บทที่ 1,030 เจ้าแห่งคำสาป
บทที่ 1,030 เจ้าแห่งคำสาป
หลังจากผ่านไป 10 ปี ดวงวิญญาณของยักษ์หัวกระทิงที่เคยเหนือล้ำก็กลายเป็นอ่อนแอไม่ต่างอะไรกับของคนธรรมดา ส่วนพลังทุกอย่างของมันก็ถูกดูดออกไปจนหมด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงปล่อยศีรษะของมัน
ยักษ์หัวกระทิงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนราวกับใกล้จะตาย “ในที่สุดข้าก็ชนะ!”
แม้กระทั่งตอนนี้มันก็ยังไม่รู้ตัวว่าที่ผ่านมามันตกอยู่ในภาพมายาที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น มันคิดว่า 10 ปีที่ผ่านมามันได้สู้กับหลิงยู่ชานอย่างสุดฤทธิ์ จนในที่สุดวันนี้มันก็สามารถทำลายดวงวิญญาณของหลิงยู่ชานได้อย่างหมดจด
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ยักษ์หัวกระทิงด้วยสายตาเย้ยหยัน จากนั้นเขาพูดว่า “นี่ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาข้ายังคงต้องการบาปจำนวนมหาศาลที่ยังคงอยู่ในตัวเจ้า ป่านนี้ลมหายใจของเจ้าคงดับไปแล้ว!”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงเรียกให้โจวจื่อซินเข้ามาใกล้ ๆ และให้นางดึงบาปจากร่างของยักษ์หัวกระทิงมาบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษา
ดอกบัวเพลิงพิพากษาดึงบาปจากร่างของยักษ์หัวกระทิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนเมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 เดือน บาปในร่างของยักษ์หัวกระทิงก็ถูกดูดออกไปจนหมด และดอกบัวเพลิงพิพากษาก็พัฒนาเป็นระดับ 7
เมื่อไม่มีบาปหลงเหลืออยู่ในร่างแล้ว เพลิงบาปลงทัณฑ์สีแดงฉานที่เผาไหม้ร่างของยักษ์หัวกระทิงก็สลายหายไป หรือต่อให้เพลิงจะยังคงอยู่มันก็ไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
“ที่แท้ข้าก็ตกอยู่ในภาพลวงตาที่เจ้าสร้างขึ้นมาตลอด!” ยักษ์หัวกระทิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่
ในตอนนี้มันรู้หมดแล้วว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะรู้แล้วแต่มันก็ไม่มีสิ่งใดที่มันสามารถทำอะไรได้อีก
“เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะได้ไปเกิดใหม่!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “ข้าหวังว่าในชีวิตต่อไปเจ้าคงไม่มีบาปมากมายขนาดนี้อีก!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงปลิดชีวิตยักษ์หัวกระทิงทันทีและส่งให้มันไปเกิดใหม่
เมื่อจบเรื่องกับยักษ์หัวกระทิง หลิงตู้ฉิงก็ส่งหลิงยู่ชานกลับเข้าไปในโลกของเขาเหมือนเดิม และพาโจวจื่อซินเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนแห่งบาปเพื่อตามหาตัวตนที่คล้ายกับยักษ์หัวกระทิง
แน่นอนว่าเมื่อเขาเจอกับตัวตนที่คล้ายกับยักษ์หัวกระทิงเมื่อไหร่ เขาก็จะทำเหมือนเดิมแบบที่ทำกับยักษ์หัวกระทิง ซึ่งก็คือดูดพลังของตัวตนเหล่านั้นให้กับครอบครัวของเขาและให้โจวจื่อซินดึงบาปออกจนหมด จากนั้นเขาจะทำการปลิดชีพส่งไปเกิดใหม่
ดินแดนแห่งบาปนั้นเป็นแหล่งรวมของตัวตนที่ชั่วช้าสามานย์มากมาย
สาเหตุที่ตัวตนเหล่านี้ถูกคุมขังอยู่ที่นี่เป็นเพราะถึงแม้ว่าพวกมันจะสร้างความผิดอันใหญ่หลวงเอาไว้ แต่ความผิดของพวกมันก็ยังไม่ถึงขั้นที่สวรรค์และโลกจะสังหารพวกมันด้วยตัวเอง
