ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 860 ล้อข้าเล่นหรือ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอโคจรเคล็ดวิชาคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตในร่าง ทั้งหมดโกลาหลไร้ขอบเขต กลายเป็นอนัตตา

บนพื้นฐานนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าตนคล้ายเข้าใจถึงความน่าอัศจรรย์ของแปลงกำเนิด ซึ่งเป็นอันดับแรกในห้ากำเนิดแรกเริ่มแล้ว

เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหรือเคล็ดวิชาแปลงกำเนิด ต่างก็พิศวงเกินไป ไม่อาจอธิบายได้ ไม่อาจวัดประมาณได้

เหมือนกับแค่คิดขึ้นในห้วงสมอง ก็อาจจะต้องออกจากลู่ทางที่ถูกนอก นอกจากข้อผิดพลาด ก็ยากจะทำความเข้าใจกับจิตที่อยู่ด้านในได้อีก

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน เขาใคร่ครวญเคล็ดวิชาแปลงกำเนิด ก็เพื่อปูทางให้แก่การศึกษาขั้วกำเนิด (ไท่จี๋) ในห้ากำเนิดแรกเริ่มต่อจากนี้

เหมือนกับเทน้ำลงจากที่สูง ให้ความสนใจกับประเด็นหลัก ทำแค่ครึ่งเดียวก็ได้ผลลัพธ์เป็นเท่าตัว

รูปไท่จี๋ยิ่งหมุนยิ่งช้า จนกระทั่งภายหลังก็ค่อยๆ หยุดลง

ในตอนที่ปลาหยินหยางซึ่งโอบกอดอยู่ไม่หมุนต่ออีก มิติรอบๆ ตัวที่ตอนแรกนิ่งเงียบ ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาในทันใด

เหมือนกับฟ้าดินขนาดเล็กใบหนึ่งในห้องสงบใจ กำลังจะถูกลอกออกมาจาโลกซ้อนโลก

วินาทีถัดมา รูปไท่จี๋ก็เริ่มหมุนอีกครั้ง สิ่งของรอบๆ ไม่ว่าจะมีรูปร่างหรือไร้รูปร่าง สามารถเห็นได้หรือไม่ ต่างเริ่มปรากฏเค้าลางว่าจะพังทลาย

สรรพสิ่งกลับคืนสู่จุดกำเนิด กลายเป็นปราณหยินหยางแรกเริ่มบริสุทธิ์ พุ่งเข้าไปในรูปไท่จี๋

พลังของรูปไท่จี๋เปี่ยมล้นมากขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างเฉื่อยชา สีหน้าไร้อารามณ์

เขาค่อยๆ สัมผัสถึงเคล็ดลับอย่างหนึ่งได้แล้ว เข้าใจแล้วว่าควรจะเปลี่ยนหลักการอันน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภาหยินหยาง ให้กลายเป็นฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดได้อย่างไร

มีเส้นทางอีกยาวไกลยังต้องก้าวเดิน

เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอมีจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนการอนุมานและการศึกษา ส่วนที่ยากที่สุดความจริงคือการเริ่มต้น

การทำความเข้าใจมักยากที่จุดเริ่มต้น การก้าวข้ามธรณีประตูจึงพอจะบอกได้ว่าสามารถเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปได้

ในอีกความหมายหนึ่ง นี่สมกับคำพูดที่ว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เมื่อก้าวข้ามด่านนี้ไปได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกยินดีเหลือประมาณ แต่ว่าความรู้สึกสับสนก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่า หากกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ตนมีพรสวรรค์และความเข้าใจด้านวรยุทธ์เหนือธรรมดา

ที่เดินมาจนถึงวันนี้ได้ นอกจากสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว เงื่อนไขของตัวเองก็โดดเด่นถึงขีดสุดเช่นกัน

มาตรแม้นมักจะชื่นชมตัวเอง ชอบหลงตัวเอง ชอบแสดงความเก่งกาจต่อหน้าคนอื่น แต่หากพูดกันอย่างยุติธรรม เยี่ยนจ้าวเกอเป็นคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อย่างแท้จริง

เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะฝึกฝนวรยุทธ์อะไร ต่างไม่ได้มีความเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ

วรยุทธ์แต่ละอย่าง เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนแล้วในระดับเดียวกัน ความก้าวหน้าจะมีทั้งเร็วทั้งช้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะความสนใจส่วนตัว ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ความพยายามมากกว่าเดิมหรือไม่

ในใต้หล้ามีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่เมื่อได้ฝึกฝนวรยุทธ์บางอย่างแล้ว จะสอดประสานกันเป็นพิเศษ ทำให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าข้อนี้ใช้กับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้

ในระดับหนึ่งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรักวรยุทธ์ทุกชนิดอย่าง ‘เท่าเทียม’ และปฏิบัติต่อพวกมันอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

ไม่ว่าจะเรียนคัมภีร์นภาต้นกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ หรือฝึกฝนสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนสายเหนือพิสุทธิ์ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก

แต่ว่าเมื่อศึกษาวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกปลอดโปร่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังคล่องมือเป็นพิเศษ

‘ล้อข้าเล่นหรือ ข้าเริ่มฝึกจากคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คัมภีร์นนภาที่ฝึกมาถึงตอนนี้มีทั้งสิ้นสามม้วน สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็ฝึกไปแล้วหนึ่งกระบี่ หลายปีมานี้เอาแต่ฝึกเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนนี้กำลังจะบอกข้าว่า ความจริงข้าเหมาะกับวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ที่สุดหรือ’

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ‘ด้านในหอหนังสือวังเทพเมื่อตอนนั้น มีคัมภีร์นภาต้นกำเนิดสี่ม้วน มีคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนอยู่เล่มหนึ่ง แต่ไม่มีวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์อยู่สักอันไม่ใช่หรือ’

ถ้าหากบอกว่าบังเอิญ นี่ก็บังเอิญเกินไปแล้ว

เขาไม่ใช่คนที่เชื่อถือในความบังเอิญ โดยเฉพาะความบังเอิญเช่นนี้ที่ดูค่อนข้างน่าประหลาดอยู่บ้าง

ทว่าในตอนนี้ เขาไม่มีหลักฐานให้กล่าวถึง ได้แต่วางเรื่องนี้ไว้ด้านข้าง กลบความสงสัยไว้ในก้นบึ้งของจิตใจก่อน

เรื่องในตอนนี้จำเป็นต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอใช้ความพยายามแก้ไขมากกว่า

ชายหนุ่มหยุดวิชา สลายรูปไท่จี๋และปราณหยินหยาง ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกห้องสงบใจ

‘คิดจะอนุมานฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด ไม่ใช่เรื่องที่จะเสร็จได้ในวันเดียว จำเป็นต้องใช้เวลาศึกษานานสักหน่อย’

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญในใจ ‘เวลาไม่รอคน ถ้าหากว่าเราคำนวณไม่ผิด เวลาที่พวกคังผิงจะออกมาจากก้นทะเลดินแดนสุทธทัศน์ อย่างมากสุดเหลืออีกราวๆ สามถึงห้าปี’

เขาทางหนึ่งครุ่นคิด ทางหนึ่งไปหาเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดา

บิดาของตนยามนี้ไม่ได้ยุ่งกับการฝึกฝน แต่ว่ากำลังจัดการเรื่องราวในสำนัก เตรียมการไว้ส่วนหนึ่ง

เขากว่างเฉิงในปัจจุบันเท่ากับสำนักที่เปิดทางในโลกซ้อนโลกบนดินแดนจิตคุณธรรม

นอกจากเยี่ยนตี๋กับหยวนเจิ้งเฟิงที่ลอยขึ้นมาแล้ว ก็มีคนในสำนักแค่ไม่กี่คน พวกฟางจุ่น ฟู่เอินซู อิงหลงถู ซือคงจิงต่างมาถึงโลกซ้อนโลกผ่านหยกข้ามสวรรค์ที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้

