บทที่ 1,029 ดูดกลืนทุกสิ่ง
บทที่ 1,029 ดูดกลืนทุกสิ่ง
เมื่อในอดีตเกือบ 30,000 ปีที่แล้ว หลิงตู้ฉิงได้พบกับดอกบัวเพลิงพิพากษาที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
ในตอนนั้นเขาได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการเข้ามายังดินแดนแห่งบาปกับดอกบัวเพลิงพิพากษา ซึ่งดอกบัวก็ได้ตอบแทนเขาโดยการให้เมล็ดพันธุ์กลับมา และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมตอนนี้ดอกบัวเพลิงพิพากษาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“สหายเต๋า ท่านมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไรงั้นเหรอ?” ดอกบัวเพลิงพิพากษาเอ่ยถามหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ภรรยาของข้าจำเป็นต้องเพิ่มระดับดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางให้ขึ้นไปถึงระดับ 9 หรือมากกว่า ซึ่งดินแดนแห่งบาปเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ภรรยาของข้าจะสามารถบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางให้พัฒนาระดับไปถึงขั้นนั้นได้ และอีกอย่างในสถานที่แห่งนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ตัวข้าเองกำลังตามหาอยู่”
ดอกบัวเพลิงพิพากษาถอนหายใจ “สิ่งมีชีวิตแทบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่แปดเปื้อนไปด้วยบาป ถึงแม้ว่าพวกเขาบางส่วนจะมีมลทินเพราะโชคชะตาบีบบังคับ แต่ส่วนใหญ่ล้วนมีบาปเพราะความเต็มใจของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าสหายเต๋าจะมีจุดมุ่งหมายอะไร หากเป็นไปได้ท่านอย่าได้ปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้ออกไปข้างนอกเลยจะดีที่สุด”
สาเหตุที่ดอกบัวเพลิงพิพากษาจำเป็นต้องพูดเช่นนี้ เพราะมันรู้ดีว่าโจวจื่อซินจำเป็นต้องใช้บาปในสถานที่แห่งนี้ในการบ่มเพาะ ซึ่งการทำเช่นนั้นมันหมายถึงว่าบางครั้งโจวจื่อซินอาจจะจำเป็นต้องไปดึงบาปออกร่างของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มาบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางเอง
ต้องรู้เอาไว้ว่าเงื่อนไขการออกไปจากที่นี่ได้ของสิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่ก็คือบาปในตัวของพวกมันต้องไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ดังนั้นเมื่อนางไปดึงบาปออกจากร่างของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ออกมาจนหมดเพื่อเอามาบ่มเพาะ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะกลายเป็นไร้ซึ่งบาป และนั่นจะทำให้พวกมันสามารถออกไปจากที่นี่ได้ทันที และนั่นจะกลายเป็นหายนะสำหรับโลกภายนอก เพราะสิ่งที่โจวจื่อซินทำนั้นเป็นเพียงแค่การล้างบาปออกไปไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจที่หยาบช้าของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นให้ดีขึ้นตาม พวกมันยังคงมีสันดานที่ชั่วร้ายเหมือนเดิม และเมื่อออกไปโลกภายนอกพวกมันก็จะไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากสร้างวุ่นวายแค่เพียงอย่างเดียว
นี่คือสิ่งที่ดอกบัวเพลิงพิพากษากังวล
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาโจวจื่อซินเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนแห่งบาปต่อ และไปหยุดตรงหน้ายักษ์ตัวหนึ่งที่มีศีรษะเป็นกระทิง