ดังนั้นตราบใดที่พวกมันชดใช้กรรมโดยการโดนเพลิงบาปลงทัณฑ์เผาไหม้เผาบาปในร่างกายของพวกมันจนหมดเมื่อไหร่ พวกมันก็จะได้รับการปล่อยตัว
อย่างไรก็ตามบางตัวตนนั้นมีบาปมากเกินไป ดังนั้นต่อให้ผ่านไปล้านปี บาปของมันก็ยังถูกชำระล้างออกไปไม่หมด พวกมันจึงยังคงต้องทนทรมานกับเพลิงบาปลงทัณฑ์ต่อไป
“สามี ดอกบัวเพลิงพิพากษาของข้าตอนนี้ใกล้จะทะลวงไปถึงระดับ 9 แล้ว!” โจวจื่อซินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านางจะบอกว่ามันใกล้ทะลวงไปถึงระดับ 9 แล้ว แต่การทำให้ดอกบัวเพลิงพิพากษากลายเป็นระดับ 9 ไม่ง่ายขนาดนั้น นางจะต้องใช้บาปจำนวนมากกว่าที่นางเคยรวบรวมมาได้เพื่อทำลายกำแพงระดับที่ขวางเอาไว้ระหว่างระดับ 8 และ 9 ซึ่งกำแพงระดับนี้เป็นกำแพงที่นับได้ว่าหนาที่สุดมากกว่าทุกระดับหลายเท่า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาพานางมุ่งไปหาตัวตนผู้หนึ่งที่ถูกโซ่นับร้อยเส้นพันเอาไว้
หากนับจากจำนวนโซ่ที่พันร่างของตัวตนผู้นี้เอาไว้ ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าตัวตนผู้นี้เหนือล้ำกว่าตัวตนอื่น ๆ ที่อยู่ในดินแดนแห่งบาปทั้งหมด
ทันทีที่ตัวตนที่ถูกโซ่ล่ามลืมตาขึ้น อักขระเต๋ามากมายก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาที่ส่องประกายพุ่งเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินทันที
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจพร้อมกับโบกมือปัดอักขระเต๋าทั้งหมดให้สลายหายไป และพูดว่า “เจ้าไม่อยากจะหลุดพ้นจากคำสาปของเจ้าเองงั้นเหรอ?”
“เป็นเจ้า! เจ้ามันไอ้สารเลว! หากไม่ใช่เพราะเจ้าเอาคำสาปของข้าไปใช้งาน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมารับกรรมที่นี่แบบนี้! เจ้าเอาคำสาปของข้าไปสร้างความวุ่นวายมากมายจนผลกรรมมันย้อนมาหาตัวข้าจนข้าต้องมานั่งชดใช้กรรมที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น”
คนผู้นี้ที่หลิงตู้ฉิงกำลังคุยด้วยคือ โจวหยู่ เขาคือผู้สร้างคำสาปทั้งหลายที่หลิงตู้ฉิงชอบนำมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น คำสาปสังเวยโลหิตที่หลิงตู้ฉิงเคยถ่ายทอดให้กับหมิงยู่ ซึ่งการจะใช้มันหมิงยู่จำเป็นต้องสังเวยโลหิตให้กับโจวหยู่ นางถึงจะสามารถสำแดงอำนาจของคำสาปได้
ในอดีต หลิงตู้ฉิงเคยใช้คำสาปของโจวหยู่สังหารคนอยู่หลายครั้ง ดังนั้นผลกรรมมันจึงวนมาถึงโจวหยู่ ซึ่งเป็นผู้สร้างคำสาปด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงโทษหลิงตู้ฉิงแบบนี้
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ทุกอย่างมันเริ่มจากที่เจ้าต้องการหาประโยชน์เข้าตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นการที่เจ้าต้องแบกรับส่วนแบ่งของผลกรรมที่ตามมามันก็สมเหตุสมผลแล้ว ผู้คนมากมายสังเวยสิ่งต่าง ๆ มากมายให้กับเจ้าเพื่อแลกกับการยืมพลังหนึ่งในสิบส่วนของเจ้า ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นจากพลังของเจ้าทั้งนั้น แล้วแบบนี้ถ้าเจ้าไม่ผิดใครกันที่ผิด? ฉะนั้นอย่าได้มาอ้างว่าเจ้าคือผู้บริสุทธิ์แบบนี้”
