ตอนที่ 1052 กลิ่นอายที่น่าอึดอัด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังจากทำลายโครงกระดูกของหมิงหวงได้สำเร็จ คณะจอมยุทธ์ทั้งสี่ก็หยุดพักชั่วคราวก่อนออกเดินทางต่อไปยังจุดที่ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่ามีพลังแห่งความตายหนาแน่นที่สุด

แม้ขอบเขตของการรับรู้จะมีอยู่อย่างจำกัด ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงพลังแห่งความตายได้อย่างชัดเจนในทางทิศใต้จากจุดที่อยู่ในตอนนี้และมันเป็นพลังที่รุนแรงจนแม้แต่นางก็แทบหายใจติดขัด

จากนั้นทั้งสี่ก็เดินหน้าต่อไปด้วยความระมัดระวังที่เพิ่มมากขึ้น

ความแข็งแกร่งของหมิงหวงก่อนหน้านี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ทว่าในสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทรงพลังกว่านี้อีกมากมายหลายชนิด หากประจันหน้ากับอสูรที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ด้วยความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และคณะ พวกนางก็อาจจะรับมือไม่ได้ง่ายนัก

ระหว่างเดินทาง พวกนางก็ไม่เผชิญหน้ากับวิกฤตใดอีกและเวลาล่วงเลยมาจนถึงตกดึกอย่างรวดเร็ว

ยามดึกดื่นของสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ก็มืดสลัวและมีม่านหมอกปกคลุมไปทั่วซึ่งเสริมบรรยากาศให้ดูแปลกประหลาดและน่าขนลุกได้ไม่น้อย

หานโม่ฉือจับมือฉินอวี้โม่ไว้แน่นในขณะที่เซิ่งเซียวและอวิ๋นซื่อเทียนเดินติดกับทั้งสองด้วยสีหน้าระแวดระวัง

ราวกับว่าในสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากพวกนาง แม้หลังจากเดินหน้าสำรวจเป็นเวลานาน ทุกคนก็ไม่สัมผัสถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใด ๆ

คนอื่น ๆ ที่แยกกลุ่มกันออกไปก็เผชิญกับวิกฤตในส่วนของตนเช่นกัน ทว่าพวกเขาก็สามารถรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างได้และยังคงปลอดภัยดี

ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่และคนทั้งสามเริ่มรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ระวังตัวด้วยนายหญิง พวกเราน่าจะอยู่ใกล้แล้ว”

แม้แต่บรรดาอสูรมายาในคฤหาสน์เฟิงหัวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ ปกติแล้วพวกมันมักจะไม่เกรงกลัวสิ่งใดและเพียงอาศัยอยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างไร้กังวล การที่พวกมันกล่าวเตือนเช่นนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทรงพลังเพียงใด

สภาพแวดล้อมโดยรอบเริ่มเปลี่ยนแปลงไปและพื้นดินราบเรียบปรากฏขึ้นมาตรงหน้าซึ่งกว้างใหญ่จนมองไม่เห็นขอบเขตรอบนอกในแวบแรกด้วยซ้ำ

บนพื้นราบตรงหน้าเต็มไปด้วยกองซากศพจำนวนมากและตรงกลางคือกลุ่มคนนับร้อยชีวิตที่ยังมิอาจคาดเดาได้ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด

คนเหล่านั้นสวมอาภรณ์เป็นเครื่องแบบเหมือนกันซึ่งก็คือเสื้อคลุมสีดำพร้อมด้วยผ้าโพกศีรษะและหน้ากากสีดำสนิท พวกเขาเหล่านี้คือสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจนั่นเอง

“ฮ่า ๆ ๆ ฉินอวี้โม่ มาเร็วทีเดียวนี่!”

น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และคนทั้งสาม เจ้าของเสียงนี้ก็คืออู่เหวินยง—ผู้นำตระกูลอู่เหวินแห่งเมืองราชวงศ์ที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจที่เมืองราชวงศ์ก่อนหน้านี้นั่นเอง

“อู่เหวินยง ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง !”

ฉินอวี้โม่เงยหน้ามองไปยังอู่เหวินยงที่อยู่ไม่ไกลนักด้วยแววตาที่แสดงจิตสังหารอย่างชัดเจน

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าเอง ทำไมกัน ? เจ้าแปลกใจที่ได้พบข้าที่นี่รึ ?”

อู่เหวินยงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นับตั้งแต่ได้รับการช่วยชีวิตจากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจในครานั้น เขาก็ไม่ได้กลับไปที่ฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจ หากแต่เป็นนิกายหมื่นบุปผาซึ่งเป็นสถานที่ประจำการชั่วคราว และเมื่อมีสิ่งที่ต้องจัดการในสมรภูมิรบโบราณ เขาจึงเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคนของจอมยุทธ์ปีศาจอีกครั้ง

ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็ไม่ได้โกหกหลอกลวงเขาเลย ทันทีที่อู่เหวินยงเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจอย่างเป็นทางการ เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของขุมกำลังซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับความเคารพอย่างสูง

“ฮ่า ๆ ๆ ไม่แปลกใจหรอก วันนั้นเราปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ ทว่าวันนี้เจ้าจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป !”

ฉินอวี้โม่คลี่ยิ้มบาง ๆ และแสดงจิตสังหารที่ชัดเจนอย่างไม่ปิดบัง

ความแข็งแกร่งของอู่เหวินยงถือว่าอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ทว่ามันก็ไม่ยากที่ฉินอวี้โม่จะจัดการด้วยไพ่ตายมากมายที่นางมี ในการต่อสู้ที่เมืองราชวงศ์ก่อนหน้านี้ พวกนางก็ยังคงยั้งมือไว้และไม่แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างช่วงที่ผ่านมา หานโม่ฉือก็ทะลวงพลังได้สำเร็จอีกคราและตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งที่สามารถกดข่มอู่เหวินยงได้แล้ว

“ยโสโอหังยิ่งนัก ! การที่พวกเจ้ามีกันแค่สี่คน ยังคิดที่จะฆ่าข้าอีกงั้นรึ ช่างเพ้อฝันสิ้นดี ! ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้วก็จงกลายเป็นหุ่นเชิดของข้าเถอะ ด้วยพรสวรรค์และพลังของพวกเจ้า พวกเจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน”

อู่เหวินยงโบกมือเล็กน้อยก่อนเงาทะมึนสีดำจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนอากาศ

เงาสีดำเหล่านั้นล้วนเป็นซากศพที่ถูกฟื้นคืนชีพโดยวิธีการที่พิเศษของจอมยุทธ์ปีศาจซึ่งแต่ละตนล้วนมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าหมิงหวงและอาจแข็งแกร่งมากกว่าด้วยซ้ำ

เงาสองร่างในกลุ่มนั้นเป็นร่างที่ฟื้นคืนชีพจากซากศพมนุษย์ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน หากมิใช่เพราะไร้สัญญาณของชีวิต ผู้ที่หลับตาลงก็อาจเชื่อได้ไม่ยากว่าพวกมันเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่

“สังหารพวกนางให้ข้า !”

อู่เหวินยงสั่งการทันทีเพื่อให้เงาทะมึนทั้งสี่ตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ

“ท่านแม่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง ท่านรีบเข้าไปขัดขวางจอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นเถอะ”

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เสียงของหานอวี้ดังขึ้นก่อนมันก้าวออกมาพร้อมกับอสูรอีกหลายตัว

เห็นได้ชัดว่าฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจกำลังจดจ่อกับการฟื้นคืนชีพซากศพบนพื้น ยิ่งพวกเขามีเวลามากเพียงใด สิ่งมีชีวิตที่ถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็จะเพิ่มมากขึ้นเพียงนั้น และพวกนางจะต้องขัดขวางให้ได้โดยเร็วที่สุด

ฉินอวี้โม่และทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อยและตรงเข้าไปยังจุดที่สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจนับร้อยกำลังรวมตัวกันอย่างไม่ลังเล

“หยุดพวกนางไว้ !”

อู่เหวินยงโบกมือพร้อมตะโกนกร้าวและสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจนับสิบคนก็รีบออกไปขวางหน้าฉินอวี้โม่และอีกสามคนไว้ทันที

“ดูนั่นเร็ว ตรงนั้นมีก้อนพลังสีดำที่แผ่พลังประหลาดออกมา และมันยังเชื่อมโยงเข้ากับซากศพพวกนั้นอีกด้วย”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวขึ้นทันทีที่สังเกตเห็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่สีดำซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานสีดำและลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางคนนับร้อยเหล่านั้น

“ทำลายก้อนพลังสีดำนั่นซะและพวกเขาจะฟื้นคืนชีพซากศพเหล่านั้นไม่ได้อีก”

ฉินอวี้โม่แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจและมีความคิดผุดขึ้นมาทันที แม้ไม่ทราบว่าวัตถุสีดำประหลาดดังกล่าวคือสิ่งใด นางก็คาดว่าตราบใดที่ทำลายมันสำเร็จ แผนการของจอมยุทธ์ปีศาจก็จะล้มเหลวเช่นกัน

“เอาระเบิดของข้าไปกิน !”

ในตอนนี้อวิ๋นซื่อเทียนก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไปและระเบิดพลังมายาหลายลูกปรากฏในมือของนางก่อนโยนออกไปยังทิศทางของก้อนพลังสีดำดังกล่าว

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน !”

อู่เหวินยงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของอวิ๋นซื่อเทียน ทว่าไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ ในทางตรงกันข้าม เขาเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน

ตูมมม !

ระเบิดพลังมายาระเบิดออกกลางอากาศโดยที่ไม่สามารถทำอะไรก้อนพลังสีดำได้เลย แม้ว่าแรงระเบิดจะกวาดออกไปรอบบริเวณและทำให้สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจจำนวนหนึ่งกระเด็นลอยออกไป อย่างไรก็ตาม ก้อนพลังสีดำยังคงหมุนตัวกลางอากาศและไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดเหล่านั้นแม้แต่น้อย

“นี่มันอะไรกัน ?!”

อวิ๋นซื่อเทียนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง นางทราบถึงพลังของระเบิดพลังมายาดีที่สุดและสิ่งที่นางโยนออกไปเมื่อครู่เป็นระเบิดพลังมายารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเสริมพลังมาแล้ว แม้แต่จอมยุทธ์ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของมันได้ เมื่อครู่นี้นางก็ต้องการใช้มันเพื่อระเบิดทำลายก้อนพลังประหลาดกลางอากาศ ไม่คิดเลยว่าระเบิดพลังมายาที่ทรงอำนาจของนางจะทำอันตรายต่อวัตถุทรงกลมไม่ได้แม้แต่น้อย

“มีอาคมบางอย่างอยู่รอบ ๆ ก้อนพลังสีดำนั้นซึ่งเป็นอาคมที่ทรงพลังมากและยากที่จะทำลายได้”

ฉินอวี้โม่แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจและต้องขมวดคิ้วทันที

ก้อนพลังสีดำนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยพลังประหลาดบางอย่างที่ทำให้หัวใจของนางหวาดหวั่นไม่น้อยและพลังดังกล่าวก็ก่อตัวเป็นอาคมที่เปรียบเสมือนกับม่านป้องกัน ด้วยความแข็งแกร่งของพวกตนในตอนนี้ ฉินอวี้โม่ตระหนักดีว่าไม่สามารถทำลายมันได้ง่าย ๆ

“เหอะ จะทำลายได้หรือไม่ก็คงต้องลองดู !”

อวิ๋นซื่อเทียนไม่ปักใจเชื่อและยังคงโยนระเบิดพลังมายาอีกหลายลูกเข้าไป น่าเสียดายที่ก้อนพลังสีดำยังคงไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ในทางกลับกัน สมาชิกฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจหลายคนก็พยายามขวางระเบิดของอวิ๋นซื่อเทียนไว้ส่งผลให้พวกเขารับแรงระเบิดเข้าไปอย่างจังและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในทันที

“อย่าเสียเวลาเลย ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะทำลายพลังป้องกันของมันได้ จงหลับตารอรับความตายแต่โดยดีเถอะ พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานมากเกินไป”

อู่เหวินยงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและน้ำเสียงแสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

นี่คือแผนการที่จอมยุทธ์ปีศาจเตรียมความพร้อมมาเนิ่นนานและเป็นธรรมดาที่ทุกอย่างจะราบรื่น ต่อให้จ้าวสำนักเมฆาครามมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาก็อาจจะหยุดยั้งฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจไว้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับฉินอวี้โม่และคนทั้งสามที่ยังไม่บรรลุพลังในระดับสูงสุดด้วยซ้ำ !