ตอนที่ 2344 ภาคต่อ 1

อัจฉริยะสมองเพชร

“ผมก็ให้โอกาสเขาแล้ว แต่เขาไม่คว้าไว้เอง การดวลระหว่างเขากับหลินชีคือโอกาสทองของการฝ่าด่านวรยุทธ แต่เขากลับถอย เขาเตรียมยุทธวิธีที่จะทำให้ตัวเองก้าวข้ามโชคชะตาไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็สูญเสียความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะตรงเข้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ หากปราศจากจิตใจที่เข้มแข็งพอล่ะก็ ไม่มีทางที่เขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เหนือชั้นกว่าได้หรอก!” เนี่ยหยุนพูด

จางเซวียนเงียบไป

ตอนนั้นตัวเขาก็ได้เห็นการดวล ซึ่งปรมาจารย์ขงก็ขาดความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการที่ปรมาจารย์ขงไม่เต็มใจจะใช้ชีวิตของหลัวลั่วชิงเป็นเครื่องสังเวยเพื่อก้าวไปสู่จุดที่สูงกว่า เขาจึงสูญเสียโอกาสของการฝ่าด่านวรยุทธ

“แต่ถ้าปรมาจารย์ขงชนะ ลั่วชิงก็ต้องตาย!” จางเซวียนโพล่งออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

ใจคอหมอนี่จะไม่แยแสความเป็นความตายของลูกสาวเลยหรือ*?*

“ผมก็อยู่แถวนั้นด้วย ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเธอหรอก” เนี่ยหยุนตอบ “ตอนนี้คุณเองก็อยู่ในระดับขั้นเดียวกับผม คุณคิดว่าผมจะช่วยชีวิตพวกเขาจากการดวลครั้งนั้นไม่ได้หรือไง?”

หากเขาลงมือ ก็จะช่วยชีวิตหลัวลั่วชิงไว้ได้ในวินาทีสุดท้ายโดยแน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับเธอ

นี่คือความแตกต่างใหญ่หลวงระหว่างจอมราชันย์กับผู้ที่อยู่เหนือความเป็นจอมราชันย์แล้ว

“หลินชีเกิดกับภรรยาของผม, หลัวชิงเฉิง และนั่นคือเหตุผลที่เธอเลือกใช้ ‘แซ่หลัว’ ในการปลอมตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เธอวอกแวกไขว้เขวไปจากภารกิจสำคัญตรงหน้า ผมจึงทำให้เธอเข้าใจว่าตอนนี้ผมยังโคม่าอยู่” เนี่ยหยุนส่ายหัวพร้อมกับรำพึงออกมา “ผมเป็นพ่อที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายใช่ไหม?”

“ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดหากคุณอธิบายทุกอย่างให้หลินชีรับรู้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็มอบหัวใจให้คุณแล้ว เชื่อว่าเธอคงเหลือความรู้สึกให้ผมไม่มากนักหรอก อีกอย่าง ผมไม่ควรจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้น เธออาจอาละวาดจนทุกอย่างพังพินาศ…”

จางเซวียนมองเนี่ยหยุนด้วยความรู้สึกที่ออกจะขัดแย้งสับสน อดสงสารหลัวลั่วชิงไม่ได้ที่มีพ่อที่แสนจะไว้ใจไม่ได้แบบนี้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้า “ได้ ผมจะบอกเธอเอง…”

แล้วเขาจะทำอะไรอื่นได้? หากอยากได้หลัวลั่วชิงมาเป็นภรรยา ก็ต้องผ่านการยอมรับจากว่าที่พ่อตาในอนาคตเสียก่อน ส่วนเรื่องนั้น ค่อยมาเคลียร์กันทีหลังก็ยังไม่สาย

“หอสมุดเทียบฟ้าคือของล้ำค่าที่ก่อตัวขึ้นจากความคิดของผม มันเป็นทั้งรากฐานและขีดจำกัด เพราะคุณใช้ความสามารถของตัวเองในการยกระดับวรยุทธ คุณจึงได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีศักยภาพสูงพอ ผมเชื่อว่าในอนาคตคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่ และในฐานะพ่อ ผมรู้สึกโล่งใจที่จะได้ฝากฝังลูกสาวของผมไว้กับคุณ” เนี่ยหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ

จางเซวียนพยักหน้ารับก่อนจะพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาหันไปถามเนี่ยถง “ผู้อาวุโส คุณคือผู้คิดค้นเจตจำนงของเทพเจ้าเพลงดาบที่อยู่ในมิติเบื้องบนใช่ไหม?”

