ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 858 สามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“สภาพการณ์ของข้าบนโลกซ้อนโลกอันตรายกว่าโลกแปดพิภพ กับโลกผืนสมุทรอีกหรือ”

หลังจากได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดจบ ซือคงจิงก็เอ่ยปากถามอย่างสงบนิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ที่นี่ไม่ได้เหมือนโลกแปดพิภพที่มีแค่ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสโม่คนเดียวที่ค้นพบเบื้องหลัง แต่มีคนจำนวนมากสังเกตได้ถึงความพิเศษของเจ้า เยว่เป่าฉี และหลี่เฉิง”

ชายหนุ่มเว้นครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “นอกจากนั้นความลับบนตัวเจ้า รวมถึงพวกเยว่เป่าฉีและหลี่เฉิง สาเหตุที่อยู่ในนั้น ตอนนี้ข้าเริ่มพบเงื่อนงำแล้ว”

“เพียงแค่ยังไม่อาจยืนยันได้ ดังนั้นเรื่องนี้ค่อยพูดต่อกันภายหลัง ศิษย์น้องซือคงเจ้ายังคงออกไปด้านนอกได้ แต่ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ”

หลังจากซือคงจิงได้ยิน สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเย็นชาดุจเดิม เพียงแค่พยักหน้า “ศิษย์พี่เยี่ยนวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “อืม เจ้าเป็นคนพูดแล้วทำ อีกทั้งยังรู้จักแบ่งหนักเบา ในเมื่อเจ้าว่าเช่นนี้ข้าก็วางใจ”

เขาคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้น “ได้ยินมาว่าเจ้ากับเยว่เป่าฉีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือเข้ากันดีใช่หรือไม่”

ซือคงจิงว่า “ถูกต้อง พวกเราเข้ากันดียิ่ง นางเหมือนกับศิษย์พี่หลี่ หลี่จิ้งหวานศิษย์ในเมืองทะเลมรกตบนโลกแปดพิภพ เพียงแต่…”

ขณะที่พูด ซือคงจิงขมวดคิ้วขึ้นอย่างหาได้ยาก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกอึดอัดใจ

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดเล็กน้อย เข้าใจความรู้สึกของนาง

คนที่มีนิสัยเข้ากันได้ดี กลับมีหน้าตาเหมือนกับตนเอง

แต่ว่าคนทั้งสองกลับไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ถ้าหากว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง จึงถูกชะตากันเป็นพิเศษ

แม้ว่าในโลกอันกว้างใหญ่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่หน้าตาเหมือนกันโดยสมบูรณ์ เหมือนกับใบไม้ที่มาจากต้นเดียวกัน แต่หากมีแล้วจะมีได้สักกี่คนกันเชียว

ถึงกับพบเจอกันในยามที่ยังมีชีวิตบนฟ้าดินที่ไพศาลเช่นนี้ได้ ช่างหาได้ยากจริงๆ

กระนั้นปัญหาอยู่ที่ว่าในตอนที่พบกันครั้งแรก ซือคงจิงที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์อยู่แล้ว สามารถเห็นลวดลายอาคมที่ซ่อนอยู่ในวิญญาณของอีกฝ่ายได้

นี่หมายความว่าพวกนางไม่ใช่ไร้ความเกี่ยวข้องกันโดยสมบูรณ์

เรื่องนี้ย่อมทำให้ซือคงจิงรู้สึกสงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดาไว้แต่แรกแล้ว จึงแอบเตรียมการให้แก่ซือคงจิง ทำให้เยว่เป่าฉีไม่อาจสัมผัสถึงลวดลายอาคมที่อยู่ในวิญญาณของซือคงจิงได้

หอกระบี่ทะเลเหนือกับเยว่เป่าฉีที่ตอนนี้ยังไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ย่อมเชื่อมโยงอะไรไม่ได้

