บทที่ 1047 เมื่อความตายมาเยือน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,047 เมื่อความตายมาเยือน

กระบี่หักแล้ว

กระบี่ในมือของหลินเป่ยเฉินหักแล้ว

นั่นเป็นเพราะว่ากระบี่วิหคครามรุ่นยอดนิยมจากร้านอาจารย์ฟาน ไม่สามารถรองรับพลังขั้นเซียนของหลินเป่ยเฉินได้อีกต่อไป

เด็กหนุ่มได้แต่จ้องมองด้วยความเสียดาย

ในเวลาเดียวกันนี้

“เป็นไงล่ะ ตกตะลึงไปเลยละสิ…”

ทูตสวรรค์จากมหาวิหารเทพแห่งธนูอวี้จูอวี่ยิ้มเหยียดหยาม

“หกสิบปีก่อน มารตนนั้นก็แข็งแกร่งและดุร้ายไม่แพ้เจ้า แต่ในที่สุด มันก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ของข้า… ฮ่า ๆๆ หัวหน้านักบวชหลินเอ๋ย ดูเหมือนเจ้าคงต้องหยุดอยู่แต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าเจ้ากำลังจะพ่ายแพ้!”

สีหน้าของชายชราบ่งบอกความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

บนเรือเหาะสีขาว องค์ชายอวี่พยายามไม่แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า

ในขณะที่แม่ทัพใหญ่และขุนพลผู้กล้าคนอื่น ๆ ต่างส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี

มีหวังแล้ว!

ในที่สุด ก็มีคนสามารถรับมือหลินเป่ยเฉินได้เสียที

กระบี่ที่ปลิดชีพนักบวชหมิงหลี่กับหลิวเซิงฉาง บัดนี้ ถึงกับแตกหักไปแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับท่านทูตสวรรค์อวี้จูอวี่

นอกจากท่านทูตสวรรค์จะรับมือกระบวนท่าของหลินเป่ยเฉินได้แล้ว ท่านยังทำลายอาวุธคู่กายของหลินเป่ยเฉินได้อีกด้วย

เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นผู้แพ้

และใครเป็นผู้ชนะ

สมแล้วที่อวี้จูอวี่เป็นถึงทูตสวรรค์อันดับหนึ่ง

สมแล้วที่เป็นผู้ครอบครองชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

แม้แต่ซูถิงฟางที่ก่อนหน้านี้ยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้าตลอดเวลาก็ยังถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เมื่อสามารถทำลายกระบี่ของหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ เรื่องราวต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนอีกแล้ว

บนเรือเหาะสีดำ

บรรดาแม่ทัพใหญ่เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเย่ หลิงฉือ รวมไปถึงท่านแม่ทัพคนอื่น ๆ พลันกลับมามีสีหน้าตึงเครียดอีกครั้ง

แต่ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินกลับมีความสงสัยอยู่เพียงเรื่องเดียวว่า…

ทำไมกัน?

ทำไมวิหารเทพแห่งธนูถึงดูร่ำรวยกว่าวิหารเทพีกระบี่?

ดูอย่างชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่อวี้จูอวี่กำลังสวมใส่อยู่นั่นปะไร ทำไมวิหารเทพีกระบี่ถึงไม่มีชุดเกราะเท่ ๆ แบบนี้ให้เขาใส่บ้าง?

และไม่ใช่แต่เพียงชุดเกราะเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าคลุม รองเท้าบูท หรือแผ่นเหล็กที่ใช้ป้องกันจุดอ่อนตามร่างกาย ต่างก็มีความสวยงามไม่ต่างไปจากชุดเกราะที่หลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า มันไม่ใช่ชุดเกราะที่ครอบคลุมทั้งตัวก็จริง แต่กลับปลดปล่อยพลังออกมาเป็นม่านพลังครอบคลุมได้ตลอดร่างกายอวี้จูอวี่…

หรือนี่จะเป็นชุดเกราะที่เทพแห่งธนูประทานมาให้โดยตรง?

แล้วทำไมเทพีกระบี่ถึงไม่มีชุดเกราะให้เขาบ้าง?

มิน่าล่ะ หลายปีที่ผ่านมานี้ จักรวรรดิจี้กวงถึงเอาชนะจักรวรรดิเป่ยไห่ในสนามรบได้เรื่อยมา…

แต่นี่เป็นความผิดของผู้ใด?

