ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 861 เยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌาน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“การศึกษาอนุมานฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด ได้แต่ต้องพึ่งตัวเจ้าเอง พวกเราที่เหลือไม่อาจช่วยได้” เยี่ยนตี๋กล่าว “ถึงอย่างไรก็มีแต่เจ้าที่เดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน และมีแค่เจ้าที่เคยสัมผัสกับฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดจากผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ที่แท้จริง”

“ความยากแค่คิดดูก็รู้แล้ว การลงไปยังโลกผืนสมุทรในครั้งนี้ของเจ้าส่วนใหญ่ต้องเข้าฌานศึกษาอย่างเงียบๆ”

ดวงตาของเยี่ยนตี๋ปรากฏความเป็นห่วงที่เห็นได้น้อยครั้ง “เจ้าลงไปเพียงคนเดียว ไม่มีคนคอยคุ้มครอง ข้าไม่วางใจ”

คนที่เข้าฌาน ปกติแล้วจำเป็นต้องให้คนคอยคุ้มครอง เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูฉวยโอกาส

ถ้าหากว่าอยู่ในการคุ้มครองของสำนักในที่อยู่ของตัวเองยังพอว่า

เยี่ยนจ้าวเกอไปโลกผืนสมุทร คนในเขากว่างเฉิงที่อยู่ที่นั่น ความจริงต่างพักเป็นแขกที่เขาหงส์วิเศษ ไม่ใช่ฐานที่มั่นของตัวเอง

และปัญหาที่ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงต้องให้ความสำคัญก็คือ ที่โลกผืนสุมทรมีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เชื่อมต่อมายังทะเลหวงเจีย

บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์นี้อยู่ที่ดินแดนหลวนเซียง ค่อนข้างไกลจากดินแดนจิตคุณธรรม

ดินแดนหลวนเซียงในปัจจุบันแม้ว่าจะอยู่ในการควบคุมของสำนักความมืด แต่เพราะยอดฝีมือย่างพวกเสวียนเฉิงอ๋อง จึงไม่ใช่สถานที่อยากไปก็ไปได้

ก่อนหน้านี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องส่งคนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นในโลกซ้อนโลกเป็นครั้งแรกแห่งนี้ เพื่อตรวจสอบเบื้องหลังของชายหนุ่ม

ก็คือพวกคังฮูหยินสามแม่ลูก

สุดท้ายได้เจอกับเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงพวกหลัวจื้อเทาแห่งสำนักแสงสว่างที่กลับมาจากมิตินอกแดนพอดี

ทั้งสามฝ่ายสู้กันอย่างสับสน คังฮูหยินเสียชีวิต

นี่ทำให้เกิดสงครามที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำลายที่อยู่ของสำนักแสงสว่างขึ้นในภายหลัง

เพียงแต่หลังสงคราม พวกคังผิงถูกขังอยู่ในดินแดนสุทธทัศน์ เสวียนเฉิงอ๋องสวรรคต ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้รับความเสียหายใหญ่หลวง

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่มีเวลา และไม่มีกำลังมากพอจะขุดคุ้ยบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์บนดินแดนหลวนเซียงกับโลกผืนสมุทร

ดินแดนหลวนเซียงจึงได้รับความสงบมาจวบจนถึงปัจจุัน

ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างออกไป เสวียนเฉิงอ๋องได้เสด็จกลับมา ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องค่อยๆ มั่นคงขึ้นอีกครั้ง

แม้จะเป็นเพราะค่ายกลสืบทอดฟ้า ตอนนี้พวกเขาจึงต้องสงวนท่าที ไม่ได้ลงมือวู่วาม และไม่ได้ลงมือกับใคร

กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดทราบว่า สถานการณ์ในปัจจุบันนี้จะคงอยู่นานเท่าไร

โลกผืนสมุทรไม่ใช่สถานที่ที่สงบโดยสมบูรณ์

ความจริงในหลายปีมานี้ เขากว่างเฉิงก็จับตามองการเคลื่อนไหวบนดินแดนหลวนเซียงอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

