ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 857 รับของขวัญชิ้นใหญ่ด้วยความยินดี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอขอให้ฮานหลงเอ๋อร์บรรยายหน้าตาของคนผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะฮานหลงเอ๋อร์ ตั้งใจฝึกต่อเถอะ มีตรงไหนไม่เข้าใจมาถามข้าหรือไม่ก็ท่านพ่อได้ตลอด”

ในบรรดาโอสถเซียนที่นำกลับมาในครั้งนี้ มีโอสถที่เหมาะให้ฮานหลงเอ๋อร์ใช้อยู่เช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอได้มอบให้บิดาของตัวเองไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว

หลังจากอาจารย์ลุงใหญ่สืบเถี่ยเสียชีวิตไป หน้าที่การสั่งสอนฮานหลงเอ๋อร์ก็มีเยี่ยนตี๋รับผิดชอบมาโดยตลอด

ฮานหลงเอ๋อร์พยักหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอรับศิษย์พี่เยี่ยน”

หลังจากใช้สายตาส่งเงาของอีกฝ่าย เสี่ยวอ้ายก็กอดเอว “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีคนเช่นนี้ด้วย แม้ดูไร้เดียงสา แต่อายุน้อยขนาดนี้กลับมีพลังฝึกปรือสูงส่งยิ่ง”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม กล่าวว่า “คนเราดูแค่หน้าตาไม่ได้”

เสี่ยวอ้ายจุ๊ปากชมเชย

ชายหนุ่มปรายตามองนาง “พรสวรรค์ของเจ้าก็สูงส่งมากเช่นกัน ตั้งใจฝึกฝนให้มากๆ เถอะ อย่าเอาแต่สนใจชมเชยผู้ชายหล่อเหลานัก”

ดรุณีบ้าผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ว่าด้านไหนล้วนดีเลิศ ติดที่ชอบน้ำลายไหลตอนมองบุรุษหล่อเหลาก็เท่านั้น

เยี่ยนจ้าวรู้ว่านางมีการจดบันทึก ให้คะแนนบุรุษเพศทั่วทั้งเขากว่างเฉิงอยู่

นางออกมาข้างนอกในครั้งนี้ ได้พบเจอใครระหว่างทาง นางก็ให้คะแนนเช่นกัน

อย่างเช่น บรรพชิตหนุ่มขี่ช้างเผือกที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอกำจัดทิ้งในแดนขวางกั้น เสี่ยวอ้ายยังให้คำวิจารณ์ระดับสองกับเขาด้วย

เมื่อก่อนนางเองก็ใช้แค่ตาดู ถือว่าเป็นแค่มองเป็นอาหารตา แต่หากทำเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ จะทำให้สมาธิแตกซ่าน

ในความจริงแล้ว เสี่ยวอ้ายไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในการสร้างค่ายกลเหนือกว่าคนอื่นเท่านั้น พูดถึงแค่ความฉลาดและพรสวรรค์ในด้านมรรคาวรยุทธ์ นางก็โดดเด่นถึงขีดสุดเช่นกัน

เพียงแต่ความคิดของดรุณีน้อยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ใช้ไปกับการฝึกยุทธ์เท่าใด

เสี่ยวอ้ายกระแอมคำหนึ่ง รีบสาบานด้วยความซื่อสัตย์ว่า “นายน้อย แม้ท่านจะมีนายหญิงน้อยแล้ว แต่ข้ารับประกันได้ว่า ท่านคือคนที่หล่อเหลาที่สุดในใจของข้า ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงนอกจากนายท่านแล้ว ไม่มีใครเทียบกับท่านได้!”

นางเว้นเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ท่านฟางเองก็เทียบกับพวกท่านได้ แต่หลักๆ เป็นเพราะท่านฟางยังครองโสดอยู่”

เยี่ยนจ้าวเกอกุมหน้าผากอย่างจนปัญญา “ประเด็นสำคัญที่ข้าพูดกับเจ้าอยู่ตรงนี้หรือ”

เสี่ยวอ้ายประจบเก่งยิ่งกว่าอาหู่กับพ่านพ่านเสียอีก “สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นประเด็นสำคัญในประเด็นสำคัญ”

ชายหนุ่มงอนิ้วดีดหน้าผากนาง “ตั้งใจฝึกฝน หากในหนึ่งปีนี้ไม่เลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ ข้าจะจับเจ้าขัง แล้วให้แค่ลูกศิษย์สตรีส่งข้าวให้เจ้า!”

