ตอนที่ 1097: ไปที่เกาะมังกรอีกครั้ง (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1097: ไปที่เกาะมังกรอีกครั้ง (1)

ใบหน้าของไป๋หยุนเทียนเต็มไปด้วยความยินีเมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉินผ่านประตูเข้ามา ความรักเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของนาง ในขณะที่มือของนางหยุดปักผ้า นางยืนขึ้นพร้อมกับชิ้นผ้าที่ยังอยู่ในมือของนางแล้วนางก็ยิ้ม “เซียงเอ๋อ พอดีเลย ลองเสื้อนี้ดูว่ามันพอดีหรือไม่ ข้าเย็บมันให้เข้ากับขนาดร่างกายของเจ้าหลังจากที่ไปซื้อผ้าชั้นดีมาจากด้านนอก”

หัวใจของเจี้ยนเฉินอบอุ่นขึ้นจากความรักของแม่ของเขา ภายนอก เขาเป็นจอมยุทธที่เย็นชาที่สั่นไหวไปทั้งทวีปได้และทำให้กองกำลังทั้งหลายหวาดกลัว แต่ที่บ้านนั้น เขาเชื่อฟังและกตัญญูมาก

“ท่านแม่ เดี๋ยวเราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันทีหลัง ข้ามีบางอย่างที่สำคัญกว่ามาก” เจี้ยนเฉินพูด หลังจากนั้น แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาและเปลี่ยนกลายเป็นหอคอยสีทองขนาดเท่ากำปั้น แสงสีทองเป็นประกายขึ้นมา แล้วไป๋เต๋าก็ปรากฏขึ้นมาในห้องทันที

“พี่ชาย ! ” ไป๋หยุนเทียนร้องออกมาทันทีเมื่อนางเห็นไป๋เต๋า ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ไป๋เต๋าก็เห็นไป๋หยุนเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ทันใดนั้นเอง เขาก็นิ่งอึ้งไปในขณะที่เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่นาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“น้องสาว มะ ไม่ใช่ว่าเจ้า… เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? ” ใบหน้าของไป๋เต๋าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สำหรับเขา น้องสาวของเขานั้นถูกสังหารไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว นางน่าจะเป็นฝุ่นธุลีไปแล้วในตอนนี้

หลังจากที่ความตายพรากน้องของเขาไปหลายปีก่อน พวกเขาก็มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันมากมายเมื่อพวกเขาได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ไป๋หยุนเทียนเผยความลับในการคืนชีพของนาง ซึ่งทำให้ไป๋เต๋าอึ้งไปทันที สายตาของเขายิ่งเต็มไปด้วยความสุขในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาลอบถอนใจ หลานของนั้นทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นจอมยุทธที่สุดยอดเท่านั้น แต่เขายังเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 อีกด้วยในเวลาเดียวกัน

ไป๋เต๋าก็พูดเรื่องที่เขาได้ไปเผชิญมาด้านนอกในหลายปีที่ผ่านมาด้วย ตั้งแต่ที่ไป๋หยุนเทียนตาย เขาก็ท่องไปในทวีปเทียนหยวนด้วยตัวคนเดียว และหาทางที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ในท้ายที่สุด เขาก็ไปพบเข้ากับสมบัติสวรรค์หลายพันปีที่มีสัตว์อสูรระดับ 6 เฝ้าอยู่ เขาได้รับมันมาหลังจากที่ไล่สัตว์อสูรไปด้วยทักษะการต่อสู้รับสวรรค์ เขาใช้มันในการตัดผ่านเป็นเซียนสวรรค์

หลังจากนั้น เขาก็ท่องต่อไปในทวีปเทียนหยวน เขาเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาสงบวิญญาณในจักรวรรดิคาร์ลและได้รับพิษเข้า เขาต้องเผชิญกับการไล่ล่าของสัตว์อสูรพิษระดับ 6 ที่ทรงพลังด้วย เขาได้ไปซ่อนอยู่ในที่อยู่เก่าของดาบพิษที่เคารพหลังจากที่เขาหนีมา วิญญาณของดาบพิษได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

