ในบรรดาคนหลายพันคนนี้มีเพียงสองร้อยคนเท่านั้นที่ยอมติดตามกลับไป บางคนยังแอบลังเล ไม่อยากตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม และมีคนบางคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายอมตายแต่ไม่ยอมติดตามกลับ

“ไม่กลัวความตาย ปณิธานและจิตวิญญาณอันแน่วแน่นี้ไม่เลว ข้าขอทำให้ความปรารถนาของเจ้าสมหวัง!”

หลัวซิวโบกมือ จักรพรรดิอัคคีนภาแดงเคลื่อนตัวปั่นป่วนไปทั่วท้องฟ้า ทุกคนที่ไม่ยอมติดตามกลับถูกจักรพรรดิอัคคีกวาดล้างเหลือเพียงคนที่เลือกติดตามกลับเอาไว้เท่านั้น เมื่อร่างและจิตถูกทำลายก็เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า

แหวนเก็บของและสมบัติอาวุธที่ปรักหักพังร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน ทั่วทั้งสนามรบเต็มไปด้วยเพลิงอัคคีลุกโชน ทหารและม้าของทุกกองกำลังเหลือคนเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่รอดชีวิต

ในบรรดามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสี่คนนี้ มีหนึ่งคนที่เลือกติดตามกลับ โดยเขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์อันตรายมีนามว่าลู่คงปิน

ในบรรดาผู้ติดตามสองร้อยกว่าคน มีเจ้ายุทธจักรสิบกว่าคน และคนที่เหลือก็เป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีอะไรโดดเด่น

“เปิดวิญญาณหยั่งรู้ของพวกเจ้าและให้ข้าฝังตัวควบคุมเข้าไปด้วย ในเมื่อพวกเจ้าเลือกติดตามข้ากลับสำนักไท่เสวียน ข้าขอแนะนำพวกเจ้าว่าอย่าเอาใจออกห่าง มิเช่นนั้นแล้วคำสั่งห้ามจะทำงานและทำลายร่างและจิตของพวกเจ้าจนดับสลายจนไม่ต้องการแม้แต่แผ่นดินฝัง” หลัวซิวกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

“ขอรับ!”

ทั้งสองร้อยกว่าคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรมากนัก พวกเขาไม่ป้องกันตัวและเปิดหว่างคิ้วออกเพื่อเปิดตัวหยั่งรู้

ตัวสำนึกของหลัวซิวแบ่งออกเป็นสองร้อยกว่าสาย และฝังตัวควบคุมลงไปในตัวหยั่งรู้ หากคนพวกนี้มีใจเป็นอื่น ตัวควบคุมก็จะทำงานและทำลายตัวหยั่งรู้ของพวกเขาจนสูญสิ้น

เว้นเสียแต่ว่าจะได้นักค่ายเทพมาช่วย อาจจะขจัดตัวควบคุมวิญญาณที่เขาฝังเอาไว้ได้

หลังจากฝังตัวควบคุมแล้ว คนพวกนี้ต่างรับรู้ได้สีหน้าของพวกเขาไร้ปฏิกิริยาใด ในใจของพวกเขาได้แต่ยิ้มด้วยความเศร้าโศก

อันที่จริงแล้วพวกเขาก็มีความคิดที่จะรักษาชีวิตให้รอดเอาไว้ก่อนและหลังจากนัั้นค่อยหาโอกาสทำลายการควบคุมของไท่เสวียน แต่หลังจากที่พวกเขาถูกฝังตัวควบคุมแล้วก็รับรู้ได้ทันทีว่าวิญญาณหยั่งรู้ของตนถูกควบคุมทันที หากมีใจคิดเป็นอื่น ตัวควบคุมก็จะทำงานทำให้ร่างและจิตถูกทำลาย

นี่ก็หมายความว่า ชาตินี้พวกเขาต้องเป็นคนของสำนักไท่เสวียนตลอดไป ไม่สามารถมีใจเป็นอื่นได้และจะสูญเสียอิสระของตนเองไปตลอดชีวิต

ส่วนการจัดการกับผู้ที่ยอมติดตามเขากลับไปนั้น หลัวซิวยกให้เป็นหน้าที่ของเกาเหลียนหง

“ขอรับ”

ใบหน้าแก่ชราของเกาเหลียนหงปรากฏรอยยิ้ม เขาได้กินยาเข้าไปแล้วเพื่อระงับความเจ็บปวดของบาดแผลเอาไว้

“หากได้เจ้าสำนักกลับมาปกครอง ไท่เสวียนจะเข้มแข็งขึ้นอีก” ในใจของเกาเหลียนหงปลื่มปิติ ความยิ่งใหญ่ของสำนักไท่เสวียนจะกลับมารุ่งเรืองและยิ่งใหญ่เหมือนอย่างแต่ก่อนอีกครั้ง

แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็กังวล เพราะสิ่งที่เจ้าสำนักหลัวซิวแสดงออกมาแม้ว่าจะยิ่งใหญ่ แต่ในยุคนี้มีเทพมารอยู่ สถานการณ์วันข้างหน้าจึงเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา

ภายใต้สถานการณ์อันวิกฤต เพียงหลัวซิวกลับมาก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถหายอดฝีมือโลกยุทธ์เพิ่มขึ้นให้สำนักไท่เสวียนได้อีกสองร้อยกว่าคน ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นมากมาย

ลูกศิษย์จำนวนมากของสำนักไท่เสวียนเริ่มดำเนินการชำระสนามรบ กองกำลังนับหมื่นถูกสังหาร เหลือไว้เพียงกองสมบัติมหาศาล

ค่ายกลอนัตตารอบแดนตำหนักจื่อถูกผู้แข็งแกร่งของแต่ละกองกำลังทำลาย หลัวซิวจึงทำการวางค่ายใหม่ โดยเป็นค่ายเทพระดับหนึ่ง 3 ค่าย

แม้ว่าจำนวนค่ายกลจะไม่มาก แต่การที่ได้ค่ายเทพระดับหนึ่งคอยปกป้องเช่นนี้ แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งเทพมารมาบุก ก็ยังสามารถป้องกันเอาไว้ได้

จากนั้นหลัวซิวจึงทิ้งสมบัติวิเศษระดับมหาจักรพรรดิเอาไว้สองสามชิ้น รวมทั้งลูกแก้วเสวียนดำและยอดเขาทองดำ

เนื่องจากหากพิจารณาตามพลังของเขาตอนนี้ สมบัติวิเศษระดับมหาจักรพรรดินั้นถือว่าไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว แม้แต่ไฟเทวสว่าง เขายังเอามันเก็บไว้ที่สำนักไท่เสวียน

สำหรับหลัวซิวแล้ว หอกยุทธ์มังกรดำและวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ รวมทั้งปีกทิพย์ไร้มลทินก็เพียงพอแล้ว