บนท้องฟ้ากว้างนั้นหลายเงาร่างต่างกำลังพุ่งขึ้นและตกลงพื้นเหมือนแมลงที่หลงแสงไฟ พวกเขาทั้งหลายกำลังพุ่งเข้าไปโจมตีเงาร่างหนึ่งที่อยู่เบื้องบน
หลงจื่อนั้นแสดงสีหน้ารำคาญออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยข้อห้ามของเต๋าสวรรค์นี้มันขัดขวางการกระทำของนักยุทธไว้อย่างมาก พวกลู่เอ๋อทั้งหลายในเวลานี้ต่างมุ่งหน้าเข้ามาคิดแลกชีวิตกับตัวเขา แต่หากคนทั้งหลายนี้ตายลงจริงมันก็จะเป็นเขาด้วยที่ต้องตายลง
ในเวลานี้ต่อให้คนอื่นรับคำสั่งเขาไปฆ่าสังหารพวกลู่เอ๋อลงมันก็จะเท่ากับว่าตัวเขาเองนี้ที่จะผิดสาบานและคงถูกการลงทัณฑ์ของเต๋าสวรรค์เช่นกัน
การถูกเต๋าสวรรค์ห้ามไว้เช่นนี้มันย่อมจะทำให้ตัวเขาไม่กล้าจะลงมือสังหารเช่นกัน ทำให้เวลานี้เขานั้นรำคาญใจพวกลู่เอ๋อทั้งหลายมาก
เวลานี้ทั้งกู้หง หนิงเทียนปิง หยางเฟยเอ๋อต่างอาบไปด้วยเลือดท่วมกายดูท่าคงบาดเจ็บกันอย่างสาหัส
เพราะแค่การสะบัดมือของหลงจื่อมันก็รุนแรงพอจะส่งร่างของพวกเขาทั้งหลายลอยหายไปได้
แต่สิ่งนั้นเองคือเรื่องที่พวกเขาทั้งหลายต้องการ!
มันคือการใช้เต๋าสวรรค์ฆ่าสังหารอีกฝ่ายลง!
เพราะเช่นนั้นแล้วต่อให้จะบาดเจ็บหนักหนาเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งอยากจะรีบพุ่งเข้าไปโจมตีมากเท่านั้น
“หึ! มดปลวก! พวกเจ้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้ทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้?”
หลงจื่อยกมือหนึ่งขึ้นมาจับกดพลังโลกกดดันขังคนทั้งหลายไว้ในพริบตา
ตอนนี้แม้แต่กู้หง เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็ยังไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้
พลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันสูงล้ำจนเกินไป!
หนิงเทียนปิงได้แต่ร้องขึ้นด้วยใบหน้าราวคนคลั่ง “หลงจื่อ! หากเจ้ามีปัญญาก็ฆ่าข้าเสีย ไม่เช่นนั้นพ่อเจ้านี้จะกลับมาฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้นๆ ให้ได้สักวัน!”
หลงจื่อกล่าวตอบกลับมาอย่างไม่คิดสนใจ “ปากดีโอหังนัก! ยิ่งเจ้าบ่มเพาะไปเจ้าจะยิ่งได้รู้ถึงความแตกต่างของอาณาจักรเทพถ่องแท้และอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์! คนอย่างเจ้านี้ต่อให้มีเวลาทั้งชาติก็ไม่อาจก้าวขึ้นถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แน่!”
“หลงจื่อ เจ้ามารร้าย! ข้าจะกลับมาสะสางบัญชีแค้นนี้กับเจ้าในสักวัน!” ลู่เอ๋อร้องบอก
สภาพของลู่เอ๋อในเวลานี้มันเปี่ยมไปด้วยความคลั่งแค้น
นางนั้นได้แต่สาบานในใจว่าวันหนึ่งนางจะต้องกลับมาแก้แค้นถามความยุติธรรมให้นายน้อยของนางให้ได้
หลงจื่อที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นด้วยความลังเลไม่น้อย
คนอื่นๆ นั้นมันไม่เท่าไหร่ แต่ตัวลู่เอ๋อนี้มันพิเศษกว่าใคร
ด้วยสายตาของเขา เขาย่อมจะรู้ดีว่าลู่เอ๋อนั้นเปี่ยมล้นพรสวรรค์ปานใด
แม้ว่าอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันจะสูงล้ำฟ้าดิน แต่ลู่เอ๋อนางนี้ก็มีโอกาสจะบรรลุขึ้นได้
หากปล่อยเรื่องราวไปแล้ว นางเด็กคนนี้อาจจะกลายเป็นยอดศัตรูของเขาในวันหน้าได้
“ให้ตายสิ! เจ้าเด็กนรกนั่นมันขุดหลุมฝังข้าโดยแท้! ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิผู้นี้ฉลาดมาทั้งชีวิตแต่จะกลับมาเสียท่าให้คนตาย!”