ในตอนท้าย ทั้งสองก็พูดคุยและตกลงกันได้ ดาบพิษจะช่วยให้เขาล้างแค้นให้สำเร็จ และเขาต้องมอบร่างกายให้กับดาบพิษเป็นการตอบแทน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เขาจะได้พบจะยุ่งเหยิงขนาดนี้ ไม่เพิ่งแต่ดาบพิษจะถูกกำจัดไป แต่ส่วนหนึ่งของวิญญาณและความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของเขายังคงอยู่ในหัวของไป๋เต๋า ซึ่งมันมีประโยชน์กับเขาอย่างมาก

ไป๋เต๋าพูดอย่างเฉยเมย แต่ไป๋หยุนเทียนก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ไป๋เต๋าอดทนมาตลอดหลายปีนี้ น้ำตาไหลไปบนใบหน้าของนางอย่างต่อเนื่องในขณะที่นางสะอื้น “พี่ชายข้า เจ้าคงลำบากมากในหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าทำเพื่อตระกูลไป๋มากมายเหลือเกิน”

“ไม่หรอก ข้าไม่ได้ทำอะไรมาก คนที่ทำไปมากคือเซียงเทียน เขาทำลายล้างหอยามะที่กวาดล้างตระกูลของเราไปในตอนนั้น ดังนั้น การล้างแค้นก็สิ้นสุดสักที” ไป๋เต๋าอธิบายอย่างเคร่งเครียด เขาเข้าใจดีว่า เขาอาจจะต้องตายไปแล้วในตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะหลานของเขา

หลังจากนั้น ไป๋หยุนเทียนก็บอกไป๋เต๋าว่า บรรพชนของพวกเขา ไป๋ไฮนั้นสบายดี ซึ่งทำให้ไป๋เต๋าดีใจมาก

ในระหว่างคืนนั้น เจี้ยนเฉินก็กลับไปที่ห้องของเขาพร้อมแหวนมิติที่ได้มาจากเซียนผู้คุมกฎห้าคน เขาใช้เวลา 2 ชั่วยามเพื่อตรงดูแหวนมิติเป็นพันด้านใน เขาเจอเหรียญม่วงและแกนอสูรต่าง ๆ นับไม่ถ้วน มีแกนอสูรระดับ 7 หลายสิบชิ้นและยังมีแม้แต่แกนอสูรระดับ 8 อยู่ 1 ชิ้น

แกนอสูรระดับ 8 จะได้มาหลังจากที่มีสัตว์อสูรระดับเท่าเซียนราชาตายไปเท่านั้น เจี้ยนเฉินพบมันในแหวนมิติของผู้อาวุโสเงาและจากยามะคนก่อน มีเพียงจอมยุทธระดับพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเอาแกนอสูรระดับสูงแบบนั้นมาได้

เจี้ยนเฉินยังพบแม้แต่หินวิญญาณจากสวรรค์จำนวนมากในแหวนมิติของนักฆ่าคนอื่น เห็นได้ชัดว่า หินนี้ไม่ได้มีค่าสำหรับพวกเขา นักฆ่าระดับสูงทุกคนของหอยามะมีหินชิ้นเล็ก ๆ ที่สลักเป็นรูปร่างเฉพาะเพื่อใช้เป็นเหรียญยืนยันตัวตน

เจี้ยนเฉินเก็บหินวิญญาณจากสวรรค์และแกนอสูรระดับ 7 และ 8 เข้าไป เขาไม่แม้แต่มองไปที่เหรียญม่วงเลย เขาวางแผนที่จะให้มันทั้งหมดกับไป๋เหลียนในครั้งต่อไปที่เขาไปที่เมืองอัคนี

“และเมื่อคิดไปถึงตอนนั้น ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถโดยไม่สนใจตัวเอง และชีวิตอยู่บนเส้นด้ายเพื่อที่จะเอาเหรียญม่วงและแกนสัตว์อสูรระดับต่ำมา ในตอนนี้ของเหล่านั้นมันช่างไร้ค่าสำหรับข้า” เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างเฉิดฉาย ในขณะที่เขาจ้องไปที่แหวนมิติทั้งหมดที่อยู่บนพื้น เขาหัวเราะขึ้นมากับตัวเองทันที ในขณะที่เขาคิดถึงวันเก่าเก่าที่เขาสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอย่างไม่รู้ตัว

