เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1616

“ผู้อาวุโสใหญ่ ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก ไม่มีอะไรนอกจากการกลัวตาย แค่ทำลายตัวตนของตระกูลหั่วก็พอแล้ว จำเป็นต้องไล่เขาออกจากประเทศตันเซิ่งด้วยเหรอ”

“ใช่ ผู้อาวุโสใหญ่ ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเจ้าบ้านนะ! ถ้าเจ้าบ้านออกจากการเก็บตัวแล้วรู้ว่าเราจัดการแบบนี้ เจ้าบ้านต้อง……”

ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ แสงหนึ่งส่องเข้ามาในตำหนักใหญ่

ภายในแสงมีเงาคนที่มีเพลิงลุกโชน สองมือไพล่หลัง เปลวไฟลุกโชนทั้งตัว

ผู้อาวุโสตระกูลหั่วลุกขึ้นยืนทันที คำนับทำความเคารพแล้วพูดว่า “เจ้าบ้าน!”

เจ้าบ้านตระกูลหั่วลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว แม้เป็นเพียงเงาเพลิง แต่ก็ยังมีพลานุภาพมากมาย

“หั่วหลงจู้กลัวตาย ทำให้ชื่อเสียงตระกูลแปดเปื้อน ไล่เขาออกจากตระกูลหั่ว ไล่เขาออกจากประเทศตันเซิ่ง!”

เมื่อพูดจบ เงาเพลิงหายไปทันที

ทุกคนถอนหายใจยาว หมดหนทางจะแก้ไข

ในเมื่อเจ้าบ้านพูดแบบนี้แล้ว พวกเขาจะพูดอะไรได้อีก

หั่วหลงจู้เอ๊ย คราวนี้นายทำลายตัวเองจริงๆ!

นอกหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางรูปปั้นนับไม่ถ้วน พวกมู่จึฉีแยกกันเหาะลงมาบนรูปปั้นแล้วมองไปไกลๆ

มู่จึฉีพูดเสียงดัง “สหายจินอีหมิง สหายถู่ห่วง ในเมื่อจัดการคนที่ควรจัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นเราก็ควรตัดสินแพ้ชนะกันแล้ว”

ถู่ห่วงพูดว่า “ใช่ ควรสิ้นสุดการประลองนี้สักที”

จินอีหมิงยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ แต่ก็ยังยืนยันคำเดิม ดีใจมากที่ได้ร่วมมือกับทั้งสองคน วันนี้ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ถึงต้องตายคามือทั้งสองคนฉันก็มีความสุขมาก!”

พูดจบ พลังชี่สว่างขึ้นบนมือจินอีหมิง จู่ๆ มู่จึฉีกับถู่ห่วงหัวเราะออกมา

ทั้งสองคนเอาสองมือไพล่หลังมองจินอีหมิง ถู่ห่วงพูดว่า “สหายจิน นายเป็นพันธมิตรที่ไม่เลวจริงๆ แต่บางครั้งก็ฉลาดเกินไป”

จู่ๆ จินอีหมิงรู้สึกผิดปกติ มู่จึฉีพูดต่อ “สหายจิน ขอบคุณข้อเสนอแนะกับแผนของนายมาก ทำให้พวกเราเอาชนะพวกสุ่ยหมิงคงได้ ตอนนี้นายกลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ!”

พูดพลาง มู่จึฉีกับถู่ห่วงยกมือขึ้นแล้วพูดพร้อมกันว่า “ผนึก!”

วินาทีต่อมามีแสงสองแสงสว่างขึ้นบนตัวจินอีหมิง

เป็นดินกับไม้ กลายเป็นตราประทับ ล็อกเขาอยู่กับที่ทันที

ค่ายกลธาตุดินด้านล่างเท้า บนหัวมีแสงธาตุไม้

พลังชี่บนตัวจินอีหมิงโดนยับยั้งเอาไว้ จินอีหมิงตะโกนเสียงดังว่า “พวกนายสองคนกล้าคิดร้ายกับฉันงั้นเหรอ พวกนายสองคนเล่นงานฉันตั้งแต่เมื่อไร!”

มู่จึฉีหัวเราะแล้วพูดว่า “เริ่มตั้งแต่ชวนนายมาเป็นพันธมิตรกันไงล่ะ ฉันกับสหายถู่ห่วงปรึกษากันเรียบร้อยแล้วไปหานาย เริ่มแรกเราวางตราประทับที่ธรรมดาและใช้งานไม่ได้ใส่นาย แต่ยิ่งเราสองคนใช้พลังชี่รอบตัวนายเยอะขึ้น ตราประทับสองอันนี้จะดูดพลังของเราสองคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตราประทับให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเราจึงสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนาย ไม่ใช่แค่จัดการพวกสุ่ยหมิงคง แต่จัดการนายด้วย! ตอนนี้นายดิ้นไม่หลุดแล้ว!”

จินอีหมิงแผดเสียงออกมา แต่ตราประทับไม่ขยับเลยสักนิด กลับกันแสงสองแสงโจมตีลงบนตัวจินอีหมิง

จินอีหมิงสลบไปทันที

มู่จึฉีเหวี่ยงมือ แสงหนึ่งร่วงลงบนตัวจินอีหมิง ดึงเขาไว้เบาๆ เพื่อไม่ให้เขาร่วงลงไป

ถู่ห่วงพูดว่า “ให้เป็นแบบนี้แล้วกัน แม้เราชนะแบบมีเล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อย แต่ไว้ชีวิตเขาถือเป็นการชดเชย”

มู่จึฉียิ้มแล้วพยักหน้า มองรอบๆ แล้วพูดว่า “ในที่สุดก็จบสักที!”

พูดพลาง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้ามู่จึฉี

แต่ขณะนั้นเองแสงสีดำขลับสว่างขึ้น

หลังจากนั้นเงาคนสามคนค่อยๆ ปรากฏท่ามกลางแสง!

สุ่ยหมิงคงมองลู่ฝานพยายามแหวกอากาศเวิ้งว้างรอบตัว จากนั้นเก็บพลังกลับมา ขมวดคิ้วพูดว่า “ต้องเสแสร้งขนาดนี้ไหม”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ต้องทำแบบนี้สิ!”

มู่จึฉีกับถู่ห่วงที่กำลังมีความสุข เห็นพวกลู่ฝานปรากฏตัวออกมาก็อ้าปากค้างทันที!