ยักษ์ตนนี้ที่มีศีรษะเป็นกระทิง มีร่างกายใหญ่ขนาดพอ ๆ กับภูเขาลูกหนึ่ง ร่างกายของมันทุกส่วนถูกตรึงแน่นเอาไว้ด้วยโซ่ขนาดยักษ์หลายสิบเส้น ซึ่งโซ่แต่ละเส้นแข็งแกร่งพอที่จะคร่ากุมตัวตนระดับจักรพรรดิเทพได้แบบสบาย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นทั่วร่างของมันยังมีเพลิงบาปลงทัณฑ์ลุกท่วมไปทั่วส่งผลให้มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
มอออ ~ ~
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินเข้ามาใกล้ ยักษ์หัวกระทิงกระทืบเท้าของมันอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าชั่วร้าย ส่งคลื่นกระแทกอันรุนแรงกวาดไปหาหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินทันที
หลิงตู้ฉิงเอาตัวของเขาบังโจวจื่อซินเอาไว้พร้อมกับสร้างม่านพลังของร่างเบญจธาตุต้านทานคลื่นกระแทกที่กวาดเข้ามา
“เจ้าอยากตายงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามกลับ
ยักษ์หัวกระทิงหัวเราะลั่นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นมันเอ่ยว่า “ใครหน้าไหนมันจะฆ่าข้าได้? แม้แต่สวรรค์ยังทำได้แค่คุมขังข้าไว้ที่นี่ได้เพียงอย่างเดียว และใช้ไอ้เพลิงเวรนี่ทรมานข้า ซึ่งจนบัดนี้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ข้ายังคงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย! ต่อให้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะเทียบได้กับจักรพรรดิเทพ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าความแข็งแกร่งของเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากสุนัขตัวหนึ่งเมื่อเทียบกับข้า!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว หากสวรรค์อยากให้เจ้าตาย เจ้าจะไม่มีทางต้านทานอะไรได้เลย ตอนนี้ที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นเพราะสวรรค์ไม่ลำเอียง ไม่ว่าผู้ใดจะชั่วช้าสักแค่ไหนสวรรค์ยังคงให้โอกาสทุกชีวิตดำรงอยู่ต่อไปได้เพื่อหวังว่าจะให้สำนึกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงเจ้าด้วย แต่จากที่ข้าดูเจ้าในตอนนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานแต่เจ้าก็ไม่ได้สำนึกอะไรเลยใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้ผิด ทำไมข้าต้องสำนึก?” ยักษ์หัวกระทิงตวาดกลับ
“ก็ดี! ในเมื่อเจ้าไม่สำนึก งั้นข้าจะได้ฆ่าเจ้าได้โดยที่ไม่ผิดอะไร!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงปล่อยหลิงยู่ชานออกจากโลกของเขา และพูดว่า “ชาน ไอ้เจ้ากระทิงตัวนี้บ่มเพาะเต๋าแห่งพละกำลัง และสายเลือดของมันนับได้ว่าเหนือล้ำกว่าสายเลือดทุกสายเลือดที่เจ้าเคยดูดซับเข้าไป หากเจ้าดูดกลืนเต๋าและสายเลือดของมันเข้าไป ในอนาคตต่อให้เจ้าจะไม่ได้ใช้อาวุธเต๋าเจ้าก็สามารถใช้ร่างกายของเจ้าเพียงอย่างเดียวเอาชนะทุกคนบนโลกได้ไม่ยาก”
“ท่านพ่อ มันแข็งแกร่งเกินไป ข้าคงดูดกลืนมันไม่ได้หรอก!” หลิงยู่ชานส่ายหัวด้วยสีหน้าหดหู่
ตอนนี้เขาเพิ่งอยู่ในขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ แต่ยักษ์หัวกระทิงตัวนี้อย่างน้อย ๆ ก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดแน่นอน
หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาเรียกง้าวเทวะพินาศมาและตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะเต๋าแห่งพละกำลังและพลังความแข็งแกร่งในสายเลือดของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าข้าไม่ให้สำแดงออกมาได้ทั้งหมด!”