เป็นตอนนี้เองที่หลงจื่อได้เข้าใจว่าตอนที่เย่หยวนบังคับให้เขาสาบานนั้นมันก็เพราะว่าเย่หยวนได้คิดขุดหลุมฝังตัวเขาไว้
เขานั้นไม่อาจฆ่าสังหารลู่เอ๋อได้ แต่ลู่เอ๋อจะฆ่าสังหารเขาได้!
แน่นอนว่าเวลานี้ลู่เอ๋อย่อมจะเป็นแค่มดปลวกในสายตาของหลงจื่อ
แต่หมื่นปีจากนี้ แสนปีจากนี้ ล้านปีจากนี้เล่า?
ด้วยพรสวรรค์ระดับลู่เอ๋อนี้มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางจะบรรลุขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์มาได้
หากวันนั้นมาถึงจริงเขาคงได้แต่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน
หลงจื่อได้แต่ร่ำร้องในใจคิดอยากขุดร่างเย่หยวนมาฆ่าทิ้งอีกสักรอบ
“หึ! เจ้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยหรือ? เวลานี้จักรพรรดิผู้นี้สามารถผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าลงได้และจะขังเข้าไว้ในปราการมังกรพิรุณนี้ไปตลอดกาล! ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าทำเช่นนั้นแล้วเจ้าจะยังเอาปัญญาที่ไหนมาแก้แค้น!” หลงจื่อร้องบอก
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างหน้าถอดสีไป ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงไม่ได้คิดถึงเรื่องราวนี้เพราะความแค้นที่บังตา
เมื่อได้เห็นสีหน้าของพวกลู่เอ๋อทั้งหลายหลงจื่อก็ยิ้มเย้ยขึ้น “หึๆ เจ้ายังวางท่าอวดเก่งกันอยู่เลยมิใช่หรือ? เอาสิ เงยหน้ามองฟ้าครามนี้ไว้เสีย เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่พวกเจ้าจะได้เห็นมัน!”
พูดจบหลงจื่อก็ชี้ดัชนีออกมาเตรียมการจะปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของลู่เอ๋อลง
แต่ในเวลานั้นเองมันกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!
ห้วงมิติเกิดรอยบิดก่อนที่ร่างของลู่เอ๋อจะหายไปทันตา
หลงจื่อต้องเบิกตากว้างถามขึ้นอย่างไม่พอใจ “ใครกัน? ออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”
ห้วงมิติเกิดรอยแยกขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราว แล้วมันจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?
“เจ้ายังจะคิดรักษาหน้าหรือไม่ เจ้างูเฒ่า?” เย่หยวนหรี่ตามองดูหลงจื่อด้วยจิตสังหารแรงกล้า
“นายท่าน!”
“อาจารย์!”
เมื่อหนิงเทียนปิงและพวกเห็นเย่หยวนพวกเขาต่างก็ร่ำร้องออกมาราวกับได้เห็นผี
ส่วนอีกด้านทางหลงจื่อนั้นได้แต่เบิกตาถลนแทบหลุดจากเบ้า
เขานั้นมีสีหน้าเหมือนได้เห็นผีก่อนจะร้องถาม “เย่หยวน! เจ้า…เจ้าออกมาจากถ้ำเนตรมังกร? นี่…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
เย่หยวนขมวดคิ้วตอบกลับไป “มันมีอะไรเป็นไปไม่ได้เล่า? ข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้านี้แล้วมิใช่หรือ?”
ลู่เอ๋อในอ้อมกอดของเย่หยวนนั้นมีสภาพแสนอ่อนแรง แต่เวลานี้ตัวนางรู้สึกสุขและโล่งอกอย่างไม่อาจอธิบายบอก
เดิมทีเมื่อได้ยินเรื่องถ้ำเนตรมังกรจากปากหลงจื่อนั้น ลู่เอ๋อแทบจะหมดสิ้นความหวังใดๆ ลง
นางจึงได้คิดแก้แค้นลงให้แก่เย่หยวนแทน
แต่ในพริบตาเย่หยวนกลับเดินเข้ามาอุ้มร่างของนางไว้ด้วยร่างกายอบอุ่น มันจะมีสิ่งใดที่ทำให้นางโล่งใจได้มากกว่านี้?
“นายน้อย ดีจริงๆ ที่ท่านยังไม่ตาย!” ลู่เอ๋อพยายามยกแขนอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากอดเย่หยวนไว้
เย่หยวนอมยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “เด็กโง่ เจ้าจะกังวลใดไปมากมาย? นายน้อยเจ้าก็บอกไปแล้วมิใช่หรือว่าจะกลับมาภายในสิบปี?”