ตรงกันข้าม พวกเขาที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขากว่างเฉิงอยู่แล้ว จึงปฏิบัติกับซือคงจิงดีเป็นพิเศษ

สำหรับเยว่เป่าฉีแล้ว นางปฏิบัติกับซือคงจิงเหมือนเป็นน้องสาว

ซือคงจิงเพียงแค่มีนิสัยเย็นชาไปบ้าง แต่ไม่ได้เป็นคนเลือดเย็น และเสแสร้งไม่เป็น

ตอนที่อยู่กับเยว่เป่าฉี นางรู้สึกพอใจยิ่ง แต่ก็มีแรงกดดันทางจิตใจมากเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “รออีกสักพักเถอะ หลังจากข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้ากับพวกเยว่เป่าฉีและหลี่เฉิงมีสถานการณ์เช่นใดกันแน่ ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว เจ้าสามารถพิจารณาได้ว่าจะเปิดอกคุยกับนางหรือไม่”

“แต่ข้าต้องขอพูดไว้ก่อนว่า การรู้เรื่องจริงใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีต่อนางและหอกระบี่ทะเลเหนือ”

ซือคงจิงพยักหน้าเงียบๆ

นางเป็นคนที่มีความหนักแน่น ไม่ทันไรก็ปรับจิตใจของตัวเองได้ ไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้ต่อ และไม่ยอมให้มันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง

จากนั้นนางก็หันมาถามว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน ได้ยินท่านอาจารย์เล่าว่า การออกไปในครั้งนี้ของท่านได้พบกับยอดฝีมืออายุน้อยของสำนักอื่นอยู่หลายคนใช่หรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “มิผิด เกาฉิงจากเขาแหนเขียวแห่งมรกตท่องฟ้าสายเหนือพิสุทธิ์ ยังมีฟู่ถิงจากยอดเขาอัศจรรย์แห่งเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลางบนโลกซ้อนโลกที่พวกเราอยู่ ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นทั้งสิ้น”

ซือคงจิงมีใบหน้าคาดหวัง “โลกซ้อนโลกเป็นสถานที่ที่แตกต่างกับโลกแปดพิภพโดยสิ้นเชิงอย่างที่คิดไว้”

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นฟู่ถิงหรือเกาฉิง บางทีจิตใจของพวกนางอาจจะไร้เดียงสาเหมือนกับดรุณีน้อยไปบ้าง

ทว่าขวบปีในการฝึกฝนของพวกนางมีมากกว่าซือคงจิงไม่น้อย

หากมองคนที่มีอายุเท่ากันจริงๆ ซือคงจิงที่เริ่มฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตกับบทสวดสายฟ้าทันใจ ในโลกซ้อนโลกถือว่าโดดเด่นมากแล้ว

ที่ฟู่ถิงกับเกาฉิงกดดันซือคงจิงได้ สืบเนื่องจากพวกนางมีจุดเริ่มต้นสูงกว่า เดินอยู่บนมรรคาหลักที่ราบรื่นยิ่งกว่าหลายปี

ส่วนเฟิงอวิ๋นซิง ซือคงจิง อิงหลงถู สวีเฟย และสือจวิน ล้วนเพิ่งเริ่มเดินบนเส้นทางที่ว่านี้เท่านั้น

สำหรับซือคงจิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอวางใจยิ่ง ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจามากความ แค่บอกสถานการณ์ให้ฟังก็พอ

ชายหนุ่มบอกลาซือคงจิง แล้วกลับที่พักของตัวเองทันที

ด้านในห้องสงบใจ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิ สองตาปิดลง ทำสมาธิ

สักพักเขาก็ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งของตัวเองออกมา แล้วผลักออกไปด้านหน้า

ปราณหยินหยางสีขาวดำสองสายเริ่มรวมตัวตัดสลับกันด้านหน้าฝ่ามือของเขา

ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ยื่นอีกมือหนึ่งออกมา สองมือโอบเป็นวงกลมด้านหน้าทรวงอก

