3,000 ปีต่อมา หลังจากที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่เงียบคนเดียวไม่สุงสิงกับใครเลย ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ทะลวงระดับมาถึงขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุด
หลังจากทะลวงระดับเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงออกมาพบปะกับผู้คนของเขา
“ท่านอาจารย์มีอะไรจะรับสั่งพวกเราเพิ่มเติมรึเปล่า?” ต้วนฉิงเอ่ยถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าดูแลจัดการสิ่งต่าง ๆ ตามใจเจ้าได้เลย ข้าวางแผนว่าหลังจากนี้ข้าจะลงไปที่ยมโลกและจัดการกับธุระในโลกเบื้องล่างสักหน่อย นี่มันก็ผ่านมาแล้ว 10,000 ปีตั้งแต่ข้ากลับขึ้นมาโลกเบื้องบน ถึงแม้ 10,000 ปีสำหรับโลกเบื้องบนมันจะไม่มีค่าอะไร แต่สำหรับโลกเบื้องล่างมันคือการผ่านพ้นของยุคสมัยหนึ่งเต็ม ๆ หากข้ายังไม่กลับขึ้นมาก่อนจะถึงยุคใหม่ของโลกเบื้องล่างอีกรอบ เจ้าจงพาคนของเราไปที่ดินแดนรกร้างทางใต้เพื่อรอกลุ่มคนที่ข้าจะส่งขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลาข้าจะไปรับพวกเขามาแน่นอน” ต้วนฉิงพยักหน้า
ในเวลานี้จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงไม่ได้อยู่ด้วย เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างกำลังปิดด่านบ่มเพาะกันอยู่ ซึ่งมันทำให้ในตอนนี้ต้วนฉิงมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการสั่งการตำหนักไร้หทัยแค่เพียงผู้เดียว
แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดเช่นนี้ เขาก็พอจะเข้าใจความหมายได้ว่าในอนาคตหลิงตู้ฉิงตั้งใจจะมอบตำหนักไร้หทัยให้เขาดูแลอย่างเต็มตัว
“อืม จงดูแลจัดการทุกอย่างให้ดี ๆ ล่ะ!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น จากนั้นเขาเปิดรอยแยกมิติที่เชื่อมต่อกับยมโลก และจากนั้นเขาเดินเข้าไปในรอยมิติทันที
หลังจากที่เขาเข้าไปอยู่ในยมโลกอย่างเต็มตัว จู่ ๆ ร่างของหลิงตู้ฉิงก็เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ผิวหนัง เลือดและเนื้อจู่ ๆ พวกมันก็หายไปจนหมดเหลือเพียงแต่ร่างกระดูกและระดับการบ่มเพาะที่ในตอนแรกอยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดก็ถูกลดลงมาเหลือแค่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะโลกภายนอกกับยมโลกนั้นทุกสิ่งทุกอย่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง โลกภายนอกคือโลกแห่งคนเป็นแต่ยมโลกคือโลกของคนตาย ดังนั้นเพื่อเป็นไปตามกฎของยมโลก หากคนเป็นผู้ใดฝืนเข้ามาในยมโลกเขาจะถูกทำให้เหมือนเป็นคนตายทันที
หลังจากร่างทั้งหมดกลายเป็นกระดูกแล้ว หลิงตู้ฉิงเรียกหลิงฟ่างหัวออกมาจากโลกของเขา และเอ่ยถามนางว่า “ฟ่างหัว เจ้าสัมผัสได้ไหมว่าตอนนี้เจ้ายมโลกอยู่ที่ไหนจากบ่วงกรรมที่เขามีต่อเจ้า?”