สักพักต่อมา เจี้ยนเฉินก็ตั้งสติ เขาเก็บแหวนมิติทั้งหมดจากหอยามะเอาไว้ในแหวนมิติวงเดียวที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วออกจากห้องไป เขาจ้องไปที่ท้องฟ้ามืดสนิท ในขณะที่เขาก็กระโจนขึ้นไปจากพื้นทันที เขาพุ่งออกไปที่อวกาศพร้อมกับสายลมแรงและเขาก็หายไปในพริบตา

โถงศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สีขาวเงินลอยอยู่เหนือทวีปเทียนหยวนในอวกาศ มันอยู่เหนืออาณาจักรเกอซุนพอดี แสงจันทร์สว่างและแจ่มจ้าส่องออกมารอบ ๆ โถงศักดิ์สิทธิ์ โถงกำลังดูดซับพลังแสงจันทร์

เจี้ยนเฉินพุ่งออกไปที่อวกาศเหมือนดาวหาง เขาร่อนลงอย่างมั่นคงด้านนอกของทางเข้าหลักของโถงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ ทางเข้าหลักนั้นถูกปิดสนิท เจี้ยนเฉินนั้นดูด้อยค่าไปเลยเมื่อเทียบกับทางเข้าที่โอ่อ่า เขาสูงไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ

ในตอนนี้ เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นมา ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกและหญิงงามในชุดขาวก็ปรากฏออกมา นางถือคทาและยืนอยู่เงียบ ๆ ที่ประตู

นางคือโหยวเยว่

โหยวเยว่ยิ้มหวานเมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉินที่อยู่ด้านนอกประตู นางเกี่ยวแขนเจี้ยนเฉินข้างหนึ่งอย่างคุ้นเคยและพูดออกมาเบา ๆ “เจี้ยนเฉิน อาจารย์ของข้าบอกว่าเจ้ามา แต่ข้าไม่เชื่อนางเลย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาจริง ๆ เจ้ามาหาข้างั้นหรือ ? “

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาพูดในขณะที่จ้องไปที่ใบหน้าที่ยินดีของโหยวเยว่ “เยว่เอ๋อ ข้ามาเพื่อเจอเจ้าเป็นพิเศษ การฝึกฝนนั้นน่าเบื่อมาก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าต้องฝึกคนเดียวที่อวกาศ ดังนั้นข้าจึงกำลังสงสัยว่าเจ้าจะทนความเดียวดายได้หรือไม่”

โหยวเยว่ยิ้มหวานมากกว่าเดิม นางมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างรักใคร่ “มันน่าเบื่อและเดียวดาย แต่ตราบใดที่ข้าฝึกหนัก ข้าก็จะได้ไม่ถ่วงเจ้าในตอนที่ข้าทรงพลัง ในตอนนั้น ข้าจะสามารถท่องโลกไปกับเจ้าได้”

เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้งไป เขาเครียดขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้สาเหตุ และหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และหวงหลวนก็แว่บเข้ามาในหัวเขาอย่างรวดเร็ว เขาติดหนี้โหยวเยว่มากเหลือเกิน

“เยว่เอ๋อ ข้าสัญญาว่าเมื่อข้าจัดการเรื่องของข้าหมดแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอย่างยิ่งใหญ่ในอาณาจักรเกอซุน” เจี้ยนเฉินสาบานกับโหยวเยว่ นี่เป็นอะไรที่เขาตั้งใจมาจากก้นบึ้งของหัวใจมาตั้งแต่แรก

“ตกลง ! ” โหยวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่นางยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากนั้น นางก็นั่งลงธรณีประตูและควงแขนของเจี้ยนเฉินเอาไว้ แล้วจ้องไปที่ดวงจันทร์ใหญ่

เจี้ยนเฉินและโหยวเยว่อยู่ด้วยกันที่ธรณีประตูในอวกาศที่เย็นและเงียบสงัดแล้วจ้องไปที่ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไป ในคืนนั้น ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมาก มันเป็นความเงียบที่บริสุทธิ์ ในขณะที่พวกเขากำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความรักนี้

