ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 862 ชัยภูมิที่มีการป้องกันเป็นอันดับหนึ่ง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เวลาผ่านไป ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงบนดินแดนจิตคุณธรรมในทะเลหวงเจียก็ยังคงทำงานกันอย่างเป็นระเบียบ

การสร้างพื้นฐานที่นี่ในตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว

แต่ว่าทั่วทั้งสำนักไม่ได้ผ่อนคลาย

วันที่พวกคังผิงจะหลุดออกมาจากก้นทะเลที่ดินแดนสุทธทัศน์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว

ตามการคำนวณในตอนแรกของเยี่ยนจ้าวเกอ เมื่อเริ่มคำนวณจากวันนี้ อย่างเร็วสุดหนึ่งถึงสองปี อย่างช้าสุดสามปี จะเป็นเวลาที่พวกคังผิงหลุดพ้นพันธนาการ

เวลานั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเวลาแห่งการต่อสู้ตัดสิน

ก่อนจะถึงวันนั้น เสวียนเหวินอ๋องทรงคอยคุ้มครองนครหลวงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง รักษาการป้องกัน ไม่ออกไปที่ใด

เป็นเหตุให้ขุมกำลังต่างๆ เช่นเขากว่างเฉิง หอกระบี่ทะเลเหนือ เกาะมนุษย์สำริด และสำนักความมืดรู้สึกตึงมืออยู่ชั่วขณะ

เนื่องจากการดูแลอย่างขยันขันแข็งมามากว่าร้อยปีของเสวียนอ๋องสามชั่วรุ่น นครหลวงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจึงมีระดับความแข็งแกร่ง เทียบได้กับข่ายกระบี่ของหอกระบี่ทะเลเหนือบนดินแดนเพิงหินโม่

เสวียนเฉิงอ๋องที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางครอบครองความได้เปรียบด้านชัยภูมิ มีพลังน่าทึ่งยิ่ง

นอกจากนั้น แม้ว่าจะสูญเสียหอกราชาลี้ลับที่ได้ทิ้งไว้ในทะเลหวงเจีย ทว่าก็มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าการเสด็จกลับทะเลหวงเจียในครั้งนี้ของเสวียนเฉิงอ๋อง ได้นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกลับมาด้วยหรือไม่

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงหายากถึงขีดสุด ไม่ใช่ว่าจอมยุทธ์สักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนทุกคนจะมี นี่เป็นเรื่องจริง

แต่ว่าเบื้องหลังของพวกเสวียนเฉิงอ๋อง ผู้วิเศษเซิง และนักพรตสือไม่รวบรัดธรรมดา ไม่อาจเอาเหตุผลมาวัดได้

ขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนล้วนระวังตัว

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หากรอจนถึงตอนที่พวกคังผิง กู้จาง และเฮ่อตงเฉิงหลุดออกมาจากก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ พลังของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะกล้าแกร่งขึ้น

การถ่วงเวลาต่อไปไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ถ้าหากว่าสามารถจัดการเสวียนเฉิงอ๋องได้ก่อนที่พวกคังผิงจะหลุดออกมา จะต้องส่งผลต่อการกำหนดสถานการณ์ใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

คิดจะจัดการเสวียนเฉิงอ๋อง จำเป็นต้องมีพลังเพียงพอ

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานแอบฝึกฝน ก็เพราะมีเป้าหมายนี้

นอกจากเขาแล้ว คนอื่นๆ ทั่วทั้งเขากว่างเฉิง รวมถึงยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนบนทะเลหวงเจีย ต่างก็เตรียมตัวแข่งกับเวลา

วันหนึ่ง ณ ห้องสงบใจห้องหนึ่งในเขากว่างเฉิง

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดุจหยกประดับกวนเพิ่งนั่งปรับลมหายใจเสร็จ ลืมตาขึ้น แล้วลุกขึ้นยืน กลับเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตัวเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังโลกผืนสมุทร ส่วนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยังคงอยู่ที่นี่

ในยามที่ร่างจริงเข้าฌานปิดตาย การเชื่อมต่อระหว่างร่างแยกและร่างจริงจึงอ่อนแอลง ทำให้ปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีความติดขัดเล็กน้อย

ทว่าการนั่งสมาธิฝึกฝนในยามปกติ และการติดต่อกับคนอื่นยังคงไร้อุปสรรค

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกออกจากห้องสงบใจ เห็นอิงหลงถูเดินมา เหมือนมีคำถามเพื่อขอคำชี้แนะ