ต้องโทษว่าเทพเจ้าที่ตนเองศรัทธาไม่มีความร่ำรวยมากพอ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจว่าหากตนเองมีเวลา เขาก็ควรหากระบี่เงินดี ๆ มาประดับกายอีกสักเล่ม

มันสมควรเป็นกระบี่ที่มีรูปลักษณ์สวยงามเหมือนกระบี่วิหคครามของร้านอาจารย์ฟาน แต่ก็ต้องมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับพลังขั้นเซียนของเขาได้เช่นกัน

ไม่งั้นแล้วกระบี่ก็จะแตกหักคามือเหมือนเช่นครั้งนี้

เหตุผลที่กระบี่หัก ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งจากอวี้จูอวี่

แต่มันแตกหักเพราะหลินเป่ยเฉินโคจรพลังลมปราณใส่ลงไปมากเกินขีดจำกัดของตัวกระบี่ต่างหาก

และนั่นก็ทำให้ผู้มีฉายาว่าเซียนกระบี่รชตะอย่างเขาต้องอับอาย

เขาเป็นถึงผู้มีพลังขั้นเซียน มีตำแหน่งเป็นหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง เหตุไฉนกระบี่จึงต้องมาแตกหักคามือเช่นนี้ด้วย?

บัดนี้ ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวสมองของหลินเป่ยเฉิน

ท่ามกลางความเงียบ สีหน้าของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนตลอดเวลา เขากัดฟันกรอดและเมื่อดวงตาจ้องมองไปที่ทูตสวรรค์อวี้จูอวี่ เด็กหนุ่มถึงได้เข้าใจว่าชายชรากำลังคิดอะไรอยู่

อวี้จูอวี่เข้าใจว่าตนเองสามารถรับมือการโจมตีของเขาได้อย่างนั้นหรือ?

อวี้จูอวี่เข้าใจว่าตนเองจะสามารถเอาชนะเขาได้?

อวี้จูอวี่เข้าใจว่าโอกาสของฝ่ายจี้กวงมาถึงแล้ว

“ฮ่า ๆๆ เมื่อสักครู่ ข้าสามารถตั้งรับการโจมตีจากตัวแทนวิหารเทพีกระบี่ได้สำเร็จ หัวหน้านักบวชหลิน บัดนี้ เจ้าลองรับการโจมตีจากตัวแทนมหาวิหารเทพแห่งธนูดูบ้างเป็นไร?”

อวี้จูอวี่คำรามเสียงแหบต่ำในลำคอ พลังศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกจากร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบแท่นประลองลอยตัวขึ้นมากลับกลายเป็นเสมือนลูกธนูอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นก้อนกรวดขนาดเล็ก ต้นไม้ใบหญ้า กิ่งไม้ ดอกไม้…

ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นลูกธนู!

ในมือของอวี้จูอวี่กระชับหอกเงินแนบแน่น

เดี๋ยวก่อนนะ

หอกเงินอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเห็นอาวุธในมือชายชรา เครื่องหมายคำถามก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของหลินเป่ยเฉิน

เหตุไฉนทูตสวรรค์จากมหาวิหารเทพแห่งธนูถึงมีอาวุธคู่กายเป็นหอกเล่มหนึ่ง หาใช่คันธนูไม่?

แบบนี้มันหลอกลวงผู้บริโภคชัด ๆ!

แล้วพวกสาวกเทพแห่งธนูไม่ตะขิดตะขวงใจกันบ้างหรือไง

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดด้วยความสงสัย หลินเป่ยเฉินก็นำอาวุธออกมาจากข้างเอว

คทาเงินขนาดใหญ่

คทาที่ได้มาจากดินแดนของเผ่าจันทราขาว

สีเงินสะท้อนประกายแวววาว

สะดุดตาผู้คนเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าสมควรรับการโจมตีของข้าให้ได้ก่อนเถอะ”

หลินเป่ยเฉินยิงฟันยิ้มและกระโดดไปข้างหน้า

ด้วยขั้นพลังในปัจจุบันของหลินเป่ยเฉิน แม้เขาจะอยู่ในระดับสาม แต่ก็สามารถเอาชนะขั้นเซียนระดับห้าได้อย่างไม่มีปัญหา

เมื่อมีคทาเงินอยู่ในมือ หลินเป่ยเฉินก็สามารถโคจรพลังลมปราณลงไปได้เต็มอัตรา

เปรี้ยง!

เมื่อฟาดไม้คทาลงไป ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ทูตสวรรค์อวี้จูอวี่สวมใส่อยู่ก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาทันที

นั่นเป็นเพราะว่า

แม้แต่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาที่ได้รับการแบ่งปันพลังศักดิ์สิทธิ์มาจากเผ่าเทพพงไพรก็ยังไม่สามารถรับการโจมตีจากคทาด้ามนี้ได้ แล้วทูตสวรรค์ผู้หนึ่งจะสามารถรับมือการโจมตีของมันได้อย่างไร?

ไม้คทาด้ามนี้เคยสังหารเทพเจ้ามาแล้ว การสังหารมนุษย์ผู้หนึ่งจึงไม่ควรเป็นปัญหากระมัง?

เปรี้ยง!