เขตแดนประกาศิตในตอนนี้ไม่เหมือนก่อนอีกแล้ว มันไม่ใช่แค่เพียงโมฆะเต๋าได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถโมฆะพลังต่าง ๆ รวมไปถึงพลังของสายเลือดได้อีกต่างหาก นี่คือการพัฒนาไปมากกว่าในชีวิตที่แล้วของตัวเขาเอง
เมื่อไม่มีเต๋าแห่งพละกำลังเกื้อหนุนแถมยังไม่สามารถใช้พลังสายเลือดของตัวมันเองได้ ร่างอันใหญ่ยักษ์ของยักษ์หัวกระทิงก็ล้มลงกับพื้นทันทีด้วยท่าทีอ่อนเปลี้ย
ตอนนี้สีหน้าของยักษ์หัวกระทิงเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก มันอยากจะพูดอะไรกับหลิงตู้ฉิงบางอย่างแต่มันก็ไม่สามารถเอ่ยปากออกมาได้ เพราะมันไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่แม้แต่จะขยับปากของมัน
อย่างไรก็ตาม มันยังเหลืออีกวิธีหนึ่งในการสื่อสาร ซึ่งก็คือทางโทรจิต
มันส่งโทรจิตตวาดไปยังหลิงตู้ฉิงทันที “นี่เจ้าทำบ้าอะไรกับข้า!”
“ก็เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้าไม่มีวันตาย เจ้าจะกลัวไปทำไม?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าหลังจากที่ข้าสูบพลังของเจ้าออกไปหมดแล้ว เจ้าจะไม่ตายเหมือนอย่างที่เจ้าพูดรึเปล่า?”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาหลิงยู่ชานเดินไปที่ตรงหน้ายักษ์หัวกระทิง จากนั้นหลิงตู้ฉิงยื่นมือซ้ายไปจับที่หัวของยักษ์หัวกระทิง ส่วนมือขวาแตะค้างที่หน้าผากของหลิงยู่ชาน จากนั้นเขาเริ่มทำการถ่ายเทเต๋าและสายเลือดของยักษ์หัวกระทิงไปให้กับหลิงยู่ชาน
“รนหาที่ตาย!” ยักษ์หัวกระทิงตวาดลั่น จากนั้นมันใช้พลังจิตของมันเองพุ่งไปโจมตีทั้งหลิงตู้ฉิงและหลิงยู่ชาน
ในฐานะที่มันมีชีวิตอยู่มาเป็นล้านปี ดังนั้นดวงวิญญาณของมันย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าหลิงยู่ชาน แต่แน่นอนว่าไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าหลิงตู้ฉิง ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือพลังจิตของมันไม่สามารถทำอะไรหลิงตู้ฉิงได้เลย แต่ดวงวิญญาณของหลิงยู่ชานกลับแตกสลายในทันที
แต่แล้วภาพที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น เพราะในทันทีที่ดวงวิญญาณของหลิงยู่ชานแตกสลาย แค่เพียงชั่วพริบตาดวงวิญญาณของหลิงยู่ชานก็กลับมาประกอบกันเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยักษ์หัวกระทิงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก มันไม่ตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่เกิดกับหลิงตู้ฉิงสักเท่าไหร่เพราะมันเข้าใจดีว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่ที่มันตกตะลึงเป็นเพราะมันกลับทำอะไรดวงวิญญาณของหลิงยู่ชานไม่ได้เลยต่างหาก
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลิงยู่ชานอ่อนแอเป็นอย่างมากหากเทียบกับมันและหลิงตู้ฉิง ดังนั้นมันจึงไม่เข้าใจเป็นอย่างมากว่าทำไมมันถึงทำอะไรไอ้เด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้เลย!
เมื่อเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกของมันไม่ได้ผล มันจึงลองใหม่อีกรอบแต่รอบนี้พุ่งเป้าไปที่หลิงยู่ชานแค่เพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม ยักษ์หัวกระทิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้มันกำลังตกอยู่ภายใต้การถูกครอบงำของทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติ ซึ่งทำให้มันเข้าใจว่าในขณะนี้มันกำลังโจมตีหลิงยู่ชานอยู่แต่แท้จริงแล้วมันกำลังส่งดวงวิญญาณของมันไปประเคนให้หลิงยู่ชานดูดซับต่างหาก
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ช่วยหลิงยู่ชานดูดกลืนทั้งวิญญาณ เต๋าและพลังสายเลือดของยักษ์หัวกระทิง ซึ่งมันทำให้หลิงยู่ชานแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน