บทที่ 1,028 ดินแดนแห่งบาป
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงตั้งใจใช้อู๋เมิ่งเป็นเหยื่อทดลองความเข้าใจในเต๋าแห่งการกำเนิดใหม่ของเขา เพื่อที่เขาจะได้ไปทำให้ประตูสังสารวัฏในโลกของเขาสมบูรณ์เหมือนกับโลกที่แท้จริงที่มีกระบวนการให้สรรพชีวิตทั้งหลายสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ตามกฎที่ควรจะเป็น
แต่แล้วด้วยความไม่สมบูรณ์ของประตูสังสารวัฏ สถานการณ์อันแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้นกับอู๋เมิ่ง
อันดับแรกในทันทีที่ดวงวิญญาณของอู๋เมิ่งเข้าไปในประตูสังสารวัฏ มันถูกส่งมาเกิดใหม่ทันทีที่ตรงหน้าของหลิงตู้ฉิงด้วยสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไปไม่ใช่อีกาเหมือนเดิม แถมภายในพริบตาทั้งร่างและระดับการบ่มเพาะของมันก็กลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ต่างอะไรกับเมื่อครู่ตอนก่อนที่มันจะถูกส่งไปเกิดใหม่
“ยังคงมีความทรงจำเดิมจากชีวิตที่แล้วอย่างครบถ้วน ไม่ได้แบบนี้ไม่ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “การเกิดใหม่โดยการมีความทรงจำจากชีวิตที่แล้วหลงเหลืออยู่นับเป็นเรื่องที่ฝืนต่อกฎของธรรมชาติ”
เมื่อพึมพำกับตัวเองจบ หลิงตู้ฉิงมองไปที่อู๋เมิ่งที่กำลังแสดงสีหน้าหดหู่ถึงขีดสุด จากนั้นเขาส่งอู๋เมิ่งให้ไปเกิดใหม่อีกรอบพร้อม ๆ กับที่เขาเองก็แก้เงื่อนไขการเกิดใหม่ของโลกเขาไปด้วยให้มันเป็นในแบบที่ควรจะเป็น
จากนั้นต่อมาเมื่ออู๋เมิ่งเกิดใหม่ หลิงตู้ฉิงก็ส่งเขาไปเกิดใหม่อีกครั้งพลางแก้เงื่อนไขการเกิดใหม่ต่อ
หลิงตู้ฉิงวนเวียนทำเช่นนี้จนอู๋เมิ่งตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำ ๆ จนนับรอบไม่ได้แล้วว่าตายไปกี่หน และแต่ละครั้งที่อู๋เมิ่งเกิดมาใหม่นั้น มันได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตหลากหลายแบบแตกต่างกันไปไม่ซ้ำแบบกันเลย
หลังจากการปรับแต่งแก้ไขและทดลองจนไม่อาจนับครั้งได้ว่าผ่านไปกี่รอบ ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ได้ผลลัพธ์ในแบบที่เขาต้องการ
“ในที่สุดวงจรสังสารวัฏของโลกข้าก็สมบูรณ์แบบ ตอนนี้สิ่งมีชีวิตในโลกของข้าสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้แบบเดียวกับโลกภายนอกโดยที่ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว!”
ในตอนนี้เขาได้ทำการนำเต๋าแห่งการกำเนิดใหม่ที่ปรับแต่งเรียบร้อยแล้วของเขาเองเติมเต็มเข้าไปในประตูสังสารวัฏในโลกของเขาเรียบร้อย ซึ่งนับจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของธรรมชาติการเวียนว่ายตายเกิดของสิ่งมีชีวิตในโลกของเขาเองอีกต่อไป นับจากนี้โลกของเขาจะสามารถดูแลจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวมันเอง
หลังจากจัดการเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของโลกตัวเองเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงมองไปที่อู๋เมิ่งที่เพิ่งเกิดมาใหม่ จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า “นับว่าเจ้ามีวาสนาเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมทำให้โลกของข้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแบบนี้ นับจากนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าสร้างเผ่าของตนเองในโลกของข้าได้ และข้าขอมอบชื่อให้กับเผ่าของเจ้า ในโลกของข้าเผ่าของเจ้าจะถูกขนานนามว่า เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็จากไปปล่อยให้อีกาน้อยที่นับจากนี้มันคือต้นกำเนิดของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติของมันเอง ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตเมื่อมันเติบโตขึ้นมันจะกลายเป็นตัวตนที่เหนือล้ำกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไปแน่นอน
หลังจากจัดการเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในโลกของตัวเองเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็กลับมาปรากฏกายที่บัลลังก์ของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏอีกครั้ง
“หืม? อะไรกันทำไมเจ้ายังไม่กลับมาอีก?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นเสียงดัง
หลังจากสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏ ซึ่งกำลังอยู่ในโลกเบื้องล่างก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มกระอักกระอ่วนออกมา
ในตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าในที่สุดช่วงเวลาพักร้อนอันแสนสุขสบายมันได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
หลังจากนั้นหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏทำการเดินทางขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนทันที ซึ่งส่งผลให้การเริ่มต้นยุคแห่งการแข่งขันของโลกเบื้องล่างเริ้มต้นขึ้นอีกครั้ง
หลังจากขึ้นมาอยู่โลกเบื้องบน หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏละทิ้งร่างกายใหม่ ซึ่งอยู่ในระดับผู้สำเร็จเต๋าของตัวเองอย่างไม่ใยดีทันที และพาดวงวิญญาณของตัวเองเข้าสู่ยมโลกเพื่อเดินทางไปที่ประตูสังสารวัฏ
แน่นอนว่าทำไมเขาจะต้องใส่ใจอะไรกับร่างกายที่อยู่แค่ในระดับผู้สำเร็จเต๋าด้วย ในเมื่อที่ประตูสังสารวัฏมีร่างกายจักรพรรดิเทพรอเขาอยู่แล้วจริงไหม?
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏก็กลับมาเข้าร่างของตัวเองเหมือนเดิม และทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏต่อไป ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็จากไปทันที
ทางด้านของผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน พวกเขาไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏได้ไปเกิดใหม่และได้กลับมาแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าหลิงตู้ฉิงในตอนนี้ได้จากไปแล้ว
พวกเขารู้แค่เพียงว่าเมื่อหมื่นปีก่อน หลิงตู้ฉิงได้สู้กับหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏอย่างรุนแรงในประตูสังสารวัฏ จากนั้นก็เงียบหายไปไม่ได้ออกมาอีกเลย ซึ่งพวกเขาต่างก็เดากันไปว่าหลิงตู้ฉิงน่าจะถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ไปแล้ว
หลิงตู้ฉิง ในขณะนี้เมื่อออกมาจากประตูสังสารวัฏ เขาก็มองทางออกไปโลกเบื้องบนอยู่สักพักจากในยมโลก จากนั้นเขาส่ายหัวและมุ่งหน้าเข้าไปที่ดินแดนแห่งบาปต่อ
หลายพันปีที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน การต่อสู้ที่แม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้าก็ยังคงไม่จบลง
แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าของพวกอสูร ในที่สุดพวกมันก็งัดมหาค่ายกล ซึ่งเป็นไพ่ตายของพวกมันมากักร่างเก่าของหลิงตู้ฉิงได้สำเร็จ จากนั้นพวกมันก็รวมพลังของพวกมันทั้งหมดค่อย ๆ ทำการหลอมละลายร่างเก่าของหลิงตู้ฉิงที่ถูกตรึงอยู่กลางมหาค่ายกลเรื่อย ๆ
พวกมันไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ร่างเก่าของหลิงตู้ฉิงนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของร่างนี้เลยแม้แต่น้อย
ทางเดียวที่พวกมันจะทำลายร่างนี้ได้คือ อสูรระดับจักรพรรดิเทพทุกตนจะต้องร่วมมือกันส่งพลังไปหลอมละลายร่างเก่าของหลิงตู้ฉิงเรื่อย ๆ แค่เพียงอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของร่างระดับนิรันดร์กาลมันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายร่างนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกอสูรเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานขนาดไหนในการทำลายร่างอันไร้เทียมทานนี้
ในเวลาเดียวกัน บรรดาจักรพรรดิเทพของกองกำลังพันธมิตรก็ไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน พวกเขาต่างมองเหตุการณ์กันเฉย ๆ แม้แต่ราชันแห่งมวลมนุษย์ก็ยังมองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
ราชันแห่งมวลมนุษย์อุตส่าห์ลงทุนไปด้วยดวงวิญญาณของตัวเองครึ่งหนึ่งเพื่อให้ร่างนี้ถูกทำลาย ดังนั้นเขาจะลงมือขัดขวางการทำลายร่างนี้ได้ยังไง?