“ข้าเป็นเพียงผู้สนองความต้องการของเหล่าผู้คนเท่านั้น ข้าผิดตรงไหน!” โจวหยู่ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าไม่ยินยอม “ว่าแต่เจ้ามาที่นี่ต้องการอะไรบอกมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้ามาที่นี่เพราะจะมาแบ่งบาปของเจ้าไปสักหน่อย ถึงแม้ว่ามันไม่มากนักถ้าเทียบกับจำนวนที่เจ้ามีอยู่ตอนนี้ แต่มันก็คงพอทำให้เจ้ารู้สึกเบาลงได้บ้าง หรือถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากเพลิงบาปลงทัณฑ์โดยการส่งเจ้าไปเกิดใหม่ได้ เพื่อเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ เจ้าสนใจรึเปล่าล่ะ?”
โจวหยู่หัวเราะราวกับคนเสียสติอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าชินแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องมาช่วยเหลือข้า ต่อให้ไอ้เพลิงสารเลวนี่จะเผาข้าไปอีกสักล้านปี ข้าก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกแล้ว และอีกอย่างข้าอยากจะรู้ว่าในท้ายที่สุดสวรรค์ต้องการอะไรจากข้ากันแน่!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว จากนั้นเขาให้โจวจื่อซินดึงบาปออกจากร่างของโจวหยู่มาบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษาของนาง ซึ่งผ่านไปไม่นานสัญญาณการทะลวงระดับไประดับ 9 ของดอกบัวเพลิงพากษาก็เริ่มสำแดงให้เห็น
“บาปของเจ้าช่างเข้มข้นจริง ๆ เจ้าน่าจะเป็นตัวตนอันดับหนึ่งในที่แห่งนี้ที่มีบาปเยอะที่สุดแน่นอน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
คำกล่าวของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย หากเป็นตัวตนอื่น ๆ เมื่อถูกส่งมาคุมขังอยู่ที่แห่งนี้บาปของพวกมันจะไม่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว และนับวันมีแต่จะน้อยลงด้วยซ้ำจากการถูกชำระล้างโดยเพลิงบาปลงทัณฑ์
แต่ในทางกลับกัน โจวหยู่นั้นไม่ใช่ ยิ่งเขาอยู่ไปนานเท่าไหร่ บาปของเขาจะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เพราะคนในโลกภายนอกบางส่วนยังคงใช้คำสาปของเขาในการเข่นฆ่าชีวิตอยู่ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุทำให้บาปของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนในทุก ๆ วันที่ดำเนินไป หรือถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือบาปของเขาไม่มีวันหมดลง และเขาคงไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้ตลอดกาล
เมื่อเห็นดอกบัวเพลิงพิพากษาของโจวจื่อซิน โจวหยู่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่ถ้าหากไม่เป็นเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่างของข้า ข้าคงชิงไอ้ดอกบัวนั่นที่คนของเจ้าครอบครองอยู่มาแล้ว สมบัติที่มีคุณสมบัติเช่นนี้นับได้ว่าล้ำค่าเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในดินแดนแห่งบาป เจ้าควรจะปกปิดมันเอาไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นที่หมายปองอันดับหนึ่งจากทุกตัวตนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นแทนข้าหรอก” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