ถึงอย่างไรที่โลกผืนสมุทรก็มีคนของเขากว่างเฉิงอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอก้มศีรษะกล่าวว่า “ท่านพูดถูกต้อง ข้าคิดจะลงไปคนเดียวจริงๆ”

“ข้อแรก อยู่ที่นี่ข้าไม่อาจปลีกตัวไปไหนได้ ข้อสอง หลายๆ ครั้งความลับก็เป็นการคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพที่สุด”

ชายหนุ่มอธิบาย “การลงไปโลกผืนสมุทรในครั้งนี้ของข้า จะไม่แจ้งพวกผู้อาวุโสจางที่อยู่บนโลกผืนสมุทร และจะไม่บอกกับคนที่อยู่ที่เขาหงส์วิเศษ”

“ความลับเป็นการคุ้มครองที่ดีที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ของข้า ครั้งนี้แม้ข้าจะแอบลงไปฝึกฝน อีกทั้งอาจจะต้องเข้าฌาน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับมา หากมีเวลาข้าจะกลับมายังโลกซ้อนโลก ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน”

เยี่ยนตี๋เข้าใจความหมายของบุตรชาย

ต่อให้จะมีศัตรูมาบุก แล้วเยี่ยนจ้าวเกอไม่ปรากฏตัวขึ้น จนอีกฝ่ายทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ขอแค่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังเข้าฌานอยู่บนโลกซ้อนโลก ไม่ได้ไปยังโลกผืนสมุทรก็พอ

คิ้วที่ขมวดของเยี่ยนตี๋ยังคงไม่คลายลง

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางปลอมประโลมเขาว่า “วางใจเถอะท่านพ่อ ข้ามีความั่นใจ”

เยี่ยนตี๋ได้ยินก็นิ่งงันไปพักหนึ่ง พลางมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเงียบๆ

ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังฝึกปรือ หรือว่าการใช้ชีวิต เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงบุตรชายคนนี้แล้ว

ตัวเยี่ยนตี๋เองไม่ใช่คนที่พิรี้พิไร ทว่าถึงอย่างไรเขาก็บิดาคนหนึ่ง

ในฐานะบิดา ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ในยามที่ทราบว่าจะมีอันตราย จะไม่เป็นห่วงบุตรของตนได้อย่างไร?

ทว่าหลังจากเยี่ยนตี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอแจ้งสถานการณ์กับเฟิงอวิ๋นเซิง หยวนเจิ้งเฟิง ฟางจุ่นซึ่งเป็นคนไม่กี่คนแล้ว ก็บอกลาออกมา

นอกจากคนเหล่านี้แล้ว แม้จะเป็นส่วนในของเขากว่างเฉิง ก็ไม่มีใครทราบถึงทิศทางที่แท้จริงต่อจากนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ

บางทีอาจจะออกเดินทาง บางทีอาจจะเข้าฌานอยู่บนยอดเขามหาคุณหลังเขากว่างเฉิง เหตุผลมากมายล้วนเป็นการอำพราง

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังโลกแปดพิภพผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ใต้ยอดเขาอรรณพ จากนั้นก็ค่อยเดินทางไปยังโลกผืนสมุทรผ่านโลกแปดพิภพอีกต่อหนึ่ง

เมื่อมาถึงโลกผืนสมุทร สถานที่ที่มาถึงยังคงเป็นทะเลรางเลือน

จุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือที่นี่นั่นเอง

เดิมทีเขาไม่คิดจะออกจากทะเลรางเลือน และไม่ได้คิดจะติดต่อกับใครอยู่แล้ว

สถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่ที่ดีในการเร้นกาย โลกผืนสมุทรมีจอมยุทธ์มากมาย แต่ยากจะหาคนคนหนึ่งในนี้