เท่าที่จางเซวียนรู้ ผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปแล้วเหมือนกับปรมาจารย์ขง แต่เขาก็ไม่เคยรู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย ซึ่งผู้ที่ปราดเปรื่องระดับนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาสามัญในสรวงสวรรค์แน่

“มันคือมรดกตกทอดที่ผมทิ้งไว้พร้อมกับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง ผมอยากช่วยคุณทุ่นเวลาจากความยุ่งยากต่างๆนานา เพื่อจะได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนตามพี่ชายของผมทัน…เขาโดดเดี่ยวมานานแล้ว” เนี่ยถงตอบขณะชำเลืองมองพี่ชายด้วยแววตาล้ำลึก

ราวกับในสายตาของเขาไม่มีใครอื่นอีกเลยนอกจากพี่ชายคนนี้

สำหรับเนี่ยถง การทิ้งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไว้ในโลกเบื้องล่างอย่างมิติเบื้องบนไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องนั้นมีส่วนช่วยเหลือจางเซวียนอย่างมาก

มันคือประสบการณ์ที่ช่วยเสริมกำลังให้เจตจำนงของเขาทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบได้เร็วขึ้น และกลายเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“ผมเข้าใจแล้ว คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม” จางเซวียนพยักหน้า

ดูเหมือนคนเหล่านี้จะเฝ้าจับตาดูเขามาตลอด ซึ่งนั่นทำให้ออกจะรู้สึกแปลกๆ

“ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้วล่ะ ตั้งอกตั้งใจฝึกฝนวรยุทธให้ดี ระดับวรยุทธของคุณเสถียรเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปยังโลกใบใหญ่กว่านี้ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วโลกนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน!” เนี่ยหยุนหัวเราะลั่นก่อนจะโบกมือ

มิติเกิดการบิดเบี้ยว จางเซวียนกลับมายังน่านฟ้าเสรี

ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลัวลั่วชิง

“จางเซวียน…”

สาวน้อยยิ้มหวาน จากนั้นก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา

 

ภาคต่อ : หลัวชวนฉิง 1

“ในที่สุด เราก็มาถึงที่นี่!”

หลัวชวนฉิงอยู่พร้อมหน้ากับหยู่เฟยเอ๋อและหูเหยาเหย่า ตัวเขาที่อยู่ในสภาพออกจะยับเยินจ้องมองภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าอ่อนล้าระคนโล่งใจ

แม้เขาจะได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าแล้ว และพลังปราณกับจิตวิญญาณก็ได้รับการบ่มเพาะอย่างดีจากเลือดของจางเซวียน แต่ก็ยังเป็นนักรบที่อ่อนแอที่สุดในสรวงสวรรค์

เมื่อหวนนึกถึงความทุกข์ยากต่างๆที่ผ่านมา หลัวชวนฉิงทั้งเหนื่อยใจและอับจนหนทาง

“เพราะฉะนั้น ที่นี่ก็คือสรวงสวรรค์…” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะส่ายหน้า

ไม่ว่าจะเป็นมิติเบื้องบนหรือทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาคืออัจฉริยะชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากเพื่อนนักรบรุ่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้เปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนหมอนั่น แต่ก็แน่นอนว่าชื่อของเขาจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากมาถึงสรวงสวรรค์ เขาก็ยังถูกกระต่ายตัวหนึ่งไล่ล่าถึง 3 วันเต็มๆเพื่อขุดหาแครอทของมัน มีคราวหนึ่งเขาถูกหนอนผีเสื้อโจมตี อีกคราวหนึ่ง มดบินได้ก็เกือบใช้ปีกของมันปาดคอของเขา ส่วนอีกคราว ใบหญ้าเขียวที่คมกริบก็แทงทะลุผิวหนัง ทำให้เลือดทะลักออกมามากมาย…

นี่คือดินแดนเลวร้ายที่แสนจะน่าพรั่นพรึง!

ต่อให้อสูรที่สงบเสงี่ยมที่สุดในมิติเบื้องบนก็อาจกลายเป็นอสูรร้ายโหดเหี้ยมเมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์!

เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าดีใจแค่ไหนที่ออกจากภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่มาได้โดยยังมีชีวิตอยู่!

“ถึงเราสามคนจะเป็นเทพเจ้าแล้ว แต่ก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้งในภูเขานั่น ในครั้งนั้น จางเซวียนเป็นคนเดียวที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าได้สำเร็จ แถมยังต้องดูแลนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกกลุ่มใหญ่ แล้วเขาเอาชีวิตรอดจากภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” หูเหยาเหย่าอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ

หลัวชวนฉิงกับหยู่เฟยเอ๋อสบตากัน ไม่มีใครพูดอะไร

กาลเวลาในสรวงสวรรค์เพิ่งผ่านไปราว 1 เดือนเท่านั้นนับตั้งแต่จางเซวียนเดินทางมาที่นี่พร้อมกับศิษย์สายตรง 11 คน, ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขา และซุนฉาง ในครั้งนั้น ผู้ติดตามทั้ง 14 คนยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้า ซึ่งหมายความว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะทำประโยชน์อะไรไม่ได้เมื่ออยู่ในภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ แต่จางเซวียนยังต้องออกสำรวจพื้นที่เพื่อหาอาหารให้คนเหล่านั้นด้วย

