทัพกะทันหันทำให้เกิดความปั่นป่วนภายนอกเจดีย์ หลายคนตกตะลึงไป ‘มู่เฉินเป็นจั้นเจิ้นซือด้วยหรือ? เขาตั้งใจจะใช้พลังรัศมีจั้นยี่เรอะ? ’

หมัวเฮอเทียนหรี่ตาลงขณะที่มองไปที่กองทัพ แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็ยังอุทาน มู่เฉินเป็นอัจฉริยะแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาจะมีพลังการต่อสู้ที่น่าตกใจ แต่ยังมีความสำเร็จสูงในฐานะจั้นเจิ้นซืออีกด้วย

กองทัพนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยรังสีสังหาร

“ว่ากันว่ามู่เฉินได้รับกองทัพมังกรดำของจักรพรรดิมังกรดำ ในสมัยโบราณชื่อเสียงของเขาดังก้องทั่วหล้า เขากับกองทัพมังกรดำไม่รู้ฆ่าจอมปีศาจไปมากเท่าไร” หมัวเฮอเทียนกล่าว

“แต่กองทัพมังกรดำก็ไม่ได้ทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายได้เท่านั้น แต่การจะเอาชนะไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงไร้เดียงสาไปหน่อยสำหรับมู่เฉินที่จะพึ่งพากองทัพนี้เพื่อเอาชนะซื่อหลัว”

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของเผ่าหมัวเฮอก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

บนมหาสมุทร

ซื่อหลัวมองไปที่กองทัพ ไม่มีแรงกระเพื่อมในดวงตา “กองทัพนี้ทรงพลังนัก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้”

แม่ทัพเจียงหลงมองไปที่ซื่อหลัว จากนั้นก็ยิ้มขมขื่น “จอมทัพมู่ ศัตรูของเจ้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง นี่ขั้นเซียนระยะปลายเลยนะ หากกองทัพมังกรดำอยู่ในจุดสูงสุดเราก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้ยากที่จะเอาชนะได้”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมู่เฉินก็เพียงยิ้ม เขาทราบดีเกี่ยวกับความสามารถของกองทัพมังกรดำและเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะซื่อหลัวโดยอาศัยกองทัพมังกรดำเพียงอย่างเดียว

“ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

มู่เฉินพยักหน้าให้เจียงหลง

เจียงหลงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทะยานกลับไปที่กองทัพและโบกธง ทันใดนั้นนักรบหนึ่งหมื่นห้าพันคนก็คำรามพร้อมกับรัศมีจั้นยี่รุนแรงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

มู่เฉินสะบัดนิ้วร่างยักษ์สีม่วงทองที่อยู่ใต้เท้าก็พุ่งออกไป เมื่อซื่อหลัวเห็นก็เร้าร่างยักษ์พุ่งเข้ามาปะทะ

ยักษ์ทั้งสองชนกันอีกครั้ง ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้น

มู่เฉินยืนอยู่บนมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือเดียว รัศมีจั้นยี่รวมตัวกันเป็นมังกรมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

มังกรมหึมาปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลาย สามารถทำให้ผู้คนหนังหัวชาหนึบ

นี่เป็นจำนวนที่เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายทั่วไปเลยทีเดียว

ทว่าซื่อหลัวกลับประจันหน้ากับมังกรด้วยสีหน้าสงบ แม้ว่าลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายสามารถคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายทั่วไปได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา

“มู่เฉินกำลังพยายามไร้ประโยชน์จริงๆ พลังของลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายด้อยกว่าวิชาเจดีย์แปดองค์ซะอีก…” ด้านนอกเจดีย์ทุกคนกระซิบกัน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมู่เฉินถึงทำอะไรเปล่าประโยชน์เช่นนี้

มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้นที่มองมา เขาจับจ้องไปที่ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายบนมังกรด้วยสายตาวูบไหว

ร่างแสงสีดำและสีขาวพวยพุ่งออกจากร่างของเขา กลายเป็นร่างรองยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ไปทางทั้งสอง ร่างรองก้าวออกไปก่อตัวเป็นรูปแบบค่ายกลที่ไม่เหมือนใคร

หลังจากวาดตราประทับอย่างรวดเร็ว เสียงหนึ่งก็เล็ดลอดออกมาจากลำคอเขา

“ค่ายกลรบสามกำลัง”

ตู้ม!

ช่วงเวลานั้นเมื่อค่ายกลรบก่อตัวขึ้น ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้านขณะที่รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตระเบิดออกมาราวกับคลื่นโหมกระหน่ำฉีกทำลายมิติจากกัน

รัศมีจั้นยี่พวยพุ่งขึ้นแล้วเทเข้าสู่ร่างมังกรภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน…

โฮก!

เสียงคำรามแสบแก้วหูดังก้องจากมังกรขณะที่เริ่มขยายตัว มากจนแม้แต่ลวดลายจั้นเหวินบนร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างดุเดือด

ห้าสิบห้าล้าน…หกสิบล้าน…

“ไม่พอ!”

มู่เฉินรู้สึกว่าหัวกำลังจะแตกออก ขนาดของรัศมีจั้นยี่เกินความสามารถในการควบคุมของเขา เลือดไหลซึมออกมาจากดวงตา

ทว่าเขาไม่ได้หยุด เขาสาดสีหน้าเย็นชาและระงับความเจ็บปวดขณะเทรัศมีจั้นยี่ใส่มังกรตัวมหึมาอย่างป่าเถื่อน…

ดังนั้นรัศมีจั้นยี่จึงขยายตัวออกไปอีก

หกสิบสามล้าน… หกสิบห้าล้าน… ในที่สุดจำนวนลวดลายจั้นเหวินก็มาถึงหกสิบแปดล้านลาย!

ขณะนี้ร่างมังกรมโหฬารปกคลุมท้องฟ้าราวกับเทพมังกรทำลายล้าง

ซื่อหลัวเงยหน้ามองมังกร ใบหน้าที่ไม่มีอารมณ์มาตลอด ในที่สุดก็ฉายความตกใจแล้ว…