ลู่เอ๋อพยักหน้ารับด้วยท่าทางหมดทุกข์
แต่เป็นหลงจื่อที่ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตกตะลึงแทน
“เจ้า…เจ้าบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์? นี่มัน…นี่มันเป็นไปไม่ได้! เวลาแค่สิบปีเจ้ากลับบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ภายในถ้ำเนตรมังกร?”
แน่นอนว่าคลื่นพลังที่ออกมาจากร่างของเย่หยวนในเวลานี้มันเหนือล้ำกว่าเทพถ่องแท้ไปมาก จนก้าวเข้าสู่ระดับของเทพสวรรค์ไป
แต่ความจริงแล้วในเวลานี้คลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนนั้นมันรุนแรงเสียยิ่งกว่าเหล่าเทพสวรรค์หนึ่งดาวทั้งหลายเสียด้วยซ้ำไป
เวลาแค่สิบปีนี้ พัฒนาจากเทพถ่องแท้เจ็ดดาวบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์หนึ่งดาว หลงจื่อได้แต่สงสัยว่าตัวเขากำลังฝันร้ายอยู่หรือไม่
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเย่หยวนนั้นกลับให้ความรู้สึกลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าร่างกายเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา
หากให้พูดตามสามัญสำนึกแล้วเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์มองดูเทพสวรรค์มันย่อมจะปรุโปร่งเข้าใจอีกฝ่ายได้ง่ายดาย เหตุใดมันจึงเกิดความรู้สึกลึกลับเช่นนี้ขึ้นมาในสายตาเขาได้?
และแน่นอนว่าเสียงดังโวยวายนี้มันได้เรียกให้คนทั้งหลายมามุงดูกันไม่น้อย
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังจากร่างของเย่หยวน เหล่ายอดฝีมือเผ่ามังกรทั้งหลายต่างก็แตกตื่นไปตามๆ กัน
“ไหนเขาว่าถ้ำเนตรมังกรนั้นมันไม่อาจบ่มเพาะได้ไงเล่า? ไหนว่ามันเป็นดินแดนไร้ความหวัง? เหตุ…เหตุใดเขากลับบ่มเพาะได้?”
“มันจะบ้าเกินไปแล้ว! อย่าว่าแต่ในถ้ำเนตรมังกร! ต่อให้จะอยู่บนมหาพิภพถงเทียนตามปกติเทพถ่องแท้ เทพเจ็ดดาวมันก็คงไม่มีทางจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่สิบปี!”
“เจ้าหมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดจากที่ใดมาจุติกัน? มิใช่แค่บรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังกลับออกมาจากถ้ำเนตรมังกรได้เสียด้วย!”
…
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเย่หยวนนี้มันเหนือสามัญสำนึกใดๆ ไปไกลลิบทิ้งให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
ในเวลานี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายของปราการมังกรพิรุณเองก็ได้ขึ้นมาถึงเบื้องบนเช่นกันและเมื่อได้เห็นเย่หยวนใน ‘อาณาจักรเทพสวรรค์’ นี้พวกเขาทั้งหลายต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
ถ้ำเนตรมังกรมันเป็นแดนไร้ความหวังมิใช่หรือ?
มันเป็นแดนที่ไม่มีทางกลับมิใช่หรือ?
คนที่เข้าไปย่อมไม่อาจบ่มเพาะได้มิใช่หรือ?
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลายนี้มันคืออะไร?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “จะว่าไปแล้วข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้าอย่างมากที่ได้บังคับให้ข้าลงไปในถ้ำเนตรมังกรนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่อาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ง่ายดายปานนี้!”
หลงจื่อได้แต่อ้าปากค้าง แม้สมองจะคิดอยากโต้ตอบแต่ก็ไม่อาจหาคำพูดใด
ในวินาทีนี้เขาอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าของตัวเองฉาดใหญ่
แม้ว่าเขานั้นจะไม่รู้ว่าเย่หยวนได้ไปเจอโชคใดในถ้ำเนตรมังกรมา แต่กำลังของเย่หยวนตรงหน้าเขานี้มันก็ย่อมจะเป็นเทพสวรรค์อย่างแท้จริงแล้ว
และโชคที่เหลือล้ำในสถานการณ์เช่นนี้มันย่อมจะเป็นดั่งของขวัญจากพระเจ้าโดยแท้
เขานั้นคิดส่งเย่หยวนลงไปเจอหายนะ แต่สุดท้ายสิบปีผ่านไปเย่หยวนกลับพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกำลังของเทพสวรรค์แทน!
มันช่างเป็นเด็กที่มีโชคเหลือล้ำ!
……………