ในวันต่อมา เจี้ยนเฉินก็จำใจลาโหยวเยว่ จากนั้นเขาก็กลับไปที่ตระกูลเจียงหยาง เขาให้เฮยยู่สร้างประตูมิติไปที่เมืองอัคนี เพื่อที่เขาจะได้เอาของจำนวนมากที่เขาได้มาจากหอยามะไปไว้ที่นั่น เขาได้อธิบายเกี่ยวกับวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับกระบี่ม่วงฟ้าอย่างละเอียดให้กับไป๋เหลียน เพื่อที่นางจะได้ใช้พลังของทั้งองค์กรเพื่อที่จะตามหาได้ทั่วทั้งทวีป เมื่อหาของเหล่านั้นพบแล้ว เขาก็สั่งให้นางซื้อของเหล่านั้นมาโดยไม่สนใจว่าจะราคาเท่าไหร

หลังจากที่บอกเรื่องที่เขาต้องการกับไป๋เหลียนไปแล้ว เจี้ยนเฉินและเฮยยู่ก็ไปที่เมืองทหารรับจ้างด้วยกัน

ไป๋เต๋ายังอยู่ที่ตระกูลเจียงหยาง เขาเพิ่งได้รับพลังส่วนหนึ่งมาจากดาบพิษที่เคารพมา ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาเพื่อที่จะดูดซับมัน หลังจากนั้นมันก็จะกลายเป็นพลังของเขา

รุยจินและหงเหลียนเข้าไปในมิติวัตุเซียน พวกเขาจะออกมาข้างเจี้ยนเฉินเมื่อเขาต้องการเท่านั้น ในขณะที่เฮยยู่คอยอยู่ด้านนอกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

เมืองทหารรับจ้างต้อนรับเจี้ยนเฉินอย่างอบอุ่นเมื่อเขาไปถึง เขาพบกับผู้อาวุโสสูงสุดได้โดยไม่ติดขัดอะไร

เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่แปลก ๆ บนตัวเทียนเจี้ยนในครั้งนี้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของเทียนเจี้ยนนั้นกำลังรั่วไหลออกไปอย่างช้า ๆ

เจี้ยนเฉินรู้ว่า เทียนเจี้ยนนั้นถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมานานแล้ว เซียนราชามีอายุขัย 6,000 ปีเท่านั้น และเทียนเจี้ยนก็เป็นเซียนราชาเมื่อห้าพันปีก่อน บวกกับเวลาที่เขาใช้ฝึกฝนก่อนที่จะเป็นเซียนราชา อายุขัย 6,000 ปีของเขาคงเหลือไม่มากแล้ว

เจี้ยนเฉินรู้สึกเศร้าลึกลึกข้างใน เทียนเจี้ยนช่วยเขามากมายเหลือเกินก่อนหน้านี้ เขาเห็นเทียนเจี้ยนเป็นเหมือนคนในครอบครัวมานานแล้ว ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะทนไม่ได้ที่จะเห็นเทียนเจี้ยนจากไป อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนชะตาของเทียนเจี้ยนได้ด้วยพลังของเขาในตอนนี้

“เจี้ยนเฉิน ข้าได้รู้เรื่องมาจากหมิงตงแล้ว ขอบคุณที่ให้โอกาสที่เยี่ยมขนาดนี้กับหมิงตง” เสื้อของของเทียนเจี้ยนปลิวไสวไปกับสายลม เขายังคงทำตัวง่าย ๆ และไม่ถือตัวเหมือนก่อนหน้านี้ แม้ว่าหมิงตงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกับเทียนเจี้ยน แต่เทียนเจี้ยนก็ยังปฏิบัติต่อหมิงงเหมือนเป็นลูกของเขาเพราะความสัมพันธ์กับบรรพชนของหมิงตง

เจี้ยนเฉินจ้องลึกเข้าไปในเทียนเจี้ยน ในขณะที่ความรู้สึกของเขานั้นสับสน เขาถอนหายใจในใจและหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องอายุขัยของเทียนเจี้ยน เขาพูด “หมิงตงเป็นพี่น้องของข้า และเราผ่านเรื่องต่าง ๆ มาด้วยกันมากมาย ข้าควรจะช่วยเหลือเขา ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน” เจี้ยนเฉินหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ “ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน ข้ามาที่นี่เพื่อเจอเถี่ยต้าโดยเฉพาะ ข้าขอถามได้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน ? “