หลินเป่ยเฉินฟาดไม้คทาลงไปที่ศีรษะของทูตสวรรค์อวี้จูอวี่เต็มแรง

สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของชายชรากลับกลายเป็นความสยองขวัญและความเศร้าในพริบตาเดียว…

แล้วความตายก็มาเยือน

ไม้คทาทำให้ศีรษะของอวี้จูอวี่ระเบิดกระจายคล้ายกับแตงโมลูกหนึ่ง

เปรี๊ยะ!

ได้ยินเหมือนเสียงเปลือกไข่แตก

ทันใดนั้น แสงสว่างสีแดง สีขาวและสีเหลืองก็ระเบิดเจิดจ้า

สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของอวี้จูอวี่สูญสลายหายไปพร้อมกับศีรษะของเขา

ลำตัวของเขาหดสั้นลง… ร่างกายช่วงล่างตั้งแต่ใต้หัวเข่าจมหายลงไปใต้พื้นหิน เสมือนเป็นตะปูดอกหนึ่งที่ถูกค้อนทุบฝังลงไปด้านล่าง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลอยตัวเป็นลูกธนูอยู่ในอากาศกลับคืนสู่สภาพเดิมในพริบตา

สายลมโชยพัดแผ่วเบาอีกครั้ง

ก้อนกรวดกลับคืนสภาพเป็นก้อนกรวด

ต้นไม้ใบหญ้าก็กลายเป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้า

ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ

หลินเป่ยเฉินถือไม้คทาในมือด้วยสีหน้าหมองเศร้า

“เละหมดเลยแฮะ”

เขาจ้องมองศพไร้ศีรษะที่อยู่เบื้องหน้า กำลังคิดสงสัยว่าจะใช้ส่วนใดนำไปตั้งไว้บนโต๊ะบูชาให้แก่ฮันปู้ฟู่ได้บ้าง

ในเวลาเดียวกันนี้

บนเรือเหาะสีขาว บรรดาผู้คนที่เมื่อสักครู่ยังส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น กลับนิ่งเงียบคล้ายกับมีสิ่งของอุดตันอยู่ในลำคอก็ไม่ปาน

องค์ชายอวี่มีใบหน้าขาวซีด

แววตาของซูถิงฟางเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ส่วนแม่ทัพใหญ่คนอื่น ๆ ก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่แพ้กัน บางคนรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่ได้ ถึงกับกระอักเลือดออกมาและหมดสติไปทันที…

แต่ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะมัวแต่ตกตะลึงมากเกินไป จึงไม่มีใครคิดเข้าไปช่วยเหลือ

ทางด้านเรือเหาะสีดำของจักรวรรดิเป่ยไห่ พวกเขาก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่แพ้นายทหารชาวจี้กวง

ทูตสวรรค์อันดับหนึ่งของมหาวิหารเทพแห่งธนูอยู่ที่ใดแล้ว?

ทูตสวรรค์ผู้ระเบิดพลังอย่างองอาจผ่าเผยและเหยียดหยามคู่ต่อสู้ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ถึงแก่ความตายเสียแล้วหรือ?

การต่อสู้ไม่สมควรเป็นไปเช่นนี้

พวกเขาคาดหวังที่จะได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือดและน่าตื่นตาตื่นใจ นี่สมควรเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์มาก่อน

แต่การต่อสู้เช่นนั้นกลับไม่เกิดขึ้น

อวี้จูอวี่ผู้มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเป็นนักหนา… หลายคนเองก็มั่นใจว่าเขาต้องเป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของหลินเป่ยเฉิน ใครเลยจะไปรู้ว่าชายชรากลับพ่ายแพ้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้

ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ดูเหมือนว่าบัดนี้ หลินเป่ยเฉินจะได้คำตอบสำหรับคำถามของตนเองแล้ว…

เขาถอดชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ออกจากศพของอวี้จูอวี่และนำมันไปวางไว้บนโต๊ะบูชาหน้าหินเคารพหลุมศพของฮันปู้ฟู่

นี่ก็น่าจะใช้เป็นของบูชาได้แล้วกระมัง?

เขาเชื่อว่าศิษย์พี่ฮันในโลกหลังความตายจะต้องชอบใจมากแน่นอน

บางที ศิษย์พี่ฮันอาจจะไม่อยากตายอีกแล้วก็เป็นได้… ฮื่อ

หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมาใช้ความคิดอีกเล็กน้อย ก็เดินไปค้นซากศพของอวี้จูอวี่อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่พบเจออะไรเลย สุดท้าย ในมือของเด็กหนุ่มก็ถือหอกคู่กายของอวี้จูอวี่และสายตาของเขาก็กำลังสำรวจดูมันอย่างละเอียด

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินสังเกตเห็นความผิดปกติ

เขาพบว่าตนเองเข้าใจผิดมาตลอด!!