ก่อนหน้านี้เจ้ายมโลกสังหารหลิงฟ่างหัวเพียงเพราะแค่นางเหลือบมองที่เขาจนกลายเป็นบ่วงกรรมเชื่อมกันไว้อยู่มาจนถึงบัดนี้ ซึ่งในวันนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงลงมายังยมโลก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้โอกาสนี้ให้หลิงฟ่างหัวได้สะสางบ่วงกรรมนี้ให้จบสิ้น
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกอะไรไม่ได้เลย! เอ๊? ท่านพ่อทำไมตอนนี้ข้าเหลือแต่กระดูกแบบนี้ล่ะ!?” หลิงฟ่างหัวอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ที่นี่คือยมโลก เมื่อคนเป็นอย่างเจ้าลงมาที่นี่ร่างของเจ้าจะถูกทำให้กลายเป็นแบบนี้เป็นเรื่องปกติ” หลิงตู้ฉิงอธิบาย “เอาล่ะในเมื่อเจ้ายังสัมผัสถึงเจ้ายมโลกไม่ได้ มันก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะจบพันธะกับเจ้ายมโลก ตอนนี้เจ้ากลับเข้าไปในโลกของพ่อได้แล้ว และตั้งใจบ่มเพาะให้ดีเพื่อรอเวลาที่เจ้าจะได้แก้แค้น”
“แต่ว่าท่านพ่อ ต่อให้ข้าจะเจอกับเขา ข้าก็คงสู้เขาไม่ได้หรอก!” หลิงฟ่างหัวเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่ “ตอนนี้ข้าอยู่แค่ขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ข้าจะบ่มเพาะไปอีกสักหมื่นปีอย่าว่าแต่ขอบเขตจักรพรรดิเทพเลย ข้าจะทะลวงไปถึงขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์รึเปล่าก็ไม่รู้ และนี่ยังไม่รวมไปถึงเมื่อเข้ามาที่ยมโลกก็จะโดนกฎของที่นี่ผนึกระดับการบ่มเพาะเอาไว้อีก แล้วแบบนี้ข้าจะไปสู้กับเขาได้ยังไง?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวรอเอาไว้เมื่อถึงเวลาพ่อจะหาทางให้เจ้าแก้แค้นได้สำเร็จเอง”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงส่งหลิงฟ่างหัวเข้าไปในโลกของเขาเหมือนเดิม และจากนั้นเขาก็บินลึกเข้าไปในยมโลก
สาเหตุหลักที่เขามาที่ยมโลกก็คือเขาต้องการมาดูกระบวนการส่งคนไปเกิดใหม่ของที่นี่ เขาอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วแก่นแท้ของมันเป็นยังไง
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันกับที่หลิงต็ฉิงปรากฏกายขึ้น อีกาตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในยมโลกมานานแล้วกลับสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ข้าก็สัมผัสได้อีกแล้วถึงหายนะบ้านั่น! ข้าอุตส่าห์ลงมาหลบในยมโลกแบบนี้มันเป็นไปได้ยังไงที่ข้าหนีไม่พ้น?”
แน่นอนว่าอีกาตัวนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันคืออู๋เมิ่ง ผู้ซึ่งปล่อยข่าวของเย่ชิงเฉิงให้กับตี๋ฮ่าว
ตั้งแต่ที่มันปล่อยข่าวให้กับตี๋ฮ่าว ไม่มีวันสักวันที่มันจะอยู่ได้อย่างเป็นสุข เนื่องจากมันสัมผัสได้อยู่ทุกวินาทีว่าหายนะถึงชีวิตนั้นแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ว่ามันจะไปหลบอยู่ที่มุมไหนของโลกเบื้องบนมันก็ยังสัมผัสได้ว่าหายนะที่มันรู้สึกได้ไม่ลดน้อยลงไปเลย ดังนั้นในท้ายที่สุดมันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมาหลบอยู่ในยมโลก
ในทันทีที่มันลงมาอยู่ในยมโลก มันก็ไม่รู้สึกถึงหายนะที่คอยรังควานใจมันอีก ซึ่งทำให้มันโล่งใจเป็นอย่างมาก แต่แล้วในขณะนี้จู่ ๆ มันกลับสัมผัสได้ถึงหายนะแบบเดิมที่มันเคยรู้สึก ดังนั้นมันจึงตื่นตระหนกและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
“ขนาดข้าลงมาหลบอยู่ในยมโลกก็ยังไม่ปล่อยข้าไปแบบนี้ เป็นใครกันแน่ที่ข้าไปล่วงเกินเอา?” อู๋เมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น จากนั้นมันเริ่มบินหนีอีกครั้งในทันที
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะหนีไปหลบอยู่มุมไหนของยมโลก มันก็ยังคงสัมผัสได้ถึงหายนะของตัวมันเองได้อย่างชัดเจนไม่ลดลงไปเลย
“หรือว่าข้าจำเป็นต้องไปเกิดใหม่เพื่อให้พ้นจากหายนะนี้?” อู๋เมิ่งพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
หากมันไปเกิดใหม่ มันจะหมายความว่ามันต้องเริ่มบ่มเพาะใหม่ตั้งแต่ศูนย์ แม้แต่อาวุธเต๋าของมันที่ใกล้จะเสร็จสิ้นก็จะหายไปด้วย อย่างไรก็ตามมันรู้ตัวดีว่ามันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้แล้วหากอยากจะหนีหายนะให้พ้น
ถ้ามันเลือกที่จะไปเกิดใหม่ด้วยตัวเอง ดวงวิญญาณของมันจะยังคงสมบูรณ์ดังเดิมและเมื่อเกิดใหม่ความทรงจำจากชีวิตนี้ของมันจะฟื้นกลับขึ้นมาในเวลาไม่นาน แต่ถ้าหากมันถูกฆ่าตายมันจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย
หลังจากตัดสินใจได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว มันบินตรงไปที่ประตูสังสารวัฏทันทีเพื่อเตรียมจะไปเกิดใหม่ แต่แล้วในทันทีที่มันไปถึงกลับมีโครงกระดูกร่างหนึ่งขวางทางมันเอาไว้
แน่นอนว่าเมื่อมันพบกับโครงกระดูกนี้มันสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์หายนะอันรุนแรงจากโครงกระดูกร่างนี้ทันที ซึ่งทำให้มันรู้ได้เลยว่าตอนนี้มันได้พบกับคนที่หมายหัวมันเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าคิดจะหนีข้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลิงตู้ฉิงไม่นึกเช่นกันว่าเขาจะได้พบกับอีกาที่เคยปล่อยข้อมูลของเขาออกไปที่นี่
อู๋เมิงสั่นไปทั้งร่างเพราะความหวาดกลัว มันอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
นี่ขนาดมันตัดสินใจแล้วว่าจะไปเกิดใหม่ สุดท้ายมันก็ไม่รอดจากหายนะนี้งั้นเหรอ?