หลังจากตอบข้อสงสัยของอิงหลงถู ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ถามว่า “บิดาข้ายังไม่ออกฌานหรือ”

ก่อนหน้านี้ราวๆ ครึ่งปี เยี่ยนตี๋ได้เข้าฌานฝึกฝนที่ยอดเขามหาคุณอีกครั้ง

อิงหลงถูตอบ “ท่านอาจารย์อาเจ้าสำนักทิ้งคำพูดไว้ว่า เขาต้องการเวลาทั้งหมดหนึ่งปี”

“ยังเหลืออีกครึ่งปี…” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพยักหน้า กลับมีความคาดหวังในใจ

เยี่ยนตี๋อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย การเข้าฌานในครั้งนี้ถ้าหากประสบความสำเร็จ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะรุดหน้าขึ้นอีกขั้น

ตอนนี้จำเป็นต้องให้พวกหยวนเจิ้งเฟิงเพิ่มความระวังกว่าเดิม ป้องกันไม่ให้เยี่ยนตี๋ถูกรบกวน เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว

หลักการนี้ก็นำมาใช้กับตัวเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ ข้างหูพลันมีเสียงของหยวนเจิ้งเฟิงผู้เป็นอาจารย์ปู่ดังมา “จ้าวเกอ มาที่วิหารหลักบนยอดเขานภากาศ”

น้ำเสียงของหยวนเจิ้งเฟิงมีความเคร่งขรึมอยู่หลายส่วน

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจิตใจสั่นไหว บอกกล่าวกับอิงหลงถูสองสามประโยค แล้วมุ่งหน้าไปที่ยอดเขานภากาศในทันที

เมื่อเข้ามาในวิหารหลัก ก็พบหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่น

นอกจากฟู่เอินซูที่คอยจับตาดูสถานการณ์ใกล้ๆ ดินแดนหลวนเซียงแล้ว พวกสวีเฟยซึ่งเป็นยอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงบนโลกซ้อนโลกต่างอยู่หมดสิ้น

พอเห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้ามา หยวนเจิ้งเฟิงก็ไม่พูดมากความ “จ้าวเกอ มีข่าวร้าย”

ณ ดินแดนหลงเซี่ยง ทางตะวันออกของทะเลหวงเจีย

ที่นี่เป็นที่อยู่ของเกาะมนุษย์สำริด ขุมกำลังระดับสุดยอดในทะเลหวงเจีย

เทียบกับหอสักการะหลักสำนักความมืด รวมถึงข่ายกระบี่ที่ดินแดนเพิงหินโม่ทางทะเลเหนือซึ่งเกือบประสบภัยพิบัติจากค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ และถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจำนวนนับไม่ถ้วนกลุ้มรุม ผาตะวันจันทราที่อยู่ของสำนักแสงสว่างที่ถูกทำลายทิ้งไปแล้ว เกาะมนุษย์สำริดบนเกาะหลงเซี่ยงปลอดภัยไร้เรื่องราวมาเป็นเวลาหลายปี

เป็นเพราะว่าที่นี่มีมนุษย์สำริดขนาดยักษ์สามตัว ซึ่งเป็นของวิเศษของเกาะมนุษย์สำริดที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น

เมื่อยึดครองชัยภูมิของเกาะมนุษย์สำริด ขอแค่ไม่ออกจากเกาะ มนุษย์สำริดสามตัวนี้จะแสงพลังที่แข็งแกร่งในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสามคนออกมาได้

ชัยภูมิอันดับหนึ่งของทะเลหวงเจีย มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือ

นี่ทำให้เกาะมนุษย์สำริดกลายเป็นสถานที่ที่ป้องกันได้ง่ายและยากจะโจมตีมากที่สุดในทะเลหวงเจีย แม้แต่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็ไม่อยากจะเคี้ยวกระดูกแข็งท่อนนี้

ที่แล้วมาที่แห่งนี้ถูกมองว่าเป็นป้อมปราการและทางถอยสุดท้ายของพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน

เพียงแต่ว่าเกาะมนุษย์สำริดป้องกันได้ง่าย แต่รุกคืบไม่สะดวก

ผู้ปกครองเกาะกงซุนอู่ไม่ใช่คนที่ปล่อยทุกอย่างไปเลยตามเลย ต่างก็แสวงความก้าวหน้าให้กับพลังของพวกตัวเองอยู่เสมอ

อันดับแรก เขาปรารถนาจะทำลายคอขวดที่ติดมานาน ก้าวขึ้นสะพานเซียน ปีนป่ายสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด

ในอดีต ท่ามกลางยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกของทะเลหวงเจีย มีเขากงซุนอู่ เจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทา เจ้าสำนักความมืดโจวฮ่าวเซิง และเสวียนมู่อ๋องแห่งราชวงศ์ต้าสเวียนอ๋องเป็นสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุด

เปรียบเทียบกันแล้ว กงซุนอู่มีสภาวะอ่อนแอไปบ้าง

ทว่าในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้โจวฮ่าวเซิงถูกฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ ซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส สองสามปีมานี้อาการเพิ่งจะดีขึ้น

หลัวจื้อเทาถูกคุมขัง ติดอยู่ในหลุมดำ พลังกับความคมกล้าถูกลดทอน เสวียนมู่อ๋องยิ่งสวรรคตไปแล้ว

กงซุนอู่กลับกลายเป็นคนที่นำอยู่ด้านหน้าสุด

แต่ว่าเขาไม่ประมาท

เขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของขุมกำลังที่มาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง และกำลังผงาดขึ้นมาใหม่บนดินแดนจิตคุณธรรม

สามารถฝึกฝนมาถึงระดับในตอนนี้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นคนธรรมดา

เนื่องจากแรงกดดันและแรงผลักดันผสมกัน จึงทำให้หลายปีมานี้ในที่สุดกงซุนอู่ก็มีสัญญาณว่าจะทำลายคอขวดของตัวเองได้ ห่างจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นเพียงครึ่งก้าว พร้อมก้าวข้ามตลอดเวลา

ทว่าวันนี้ เขามีแต่ความสิ้นหวัง

เขามีความรู้สึกว่า ตนอาจจะข้ามด่านนี้ไม่ได้ตลอดกาล

ในวินาทีนี้ กลางท้องฟ้าด้านบนเกาะมนุษย์สำริด เหมือนกับมีประกายน้ำกำลังสั่นไหวเบาๆ ปรากฏความขมุกขมัวและความพร่าเลือนอยู่หลายส่วน มองไปไม่เห็นเค้าความจริง จำเป็นต้องเพ่งมองอย่างละเอียดจึงจะพบร่อยรอย ทว่าก็เลือนรางนัก

ภายใต้การครอบคลุมจากแสงสว่าง เกาะมนุษย์สำริดราวกับเปลี่ยนเป็นแห้งแล้ง

ทัศนียภาพสูญเสียสีสัน สิ่งมีชีวิตสิ้นสูญพลังชีวิต เวลากำลังจะหยุดนิ่งลง

ทุกคนบนดินแดนเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต แต่กลับสมจริงดุจมีชีวิต

เวลาและภาพของดินแดนหลงเซี่ยงเหมือนกับถูกหยุดเอาไว้

สิ่งที่พอจะฝืนเคลื่อนไหวได้ มีเพียงแค่มนุษย์สำริดขนาดยักษ์สามตัวที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนกับค้ำท้องฟ้าค้ำดิน รวมถึงผู้ปกครองเกาะกงซุนอู่

มนุษย์สำริดสามตัวอ้าปาก ส่งเสียงร้องไร้เสียงเหมือนกับมีชีวิต

แขนหกข้างดันขึ้นสู่ท้องฟ้า หยุดไม่ให้ประกายน้ำที่ครอบคลุมเกาะทั้งเกาะพุ่งลงด้านล่างต่อ

กงซุนอู่มีน้ำเสียงกระด้าง “พลังเช่นนี้ กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยระดับนี้…ผู้วิเศษเซิง!”

กลางท้องฟ้าไม่มีเสียงใดตอบกลับมา มีเพียงแต่ประกายกระบี่ที่เหมือนกับสายน้ำที่ให้เวลาหยุดนิ่งซึ่งกำลังทำลายมนุษย์สำริดยักษ์สามตัวด้านล่างอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้การชำระล้างจากประกายกระบี่ ไม่มีเสียงร่ำไห้ของภูมิผีและเสียงโอดครวญของเทพเจ้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสะท้านฟ้าดินใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ว่าผิวของมนุษย์สำริดกลังเหี่ยวย่น และกำลังจะเสื่อมสลายอย่างรวดเร็ว

เหมือนกับต่อให้เป็นสิ่งทีแข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่อาจต้านทานการไหลคล้อยของกาลเวลาได้

วันนี้ เกาะมนุษย์สำริด ชัยภูมิที่เคยมีการป้องกันเป็นอันดับหนึ่งของทะเลหวงเจีย ถูกคนตีแตกแล้ว