เมื่อทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ทำได้แค่มองดูอยู่สักพักจากในยมโลก จากนั้นเขาจึงเดินทางเข้าไปในดินแดนแห่งบาปทันที
ในทันทีที่เขาเข้าไปในดินแดนแห่งบาป หลิงตู้ฉิงก็ปล่อยโจวจื่อซินออกมาจากโลกของเขา
โจวจื่อซินมองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบด้านทันที ซึ่งสิ่งที่นางมองเห็นขณะนี้มันคือดินแดนรกร้างที่มีพลังงานหลายรูปแบบผันผวนยุ่งเหยิงอยู่เต็มไปหมด กฎแห่งโลกและสวรรค์ในสถานที่แห่งนี้แทบจะล่มสลายไปหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นทั่วทุกด้านรอบกายยังมีดอกบัวเพลิงสีแดงลอยอยู่เต็มไปหมดคอยปลดปล่อยเพลิงพิพากษาเพื่อชำระล้างบาปจากสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่ล่องลอยอยู่ในสถานที่แห่งนี้
โจวจื่อซินรีบเรียกดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางออกมาทันที จากนั้นนางมองไปที่เหล่าดอกบัวสีแดงจำนวนมากด้วยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับพูดว่า “สามี ข้าสัมผัสได้เลยว่าในสถานที่แห่งนี้ พลังของข้ากล้าแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า!”
ในทันทีที่นางนั่งในดอกบัวเพลิงพิพากษาของนาง นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าดอกบัวสีแดงที่ล่องลอยอยู่จะคอยเกื้อหนุนนางแน่นอนหากนางเรียกพวกมันมา
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวให้ดี ดอกบัวเพลิงพิพากษาที่เจ้าครอบครองอยู่นี้นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่ามหาศาลที่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างต้องการมันแทบทุกตน แต่ว่าเมื่อไหร่ที่มีใครบังอาจเข้ามาพยายามแย่งมันไป เจ้าสามารถฆ่าพวกตัวตนเหล่านั้นได้เลยโดยไม่ต้องยั้งมือ ไม่ว่าพวกมันจะมากันมากเท่าไหร่ เจ้าสามารถฆ่าพวกมันได้เลยทั้งหมดไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยบาป การฆ่าพวกมันจึงไม่มีผลเสียอะไรทั้งนั้น”
ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน จู่ ๆ ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นจากดอกบัวสีแดงขนาดยักษ์ ซึ่งลอยอยู่ไม่ไกล
ร่างนั้นมองมาที่หลิงตู้ฉิง และเอ่ยทักทายว่า “สหายเต๋าพวกเราได้เจอกันอีกแล้ว!”
โจวจื่อซินแสดงสีหน้างุนงง นางไม่เข้าใจว่าร่างที่คล้ายมนุษย์ผู้นี้ที่จู่ ๆ ก็ออกมาจากดอกบัวสีแดงเป็นใคร นางจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “สามีเขาเป็นใครกันงั้นเหรอ?”
“ดอกบัวเพลิงพิพากษาที่เจ้าครอบครองอยู่ตอนนี้ มันเป็นเขาที่มอบมาให้กับข้าเมื่อในอดีตยังไงล่ะ” หลิงตู้ฉิงอธิบาย