“ทักษะของเจ้านับว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เจ้านี่มันช่างโชคดีจริง ๆ เลยรู้ตัวรึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มให้กับอู๋เมิ่ง
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมองตัวเองได้อย่างทะลุปรุโปร่งไปถึงความสามารถของมันเองแบบนี้ อู๋เมิ่งก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากกว่าเดิมไปกันใหญ่
ตามปกติแล้วมีแต่จักรพรรดิเทพเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ว่ามันมีทักษะอะไร แต่โครงกระดูกผู้นี้อยู่ในระดับแค่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญเท่านั้นกลับสามารถมองเห็นทักษะของมันได้ โครงกระดูกผู้นี้เป็นใครกันแน่?
“ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินท่านจริง ๆ โปรดท่านเมตตาข้าด้วยเถอะ!” อู๋เมิ่งรีบอ้อนวอนทันที
“เจ้าอยากจะเกิดใหม่งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ
“ข้าตั้งใจว่าทำเช่นนั้นผู้อาวุโส!” อู๋เมิงตอบกลับอย่างสัตย์จริง “ก่อนหน้านี้หลังจากที่ข้าเปิดเผยข้อมูลของท่าน ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากำลังจะมีหายนะเกิดขึ้นกับข้า ข้าจึงหนีไปทั่วทุกหนทุกแห่งจนท้ายที่สุดข้าก็หนีมาลงเอยที่ยมโลก ซึ่งวันนี้เมื่อข้ากลับมาสัมผัสได้ถึงหายนะอีกครั้ง ข้าจึงตัดสินใจว่าจะจบปัญหาโดยการไปเกิดใหม่”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ตัดสินใจได้เด็ดขาดดี! แต่ว่าในเมื่อตอนนี้เจ้าได้มาเจอกับข้าก่อน มันก็แปลว่าแผนการของเจ้ามันไม่สำเร็จ ดังนั้นเจ้าจะอยู่หรือจะตายนับจากนี้มันขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าล้วน ๆ”
“ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่ายังไงกัน?” อู๋เมิ่งรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนี้
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงกลับเอาแต่ยิ้มไม่ตอบอะไรกลับ
การที่เขามาที่นี่เพราะว่าเขาอยากจะมาทำความเข้าใจของกระบวนการเกิดใหม่ของสรรพชีวิตทั้งหลายที่ถูกส่งมาที่นี่
อันที่จริงกระบวนการเกิดใหม่นี้คือความลับของสวรรค์ที่ไม่มีคนนอกผู้ใดรับรู้นอกจากผู้ที่คอยดูแลประตูสังสารวัฏหรือเจ้ายมโลกเท่านั้น
แต่แล้วเมื่อเขาได้เจอกับอู๋เมิ่งเช่นนี้ แผนใหม่จึงผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาตั้งใจว่าเมื่อไหร่ที่เขาเข้าใจกระบวนการเกิดใหม่ทั้งหมดแล้ว เขาจะลองใช้อู๋เมิ่งเป็นหนูทดลองการเกิดใหม่ในโลกของเขาเอง และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงพูดกับอู๋เมิ่งไปแบบนั้น
“ตามข้ามา!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยสั่งกับอู๋เมิ่งให้ตามเขาไปที่ประตูสังสารวัฏ