นางห่อปากด้วยความน้อยใจ “นายน้อย…”

“ตกลงตามนี้” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ

เขาไม่สนใจเสี่ยวอ้ายที่โอดครวญอีก มุ่งหน้าไปหาซือคงจิง

ซือคงจิงในตอนนี้มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์มานาน นับเป็นลูกศิษย์ที่ฝึกฝนสำเร็จ สามารถรับลูกศิษย์เองได้แล้ว

ทว่าซือคงจิงมีนิสัยเย็นชา ตั้งสมาธิกับการฝึกฝนวรยุทธ์ของตัวเอง ผู้อาวุโสตำหนักสืบวิชาในสำนักได้พูดกับนางเรื่องรับลูกศิษย์ แต่นางปฏิเสธตรงๆ

นางอายุยังน้อย การใช้สมาธิไปกับการฝึกฝนของตัวเองไม่มีอันใดต้องตำหนิ ดังนั้นผู้อาวุโสวิหารถ่ายทอดวิชาจึงไม่ได้ว่าอะไร

เยี่ยนจ้าวเกอขณะเดินอยู่กลับไม่ได้อยู่ว่าง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้เห็นรูปร่างหน้าตาของคนส่งยันต์หยกที่อิงหลงถูบรรยายแล้ว ในตอนนี้กำลังสอบปากคำซุนจ้งต๋าอยู่ในวังฝูงมังกร

ฮานหลงเอ๋อร์นอกจากจะเรียนวรยุทธ์แล้ว ในเรื่องอื่นๆ กลับเชื่องช้าไปบ้าง อีกทั้งยังมีนิสัยซื่อตรง

ทว่าเขาเวลาทำอะไรมักจะตั้งใจ ข้อนี้ได้สะท้อนออกมาในแต่ละด้านของการดำเนินชีวิต

หน้าตาของอีกฝ่ายเขายังจดจำได้ชัด ตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ จนถึงเล็กที่สุด บรรยายภาพเหมือนเงาแสงของอีกฝ่ายได้อย่างสมจริง

เยี่ยนจ้าวเกอที่รู้จักจุดเด่นนี้ของฮานหลงเอ๋อร์เชื่อว่า ภาพเหมือนที่หนุ่มน้อยบรรยายน่าจะไม่แตกต่างกับหน้าตาจริงๆ ของอีกฝ่ายนัก

ปัญหาหนึ่งเดียวก็คือ ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ เช่นนั้นในตอนที่เข้ามาในโลกซ้อนโลกก็อาจจะใช้โอสถแปลงกายเพื่อปลอมลักษณะของคนอื่นเหมือนกับซุนจ้งต๋า

แต่ว่าหลังจากซุนจ้งต๋าเห็นภาพของคนผู้นั้น แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตาเป็นประกายเล็กน้อย

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถาม “ดูเหมือนจะรู้จักกระมัง เป็นศิษย์ในสำนักท่านหรือ”

ซุนจ้งต๋าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบในทันที

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหัวเราะออกมา “ไม่ต้องกังวล ไม่ใช่ข้าจับสหายในสำนักท่านได้ แต่เป็นเขามาหาข้าด้วยตัวเอง คิดประกันตัวท่านกลับไป”

ถ้าหากเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ ไม่ว่าจะมีเป้าหมายอะไร ในเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจเก็บคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนไว้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคุมตัวซุนจ้งต๋าไว้อีก

ข้อมูลที่รีดมาจากซุนจ้งต๋าได้ ชายหนุ่มก็ได้เค้นมาจนหมดสิ้นแล้ว ถ้าไม่ฆ่าเขา คุณค่าของคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนก็มีอยู่เหลือเฟือ มากพอจะประกันเขาร้อยกว่ากลับไปได้

เยี่ยนจ้าวเกอเสาะพบสถานที่ที่เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับอยู่ผ่านเบาะแสจากตัวซุนจ้งต๋า ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่องที่อีกฝ่ายสวมรอยอีก

