บทที่ 696

เซียวฉางเฉียนยืดอกพูดว่า “แม่ครับ ต่อให้สักวันหนึ่งศาลสั่งจำคุกแม่ ผมและไห่หลงกับเวยเวย มีเงินก้อนนี้ ก็ยังพอประทังชีวิตได้ แต่ถ้าแม่ยังไม่เอาของโบราณพวกนั้นออกมาอีกล่ะก็ ถ้าแม่ติดคุกไป พวกเรา3คนก็หิวตายสิครับ!”

“หิวตายงั้นรึ?” นายหญิงใหญ่เซียวพูดเสียงเย็นว่า “พวกแก3คนมีมือมีเท้า ต่อให้ต้องไปกวาดถนน ก็ไม่ถึงขั้นอดตายหรอก!ฉันจะบอกแกให้นะเซียวฉางเฉียน ของโบราณที่พ่อแกเหลือไว้ให้นั้น เป็นเงินสำหรับช่วยชีวิตฉัน แกอย่าคิดจะมาแตะต้องเงินนี้!”

เซียวฉางเฉียนก็กลั้นความโกรธไม่อยู่ รีบลุกขึ้นพูดว่า “ขอที่พ่อผมเหลือไว้ให้ ก็เพื่อเอาไว้ให้ลูกหลาน แม่มีศิษย์อะไรที่จะเก็บไว้คนเดียว?”

นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดเสียงเย็นว่า “ทำไม? แกจะกบฏกับฉันรึไง? หนอย ด่าฉันมาเลยสิ ต่อปากต่อคำมาเลย ฉันตายไป พวกแกก็อย่าหวังจะได้รู้ว่าของโบราณพวกนั้น มันอยู่ที่ไหน พอถึงตอนนั้น พวกแกก็จะไม่ได้อะไรเลย!”

พูดไป นายหญิงใหญ่ก็ส่งเสียงไม่พอใจ พูดเสียงเย็นว่า “ถึงอย่างไรฉันก็เป็นยัยแก่คนหนึ่งเท่านั้น อยู่มานานพอแล้ว ต่อให้ต้องตายไปในตอนนี้ ก็ไม่อาลัยโลก ก่อนฉันตาย จะต้องทิ้งพินัยกรรมไว้เสียหน่อย ให้บริจาคเงินประกันของฉันไปให้หมด ไม่ต้องให้พวกแกสักแดงเดียว!พอถึงตอนนั้น คนที่ลำบากก็คือพวกแก3คน พวกแก3คนไม่มีความสามารถอะไรสักอย่าง ถ้าตระกูลเซียวล้มละลายไป ฉันก็ตายไป พวกแก3คนไม่คู่ควรจะได้เป็นยาจกขอทานตามถนนเสียด้วยซ้ำ ตกไปอยู่ในชั้นล่างสุดของสังคม พอถึงตอนนั้นความลำบากในชีวิตพวกแก มันยังไม่หมดเพียงเท่านั้นหรอก!”

เซียวฉางเฉียนได้ยินดังนั้น ก็ยอมอ่อนข้อขึ้นมาทันที

เขาไม่มีทางอื่นแล้ว

ไม่มีวิธีใดแล้วจริงๆ

ไม่มีเงิน แถมยังไม่มีความสามารถไปหาเงินอีก ก็เหมือนกับปัญหาเดียวกับลูกๆ ทั้งสองคน ถ้านายหญิงใหญ่ตายไปแล้ว เงินประกันก็บริจาค ตนเองก็จะไม่มีความหวังอะไรเลย

ดังนั้น เขาก็เลยเก็บความโกรธ แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “แม่ครับ ผมก็ใจร้อนไปหน่อย อย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับ”

นายหญิงใหญ่เซียวส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เหอะ ค่อยยังชั่วหน่อย!”

ในตอนนี้ รถของธนาคารและศาลหลายคัน ก็มาจอดที่หน้าประตูหน้าบ้านของตระกูลเซียว

นักกฎหมายสวมชุดสูทหลายคน รวมทั้งผู้จัดการธนาคารหลายคนรีบเดินมาที่ประตู แล้วก็เคาะประตูรั้ว

ทุกคนในบ้านก็ตกใจไปตามกัน เซียวไห่หลงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู พอเปิดประตู ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า!

ในตอนนี้ คนมากมายพุ่งเข้ามา แล้วสั่งยามปิดกั้นสถานที่ไว้

จากนั้น ตัวแทนทางกฎหมายของศาลก็เดินเข้ามายังในบ้าน แล้วพูดกับนายหญิงใหญ่เซียวที่กำลังกินข้าวอยู่ ความว่า “คุณเป็นคนรับผิดชอบของบริษัทเซียวซื่อใช่ไหมครับ?”

ยังไม่ทันให้นายหญิงใหญ่เซียวตอบคำถาม ฝั่งตรงข้ามก็พูดอย่างฉาดฉานว่า “ตอนนี้ผมเป็นตัวแทนของศาลท้องถิ่น มาบอกกล่าวคุณอย่างเป็นทางการว่า เจ้าหนี้ของคุณจำนวนหนึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลถึงคุณ ว่าจะอายัติบริษัทเซียวซื่อ และทรัพย์สินดังต่อไปนี้ ดำเนินการอายัติบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของบริษัทเซียวซื่อ และชื่อของคุณ เพื่อเรียกร้องให้คุณดำเนินการชำระหนี้โดยเร็ว!”

นายหญิงใหญ่เซียวพูดว่า “ฉันเพิ่งไปชำระหนี้ให้ธนาคาร จำนวนล้านกว่านะ!ผู้จัดการธนาคารยังบอกกับฉันเลยว่า จะยืดเวลาให้ ทำไมถึงได้กลับคำเช่นนี้?!”

ฝั่งตรงข้ามพูดเสียงเย็นว่า “ทางธนาคารได้พิจารณาแล้วว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่ให้กำไรต่อธนาคารได้ ยืดเวลาไปก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด ดังนั้นจึงดำนเนินยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมกับเจ้าหนี้คนอื่น ให้อายัติทรัพย์สินของคุณไว้ ตอนนี้คุณมีเวลา1ชั่วโมง ที่จะเก็บของของตนเอง แล้วย้ายออกไป ที่นี่จะถูกอายัติไว้!”

“อะไรนะ?!”

นายหญิงใหญ่เซียวก็ลุกขึ้นตัวสั่นๆ แล้วพูดว่า “ยึดทรัพย์สินของฉันทั้งหมดเลยหรือ?!มีสิทธิ์อะไร?!”

ฝั่งตรงข้ามก็พูดเสียงเย็นว่า “ก็มีสิทธิ์ที่คุณไม่ชำระหนี้!นอกจากนี้ อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณ พวกคุณเอาไปได้แค่เสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น เงินสด และของมีค่าอื่นๆ ต้องเอาไว้ที่นี่!”