สองแขนหมุนวน โอบกอดหยินหยาง ห่อหุ้มฟ้าดิน ปราณสีขาวสีดำผสมผสาน กลายเป็นปลาหยินหยางที่หัวและหางเชื่อมติดกัน ว่ายเวียนอยู่กลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในขณะที่หมุนวนอยู่ ปราณวิญญาณในอากาศก็ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ พังทลายและรวมตัวกันเข้าสู่จุดตัดของปลาหยินหยาง

ทว่ากระบวนการนี้ไม่ได้ส่งผลต่อรอบๆ แต่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจำกัดไว้ในอ้อมอก

รูปไท่จี๋รูปหนึ่งปรากฎขึ้นอย่างแช่มช้า ก่อนจะหมุนอย่างต่อเนื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง เพ่งสายตา

การเสด็จกลับทะเลหวงเจียของเสวียนเฉิงอ๋อง ทำให้สถานการณ์ของทะเลหวงเจียที่สับสนปั่นป่วนในตอนแรกเกิดคลื่นมรสุมขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้เป็นเพียงแค่คลื่นใต้น้ำ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเคลื่อนไหว

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดอย่างเสวียนเฉิงอ๋อง ทรงเฝ้านครหลวงที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องดูแลมาตลอดร้อยปี ครองความได้เปรียบด้านชัยภูมิ

ครั้งนี้หากพระองค์ทรงนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกลับมาอีกชิ้นหนึ่ง แม้แต่หลินฮั่นหัวก็ใช่ว่าจะจัดการพระองค์ได้

ขุมกำลังต่างๆ เช่นเขากว่างเฉิง หอกระบี่ทะเลเหนือ และเกาะมนุษย์สำริดหากคิดจะร่วมมือกันจู่โจมนครหลวงต้าเสวียน ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเด็ดขาด

กลับกัน สำหรับเสวียนเฉิงอ๋องแล้ว ด้านหนึ่งกริ่งเกรงท่าทีของประมุขอาคเนย์ ด้านหนึ่งยังต้องจัดการเรื่องค่ายกลสืบทอดฟ้า นั่นถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่ที่พวกพระองค์สามชั่วรุ่นวางแผนมาหลายปี

แต่ว่ารอจนพวกคังผิง เฮ่อตงเฉิง และกู้จางที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนออกจากดินแดนสุทธทัศน์ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องต้องเริ่มโต้ตอบอย่างแน่นอน

ถึงเวลานั้น คลื่นใต้น้ำจะกลายเป็นห่าฝนพายุคลั่ง

โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ ในเมื่อเสวียนเฉิงอ๋องเสด็จกลับมาแล้ว เช่นนั้นผู้วิเศษเซิงกับนักพรตสือที่ออกจากทะเลหวงเจีย และไม่ทราบเป็นตายร้ายดีอย่างไร อาจจะกลับมายังทะเลหวงเจียในเวลาใดเวลาหนึ่งด้วยหรือไม่

ถ้าเป็นเช่นนั้น ห่าฝนพายุคลั่งและคลื่นโหมกระหน่ำ จะต้องกลายเป็นคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้าอย่างแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าจะลงมือด้วยตัวเอง ชิงความได้เปรียบ หรือว่ารักษาการป้องกัน ต้านทานการโจมตีของอีกฝ่าย และพยายามเพิ่มระดับพลังของตัวเอง ล้วนเป็นเรื่องที่จำเป็นทั้งสิ้น

บิดาของตนและสหายร่วมสำนักต่างกำลังตั้งใจฝึกฝนอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

เส้นทางที่ตัวเองต้องเดิน เขามีแผนการแล้ว

การได้คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนมาอยู่ในมือ ทำให้การเตรียมตัวของเขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าได้แล้ว

และในตอนนี้ เขาคิดจะลองฟันฝ่าด่านสุดท้ายดู

………………..