แน่นอนว่าห้ามมีครั้งที่สองเป็นอันขาด

ซุนจ้งต๋าได้ยินร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพูดดังนั้น สีหน้าก็พลันผ่อนคลาย พยักหน้า “เป็นอาจารย์อาของข้า”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกว่า “ประเสริฐ ตอนนี้ท่านไปได้แล้ว”

ซุนจ้งต๋าริมฝีปากสั่นไหว เขาอยากถามเยี่ยนจ้าวเกอว่าสำนักของตนใช้อะไรมาประกันตัว

แต่ว่าคำพูดมาถึงมุมปาก สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงแต่ถอนใจคำหนึ่ง ประสานมือคำนับเยี่ยนจ้าวเกอ “เช่นนั้นข้าขอลา”

สรรพคุณของโอสถแปลงกายในตอนนี้หมดไปนานแล้ว ซุนจ้งต๋าไม่ได้รับประทานโอสถอีก รูปร่างหน้าตาจึงไม่เหมือนเยี่ยนจ้าวเกออีกต่อไป แต่กลับคืนเป็นใบหน้าดั้งเดิมของตัวเอง เป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาองอาจคนหนึ่ง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพาซุนจ้งต๋าออกจากเขากว่างเฉิง หลังจากออกห่างไปไกล ก็ค่อยปล่อยอีกฝ่าย ให้เขาหาทางกลับไปเอง

เยี่ยนจ้าวเกอยังคงเดินอยู่ระหว่างภูเขาด้านในเขากว่างเฉิน ไตร่ตรองในใจอย่างต่อเนื่อง ‘เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ ด้วย…’

เขาส่ายหน้า มาถึงที่พักของซือคงจิง

ชายหนุ่มจงใจปล่อยกลิ่นอายของตัวเอง ซือคงจิงจึงสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว เปิดประตูออกมาทันที “ศิษย์พี่เยี่ยน?”

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาซือคงจิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพยักหน้าในใจ

ซือคงจิงที่แล้วมาฝึกฝนอยู่ในโลกผืนสมุทรมาโดยตลอด

เวลาในโลกผืนสมุทรไหลเร็วกว่าโลกซ้อนโลก ดังนั้นซือคงจิงจึงใช้เวลาฝึกฝนไปแล้วไม่น้อย

แต่ว่าระดับความเต็มเปี่ยมของปราณวิญญาณในโลกผืนสมุทร ไม่อาจเทียบกับโลกซ้อนโลกได้โดยสิ้นเชิง

ในสถานการณ์เช่นนี้ ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของซือคงจิงจึงช้ากว่าเฟิงอวิ๋นเซิง

ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ ของวิเศษที่อยู่ในวังฝูงมังกรและสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ นางล้วนนำมาใช้ได้ เงื่อนไขทางทรัพยากรจึงสมบูรณ์ยิ่งกว่าซือคงจิง

ด้วยเหตุนี้จึงจะเห็นได้ว่า ซือคงจิงมีพรสวรรค์และความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเฟิงอวิ๋นเซิง

ต่อจากเยี่ยนจ้าวเกอ มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีสองคน เมื่อมาอยู่ในโลกซ้อนโลกก็ถือมีความสำเร็จที่น่าทึ่งแล้ว

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นข้อยกเว้น ขณะเดียวกันยังครอบครองดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกและมงกุฎจันทรา ทำให้พลังที่ระเบิดออกมาในระยะเวลาสั้นๆ น่าตกตะลึงถึงขีดสุด สามารถสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงส่วนใหญ่ได้

หากคำนวณกันจริงจัง หากนางต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ อาจจะมีพลังเหนือกว่าหยวนเจิ้งเฟิง เป็นยอดฝีมืออันดับสามในปัจจุบันของเขากว่างเฉิงได้เลยทีเดียว

เมื่อเฟิงอวิ๋นเซิงกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ พลังของนางจะเพิ่มขึ้นอีกมาก

ทว่าถ้าเทียบแค่คุณสมบัติและพรสวรรค์ เกรงว่าซือคงจิงยังเหนือกว่านางขั้นหนึ่ง

และแหล่งที่มาแรกเริ่ม ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมาจากเสวี่ยชูฉิง

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญไปพลาง พูดไปพลาง “มีสถานการณ์ล่าสุดต้องบอกกับศิษย์น้องซือคง”

………………..