ตอนที่ 1053 ความร้ายกาจของหานโม่ฉือ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

อาคมที่ปกคลุมรอบก้อนพลังสีดำเต็มไปด้วยพลังที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง แม้ด้วยการโจมตีของฉินอวี้โม่และอีกสามคนก็ยังไม่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ ได้

คลื่นพลังที่ประหลาดบางอย่างก็แผ่ออกมาจากก้อนพลังดังกล่าวและกระทบลงบนซากศพบนพื้นดิน จากนั้นซากศพที่ไร้วิญญาณก็ค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันหลายตนเริ่มลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และตรงเข้าหาคณะจอมยุทธ์ทั้งสี่

“ทำลายซากศพพวกนั้นก่อน !”

ภายในเสี้ยวอึดใจ ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจขึ้นมาได้ ในเมื่อไม่สามารถโจมตีก้อนพลังสีดำที่หมุนวนกลางอากาศ ทางที่ดีที่สุดของพวกนางในตอนนี้ก็คือการทำลายซากศพบนพื้น แม้ก้อนพลังดังกล่าวจะสามารถฟื้นคืนชีพซากศพเหล่านั้นได้ ทว่าตราบใดที่ทำลายซากศพพวกนั้นให้หมด ก้อนพลังสีดำทะมึนก็จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

อวิ๋นซื่อเทียนและทุกคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ พวกนางก็ไม่เสียเวลารอช้าและกระจายตัวกันโจมตีซากศพรอบตัว

ทุกคนแผ่พลังออกไปถึงขีดสูงสุดและปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีใส่ซากศพเหล่านั้น อึดใจต่อมา ซากศพกว่าครึ่งหนึ่งก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายหายไปในอากาศ

“หยุด !”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สีหน้าของอู่เหวินยงถอดสีทันที คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่และคณะจะเปลี่ยนไปโจมตีซากศพโดยตรง ตราบใดที่ทำลายพวกมันได้ทั้งหมด แผนการของจอมยุทธ์ปีศาจในครานี้ก็ถือว่าล้มเหลวไปโดยปริยาย

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

เขาตะโกนกร้าวอีกครั้งและตรงเข้าหาคนทั้งสี่ด้วยหมายที่จะขัดขวางการกระทำของพวกนาง

บรรดาสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ก็เข้าร่วมการต่อสู้เช่นกันโดยมีจุดมุ่งหมายคือการโจมตีเพื่อหยุดยั้งการกระทำของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ

ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจมีอยู่เป็นจำนวนมากและพวกเขาเข้าล้อมรอบกลุ่มคนทั้งสี่อย่างรวดเร็วส่งผลให้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คุ้มกันในบริเวณของก้อนพลังสีดำ

ซากศพมากมายที่ได้รับการฟื้นคืนชีพก็ถูกขัดขวางไว้โดยบรรดาอสูรมายาและอยู่ในสถานการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือดไม่แพ้กัน

ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้วในขณะที่สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจล้อมรอบคณะของฉินอวี้โม่และปล่อยการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

เดิมทีฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสภาวะที่ตึงมือมากแล้ว ทว่าภายในเวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา ซากศพก็ถูกฟื้นคืนชีพเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากโดยที่พวกมันก็เข้าร่วมการต่อสู้ในทันที เพราะเหตุนั้น สถานการณ์ของฉินอวี้โม่และทุกคนจึงตกที่นั่งลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เราต้องคิดหาทางรับมือแล้ว เราจะตั้งรับการโจมตีเช่นนี้ไปตลอดไม่ได้”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น หากควบคุมสถานการณ์ไม่ได้โดยเร็ว ซากศพก็จะถูกฟื้นคืนชีพมากยิ่งขึ้นและพวกนางก็จะยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการคิดหาทางขัดขวางมิให้ก้อนพลังประหลาดฟื้นคืนชีพซากศพของสิ่งมีชีวิตทรงพลังได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม สมาชิกจำนวนมากของจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังคงล้อมรอบพวกนางและไม่ปล่อยให้พวกนางขยับมือขยับเท้าได้มากนัก

“เหอะ อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะทำอะไรได้อีก !”

อู่เหวินยงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบา ๆ ตราบใดที่ยื้อเวลาได้อีกสองก้านธูป ซากศพทั้งหมดก็จะฟื้นคืนชีพโดยสมบูรณ์และกลายเป็นกองกำลังสนับสนุนที่ทรงพลังของจอมยุทธ์ปีศาจ

ตราบใดที่ฟื้นคืนชีพสิ่งมีชีวิตทรงพลังในอดีตได้ทั้งหมด ฉินอวี้โม่และพวกก็จะหมดหวังไปอย่างสิ้นเชิง…

สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจทั้งหมดในที่แห่งนี้ล้วนมีพลังมากพอสมควรและมิใช่เรื่องง่ายที่จะฝ่าวงล้อมของพวกเขาออกไป อีกทั้งอู่เหวินยงก็เข้าโจมตีฉินอวี้โม่ด้วยตัวเองโดยหวังว่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้นางบาดเจ็บสาหัส ก่อนหน้านี้ผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจเคยกล่าวไว้แล้วว่าหากทำให้ฉินอวี้โม่บาดเจ็บหนักได้ ตัวเขาจะได้รับรางวัลไปอย่างงาม

“เหอะ ก็แค่พวกซากศพไร้ชีวิต อยากเห็นยิ่งนักว่าจะมีฝีมือสักเพียงใด !”

ซิวแค่นเสียงเย็นชาก่อนเหาะออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวและตรงเข้าโจมตีซากศพที่เพิ่งฟื้นคืนชีพเหล่านี้

เพลิงแห่งชีวิตของซิวมีคุณสมบัติในการยับยั้งซากศพเหล่านี้ได้ดี นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมันก็จัดเป็นอันดับต้น ๆ แม้ในดินแดนมหาเทพก็ตาม แม้ซากศพที่ถูกฟื้นคืนชีพเหล่านี้จะทรงพลังมาก พวกมันก็ไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง ซิวจึงสามารถจัดการได้อย่างไม่เป็นปัญหา

ทันทีที่มันปรากฏตัว ความกดดันของฉินอวี้โม่และอีกสามคนก็ลดน้อยลงไปมากและสถานการณ์เริ่มที่จะพลิกผันขึ้นมา

“ข้าจะทำลายก้อนพลังนั้นเอง”

หานโม่ฉือผู้ซึ่งยังไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมากล่าวกับฉินอวี้โม่เพียงสั้น ๆ และตัดสินใจที่จะเริ่มลงมือในที่สุด

เพียงแวบเดียว ร่างของเขาก็พุ่งตรงออกไปและหยุดลงไม่ไกลจากก้อนพลังสีดำนั้น

“หยุดเขาไว้ !”

สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจไม่กี่คนที่คุ้มกันก้อนพลังสีดำหันมองหน้ากันทันที เมื่ออู่เหวินยงออกคำสั่งเสียงดังสนั่น จอมยุทธ์ปีศาจประมาณสิบคนก็เหาะขึ้นสูงกลางอากาศและเข้าไปล้อมรอบหานโม่ฉือไว้

“ไสหัวไปซะ !”

หานโม่ฉือเพียงเอ่ยวาจาเยือกเย็นและแรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่จากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยการโบกมือเพียงเล็กน้อย เขาก็ฟาดจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นจนกระเด็นลอยออกไปโดยตรง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”

คิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือจะบรรลุถึงระดับนี้ จอมยุทธ์ปีศาจหลายคนที่พยายามขัดขวางเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนั้นก็มีพลังอยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุด ทว่าเมื่อประจันหน้ากับหานโม่ฉือ พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่มีพลังที่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ

“พลังของโม่ฉือแกร่งกล้ากว่าก่อนมาก…”

เซิ่งเซียวเงยหน้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นและถอนหายใจเบา ๆ ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือในตอนนี้เหนือชั้นกว่าตัวเขามากนัก ในอดีต เขายังพอจะต่อกรกับหานโม่ฉือได้ ทว่าตอนนี้คงทำได้เพียงฝันเท่านั้น

ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าขมวดคิ้วเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น

ในช่วงที่ผ่านมานี้ นางรู้สึกมาเสมอว่าเกิดบางอย่างขึ้นกับหานโม่ฉือ ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นมากก็จริง ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขากลับประหลาดพิกลมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หานโม่ฉือมักลอบมองนางเป็นระยะ ๆ ด้วยดวงตาที่ฉายแววความมุ่งมั่นบางอย่างและรีบละสายตาหลบไปซึ่งทำให้นางสังหรณ์ใจได้ว่าอาจจะต้องพลัดพรากจากกันในไม่ช้า…

เดิมทีนางไม่ต้องการให้หานโม่ฉือแสดงพลังที่แท้จริงออกมา และแน่นอนว่าหานโม่ฉือก็ไม่ได้ต้องการทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ก็บีบบังคับมิให้เขามีทางเลือกอื่นและจำใจต้องแสดงพลังออกไป

หานโม่ฉือกวาดสายตามองสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างเย็นชาและกลิ่นอายทรงพลังที่แผ่มาจากเขาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นใจไม่น้อย แม้แต่อู่เหวินยงที่กำลังรับมือกับฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันรุนแรงและการเคลื่อนไหวชะลอช้าลงเช่นกัน

ฟุ่บ !

ทันใดนั้น เกิดเสียงประหลาดในอากาศและทั้งร่างของหานโม่ฉือก็ปกคลุมไปด้วยพลังมายา ในเวลานี้ก็ราวกับว่าพลังมายารอบบริเวณกำลังก่อตัวรวมกันตรงหน้าเขาและค่อย ๆ ควบแน่นกลายเป็นก้อนพลังมายาขนาดใหญ่

“รีบเข้าไปหยุดเขาไว้เร็วเข้า !”

อู่เหวินยงสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่อัดแน่นในก้อนพลังมายานั้นและตะโกนกร้าวทันทีในขณะที่เขาล้มเลิกการต่อสู้กับฉินอวี้โม่และหันไปโจมตีหานโม่ฉือแทน

“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่มีทางปล่อยให้อู่เหวินยงแยกตัวออกไปและเข้าไปขวางตรงหน้าอีกฝ่ายทันที เซิ่งเซียวและอวิ๋นซื่อเทียนก็ช่วยขัดขวางจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ไว้โดยโยนระเบิดพลังมายาออกไปรอบทิศทางเพื่อมิให้คนเหล่านั้นทำตามแผนการได้สำเร็จ

“ฉินอวี้โม่ หากเจ้าทำลายแผนของเราที่นี่ ผู้นำของเราไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ !”

อู่เหวินยงซึ่งถูกฉินอวี้โม่หยุดยั้งและไม่สามารถแยกตัวออกไปตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการข่มขู่

“ฮ่า ๆ ๆ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอยู่แล้ว คิดว่าข่มขู่ข้าแล้วจะมีประโยชน์อะไรงั้นรึ ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มเยาะและมองอู่เหวินยงด้วยแววตาเย้ยหยันราวกับกำลังมองคนโง่เขลา

“โง่ชะมัด ต่อให้เราไม่ทำลายแผนการของที่นี่ ผู้นำของเจ้าก็ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปอยู่ดี นี่เจ้ามีชีวิตอยู่มานานจนสมองเสื่อมไปแล้วรึ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวเยาะเย้ยเช่นกันส่งผลให้ใบหน้าของอู่เหวินยงแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมและแทบกระอักเลือดด้วยความเกรี้ยวโกรธ

เวลานี้ กระบวนท่าของหานโม่ฉือก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและพลังมหาศาลที่อัดแน่นภายในนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจที่แทบไม่เหลือความสามารถในการต่อสู้และสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“รับไปซะ !”

เขาเอ่ยออกมาเพียงสั้น ๆ และก้อนพลังมายาที่ก่อตัวตรงหน้าก็พุ่งตรงเข้าใส่ก้อนพลังสีดำประหลาดอย่างรวดเร็ว

“บัดซบ !”

อู่เหวินยงตะโกนกร้าวด้วยความฉุนเฉียวทว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทำได้เพียงมองดูก้อนพลังทั้งสองปะทะกันตรงหน้า