แม้ว่าจำนวนคนจะน้อยไปบ้าง แต่ว่าเค้าโครงใหญ่ขั้นแรกของสำนักได้ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้แล้ว

เพียงแต่เรื่องที่เขากว่างเฉิงเปิดรับลูกศิษย์ถูกละทิ้งชั่วคราว

การเสด็จกลับทะเลหวงเจียของเสวียนเฉิงอ๋อง ทำให้คนที่อยู่ที่นี่รู้สึกหวั่นวิตกมากขึ้น

เขากว่างเฉิงจะหยัดยืนอยู่บนโลกซ้อนโลกอย่างมั่นคงได้หรือไม่ ต่อจากนี้ยังต้องปะทะกับอีกฝ่าย

หากชนะได้ มิพักเอ่ยว่าเขากว่างเฉิงจะยืนหยัดได้อย่างสมบูรณ์ ยังสามารถเพิ่มบารมีของตนเองในทะเลหวงเจีย หรือแม้แต่ในเขตหยางเทียนตะวันออกทั้งเขตได้อีกขั้น

หรืออาจจะกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทะเลหวงเจีย ยึดครองตำแหน่งผู้นำแทนที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

การเปิดสำนักในตอนนั้นอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

ก่อนจะถึงเวลานั้น สิ่งที่เขากว่างเฉิงจำเป็นต้องทำก็คือการสั่งสมและการเพิ่มพลังของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเผชิญกับความท้ายทายและการผงาดขึ้นที่กำลังจะมาถึง

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเจอเยี่ยนตี๋แล้ว ก็กล่าวเสียงทุ้มว่า “ท่านพ่อ ต่อจากนี้ข้าเตรียมจะไปยังโลกผืนสมุทรเป็นเวลาหลายปี”

เยี่ยนตี๋ได้ยินเพียงแค่นั้นก็เข้าใจเจตนา “เจ้าต้องการแค่เวลาเท่านั้นหรือ”

สภาพแวดล้อมการฝึกฝนในโลกผืนสมุทร สำหรับจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ ย่อมดีกว่าโลกปีศาจอัคคีกับโลกลอยน้ำ แตกต่างกับโลกแปดพิภพไม่มาก

กระนั้นเมื่อเทียบกับโลกซ้อนโลกแล้ว ยังด้อยกว่ามาก ระดับความเต็มเปี่ยมของปราณวิญญาณไม่อาจสู้ได้

เยี่ยนจ้าวเกอต้องการไปโลกผืนสมุทร มีสาเหตุเพียงอย่างเดียว คือเวลาของที่นั่นไหลเร็วกกว่าโลกซ้อนโลก

ที่โลกซ้อนโลกผ่านไปหนึ่งปี ทางโลกผืนสมุทรจะเท่ากับสองปีขึ้นไป

ชายหนุ่มมีการสั่งสมทรัพยากรเพียงพอ ตอนนี้ถ้าเขาต้องการพัฒนาขึ้นอีกขั้นความจริงไม่ยากเย็นนัก

ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน เยี่ยนจ้าวเกอจะเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงได้อย่างรวดเร็ว

เส้นทางที่เขาเดินอยู่ในตอนนี้ ปัจจัยที่จำกัดเขาอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่สภาพแวดล้อมหรือทรัพยากร แต่เป็นความเข้าใจในหลักการวรยุทธ์

การศึกษาอนุมานฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดจำเป็นต้องใช้เวลา

สืบเนื่องจากเงื่อนไขนี้ โลกผืนสมุทรความจริงเหมาะให้เขาฝึกฝนมากกว่าโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า กล่าวตรงๆ “ข้าเคยต่อสู้กับฟู่ถิง บุตรีของจักรพรรดิแพร จึงคิดอาศัยคัมภีร์นภาหยินหยางของพวกเรา ศึกษาอนุมานฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดของนาง”

เยี่ยนตี๋ทราบถึงเส้นทางวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องเดินอยู่แล้ว ทั้งยังไม่ได้คัดค้าน

ยามนี้พอได้ยินคำพูดของบุตรชาย เขาก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “แค่เจ้าคนเดียวหรือ”