ไม่มีใครทราบว่า ราชามังกรอวิ๋นจงเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนยังเป็นแค่มหาปรมาจารย์ ก็ใช้พลังของตัวเองก่อเรื่องจนฟ้าคว่ำแผ่นดินหงาย ได้มายังโลกผืนสมุทรอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บกลิ่นอายญาณจริงแท้ของตนเอง โคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เปลี่ยนสรรพสิ่งเป็นอนัตตา

‘เป็นอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่อยู่ในขั้นเทวะสำแดง แต่ว่าการกลับมายังโลกเบื้องล่างในตอนนี้ก็แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว’

ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอต้องสะกดและเก็บพลังของตัวเอง เหมือนกับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์้ขั้นสามขึ้นไปเหล่านั้น จึงจะสามารถอยู่ในโลกเบื้องล่างอย่างโลกผืนสมุทรได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกพลังแห่งเขตแดนของฟ้าดินกีดกัน

ยังดีที่เขาสามารถสะกดและเก็บพลังของตัวเองได้อย่างอิสระ ต่างกับเยี่ยนตี๋ที่มีแต่ไปข้างหน้าไม่มีถอย

ในระดับหนึ่งแล้ว การสะกดตัวเองให้กลายเป็นคนธรรมดาที่เหมือนไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนของเขาที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เป็นเรื่องง่ายยิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองมหาสมุทรเบื้องหน้า สูดหายใจลึก ‘เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ’

เขานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ร่างกลายพุ่งไปยังมหาสมุทรด้านล่าง คนจมลงสู่ก้นทะเลโดยไม่ก่อให้เกิดละอองน้ำ หายไปไม่เห็นร่องรอย

เพื่อแสวงหาประสิทธิภาพ เพื่อรวบรวมสมาธิ เยี่ยนจ้าวเกอได้เลือกใช้วิธีเข้าฌานปิดตายตามที่เยี่ยนตี๋คาดไว้

การเข้าฌานในครั้งแรกของเขากินเวลาสามปี

สามปีของโลกผืนสมุทรผ่านไป เยี่ยนจ้าวเกอออกฌาน ลอบกลับโลกซ้อนโลก ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

โลกซ้อนโลกในตอนนี้เพียงผ่านไปแค่หนึ่งปีกว่าๆ

เยี่ยนจ้าวเกอถึงแม้จะเดินทาง แต่ก็ไม่ได้ทำตัวโดดเด่นเท่าก่อนหน้า และไม่ได้ทำให้คนอื่นๆ สงสัย

กลับเป็นระหว่างที่เขาเข้าฌาน มีคนพิเศษมาเยี่ยมเยียนถึงสำนัก ทั้งที่อยู่ในความคาดหมาย และที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย

ผู้สืบทอดของจักรพรรดิแพรแห่งยอดเขาอัศจรรย์บนเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลาง

อีกฝ่ายไม่ได้ทำตัวไร้มารยาท เพียงพูดคุยพอเป็นพิธี

ทว่าเยี่ยนตี๋กับหยวนเจิ้งเฟิงมองออกว่า ผู้มาเยือนต้องการสืบหาว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ พวกเยี่ยนตี๋เองก็รับมือชนิดไม่ให้หยดน้ำรั่วซึม อีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้ จากไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนความสงสัยจะหายไปหรือไม่ มีคนแต่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นถึงจะทราบ

หลังจากปรากฏตัวขึ้นช่วงสั้นๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่งหน้าสู่โลกผืนสมุทรอีกครั้ง เริ่มฝึกฝนเข้าฌานเป็นครั้งที่สอง

บนโลกซ้อนโลกทุกอย่างดูเหมือนจะสงบ พายุฝนยังคงตั้งเค้าในที่ลับ เวลาไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ

เมื่อใช้เวลาของโลกซ้อนโลกมาคำนวณ หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานได้หนึ่งปี เรื่องราวก็เหมือนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยก่อให้เกิดการพลิกฟ้าพลิกดินในโลกผืนสมุทร คนคนหนึ่งที่เคยเรียกลมเรียกฝนในทะเลหวงเจียก็กลับมายังที่นี่อีกครั้ง