แน่นอนว่าอันตรายที่อีกฝ่ายเผชิญย่อมหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก

ขนาดมดหรือยุงซึ่งเป็นแมลงที่พวกเขาเคยใช้มือตบทีเดียวก็ตาย แต่เมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์ ก็อาจกลายเป็นอสูรร้ายที่สังหารได้แม้แต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์

“เขาคงลำบากไม่น้อยเลยตอนที่อยู่ในภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่…ขนาดพวกเรายังใช้เวลาถึง 5 วันกว่าจะหาทางออกจากที่นั่นได้ เขาคงต้องใช้เวลานานกว่านั้นแน่” หลัวชวนฉิงตั้งข้อสังเกต

จากนั้นเขาก็ตาโตขณะพูดต่อ “จางเซวียนคงเพิ่งออกจากสันเขา และในเวลานี้ก็คงพักอยู่ในเมืองใกล้ๆนี่แหละ เราไปสำรวจแถวนี้กันดีกว่า อาจพบเขาก็ได้! คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องตามเขาให้ทัน…ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังเอาชนะผมได้ เพราะตอนนี้สภาพแวดล้อมของเราเปลี่ยนไปแล้ว!”

หลัวชวนฉิงรู้สึกขัดแย้งในใจอย่างรุนแรงต่อสหายเก่าของเขาคนนี้

เขาเกลียดชังจางเซวียนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ประทับใจกับความเก่งกาจและเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของอีกฝ่าย

ถ้าไม่ใช่เพราะจางเซวียนเปิดทางให้ ป่านนี้เขาก็คงยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ อาจไม่ได้เป็นแม้แต่นักปราชญ์โบราณด้วยซ้ำ

ก็เพราะความขัดแย้งในใจที่โหมกระพือความปรารถนาให้เขายิ่งอยากพบจางเซวียน เขาอยากสั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่น ข้อหาที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเป็นทุกข์!

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยทำสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือมิติเบื้องบน ดูเหมือนสรวงสวรรค์จะเป็นโอกาสสุดท้าย

หยู่เฟยเอ๋อชี้นิ้วไปยังพื้นที่ตรงหน้าและอุทานออกมา “ดูนั่น ตรงนั้นมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง!”

หลัวชวนฉิงมองตาม เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายคล้ายนักเรียนกำลังมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ และดูเหมือนยังอีกไกลกว่าจะได้เป็นเทพเจ้า

“พวกเขายังไม่ได้เป็นเทพเจ้าด้วยซ้ำ แต่ก็กล้าเข้าป่า? รนหาที่ตายหรือไง?” หลัวชวนฉิงงุนงง

เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเพื่อให้คำแนะนำ

ตอนแรก กลุ่มนักเรียนดูจะระแวงหลัวชวนฉิงอยู่บ้าง แต่หลังจากสนทนากันครู่หนึ่งก็ค่อยคลายใจ

เมื่อได้รู้ว่าทั้ง 3 เพิ่งออกจากภูเขาและไม่เคยเข้าเมือง ทั้งกลุ่มให้แนะนำด้วยความหวังดี

“แถวนี้มีเมืองใหญ่อยู่เมืองหนึ่ง ชื่อเมืองตะวันรอน ท่านเจ้าเมืองอู๋ฟังชิงเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง มีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบ ดังนั้น เมื่อพวกคุณเข้าเมืองแล้ว จะทำอะไรก็ระมัดระวังด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษข้อหาฝ่าฝืนกฎ!”

นับตั้งแต่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ ระเบียบกฏเกณฑ์ต่างๆกลายเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในบรรดาเมืองใหญ่ของสรวงสวรรค์ ท่านเจ้าเมืองมีอำนาจเด็ดขาดกว่าเดิม และมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะคิดท้าทาย

พวกเขาห่วงว่าหลัวชวนฉิง, ‘มนุษย์ถ้ำไฟแรง’ คนนี้จะทำอะไรล้ำเส้นไปและถูกลงโทษ

“เทพเจ้าสวรรค์สร้าง?” หลัวชวนฉิงตาโต

เพราะคิดว่าหลัวชวนฉิงอาจไม่รู้จักระดับวรยุทธขั้นต่างๆ นักเรียนผู้มีน้ำใจคนนั้นเริ่มอธิบาย “ใช่ เทพเจ้าสวรรค์สร้างคือผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ คุณคงรู้แล้วว่าเทพเจ้าแบ่งเป็นขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง เฉพาะผู้ที่ฝ่าด่านวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นสูงไปได้เท่านั้นถึงจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง นักรบทุกคนที่ได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างน่ะเก่งกาจปราดเปรื่องมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในสรวงสวรรค์ก็มีแต่ผู้คนเคารพยกย่อง!”