ถังซานสือลิ่วตะลึงที่เห็นลั่วหยางอ๋องก้มกราบ ต่อให้เฉินฉางเซิงเป็นสังฆราชและอีกฝ่ายเป็นอ๋องที่ขี้ขลาดที่สุด แต่จำเป็นต้องทำความเคารพอย่างนี้ด้วยหรือ
เฉินฉางเซิงกลายเป็นเหม่อลอยอยู่บ้างตอนที่เขามองไปยังลั่วหยางอ๋องที่เคลื่อนไหวอย่างเงอะงะ ไม่ว่าเขาคิดอยู่อะไรมันก็ทำให้เขาไม่ได้บอกให้ท่านอ๋องลุกขึ้นในทันที
ถังซานสือลิ่วรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเฉินฉางเซิงมีปัญหากับท่าทางของท่านอ๋องผู้นี้
ในหมู่อ๋องสกุลเฉิน ลั่วหยางอ๋องเป็นคนที่เก็บตัวที่สุด เชื่อฟังที่สุด ไม่ว่าความขัดแย้งระหว่างราชสำนักกับนิกายหลวงจะรุนแรงขนาดไหน เขาก็ยังรักษาท่าทีเคารพต่อพระราชวังหลีตลอดมา การกระทำของเขาในตอนนี้เป็นหลักฐานในเรื่องนี้ ว่าตามเหตุผล ด้วยนิสัยของเฉินฉางเซิงย่อมไม่ปฏิบัติต่อท่านอ๋องนี้อย่างเย็นชา ไม่ว่าเขาจะคุ้นเคยกับท่านอ๋องผู้นี้น้อยแค่ไหนก็ตาม
เมื่อไม่ได้ยินเสียงเฉินฉางเซิง ลั่วหยางอ๋องก็รู้สึกกังวลอย่างมาก เขาเหงื่อแตกพลั่ก ส่งสายตาน่าสงสารไปหาถังซานสือลิ่ว
ถังซานสือลิ่วจิ้มหลังเฉินฉางเซิงเบาๆ ทำให้เฉินฉางเซิงได้สติกลับมาและรีบบอกให้ลั่วหยางอ๋องลุกขึ้น
ลั่วหยางอ๋องถอนหายใจยาวและรีบเอาจดหมายบางๆ ออกมาจากอกเสื้อ เหมือนกับเขากำลังส่งมอบสมบัติประจำตระกูลออกมา เขาบรรจงวางจดหมายตรงหน้าเฉินฉางเซิง
ฮู่ซานสือเอ้อร์เห็นตราประทับบนจดหมายและยืนยันว่ามันไม่ได้มาจากคนเดียวกับที่เขียนจดหมายเมื่อเช้านี้และคนในอดีต ดังนั้นจดหมายนี้เป็นของใครกัน
กระดาษที่ประดับอยู่หน้าต่างมีมากมายหลากหลาย ดูเหมือนจริงอย่างมาก แสงที่ลอดผ่านมาในห้องอ่อนลงมาก ทำให้ดูหม่นมัวอยู่บ้าง
เฉินฉางเซิงมองไปที่ตราประทับบนจดหมาย หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเปิดจดหมายออกอย่างราบรื่น
มันผ่านไปหลายปีแล้วที่เขาได้เห็นลายมือนี้ครั้งสุดท้าย แต่เขาก็ยังคุ้นเคยกับมันอยู่ เช่นเดียวกับคนที่เขียนมัน
ลายเส้นนั้นลื่นไหล เฉกเช่นสายน้ำนอกหมู่บ้าน ถ้อยคำที่ใช้สูงส่งมีเสน่ห์แต่ก็แฝงไว้ด้วยกำลัง เหมือนกับภูเขาโดดเดี่ยวกลางหมอ
เฉินฉางเซิงอ่านแถวแรกและสีหน้าก็มืดหม่นลงเล็กน้อย
ดังที่คาดไว้ ข่าวที่ส่งมาถึงเขาผ่านจดหมายเมื่อเช้าเป็นเรื่องจริง
เขาขมวดคิ้วและไม่คลายออก
ถังซานสือลิ่วกับฮู่ซานสือเอ้อร์มองดูเขา ใช้สายตาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่เป็นจดหมายที่อาจารย์เขียนถึงข้า”
เฉินฉางเซิงอธิบาย
คำตอบนี้ทำให้ทั้งคู่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกในขณะที่ลั่วหยางอ๋องเช็ดเหงื่อเย็นเยียบบนใบหน้าอย่างต่อเนื่อง ห้องนิ่งเงียบ ทั่วทั้งจวนหรู่หนานอ๋องเต็มไปด้วยความเงียบงัน
ราชสำนักกับพระราชวังหลี ซางสิงโจวกับเฉินฉางเซิง เป็นศัตรูกันมาหลายปี สถานการณ์ระหว่างพวกเขานั้นตึงเครียดอย่างมาก
ซางสิงโจวกลับส่งจดหมายถึงศิษย์อย่างกะทันหัน เขาต้องการอะไรกัน
นี่ย่อมไม่ใช่เพราะเมื่อคืนเขาดื่มสุราไปสองไหแล้วพลันอยากเห็นพระจันทร์ของเผ่ามารขึ้นมาก็เลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนความขัดแย้งกับศิษย์ของตนให้เป็นมิตรภาพขึ้นมา
ย่อมเป็นเพราะมีบางอย่างที่สำคัญอย่างมากเกิดขึ้นในต้าลู่
เหตุการณ์นี้สำคัญยิ่งกว่าความขัดแย้งระหว่างนิกายหลวงกับราชสำนัก
มันสำคัญจนทำให้คนที่แข็งแกร่งอย่างซางสิงโจวทิ้งปัญหากับเฉินฉางเซิง มาร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
จดหมายของซางสิงโจวเรียบง่ายและรัดกุม เฉินฉางเซิงอ่านจดหมายจนจบอย่างรวดเร็ว และขอบคุณลั่วหยางอ๋องที่เป็นธุระให้
ลั่วหยางอ๋องอิ่มเอมใจแต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปดี ดังนั้นจึงได้แต่ยืนเหม่ออยู่กับที่
ถังซานสือลิ่วกะพริบตาให้เขา
ลั่วหยางอ๋องตอบสนองอย่างว่องไว คำนับและถอยออกจากห้องไป
หลังจากเขาจากไป ถังซานสือลิ่วก็ถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น”
เฉินฉางเซิงตอบ “เมืองไป๋ตี้จะจัดงานฉลองใหญ่สวรรค์พิจิต”
ถังซานสือลิ่วพบว่าคำว่า ‘สวรรค์พิจิต’ ออกจะคุ้นหูอยู่บ้าง แต่เขาก็ลืมไปแล้วว่าได้ยินมาจากไหนหรือมันหมายถึงอะไร
อีกด้านหนึ่งฮู่ซานสือเอ้อร์มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันตอนที่กล่าวอย่างเคร่งเครียด “ไร้สาระ! เผ่าปีศาจคิดอะไรกัน”
หลังจากได้ยินคำอธิบายจากฮู่ซานสือเอ้อร์ ถังซานสือลิ่วจึงเข้าใจในที่สุดว่างานฉลองสวรรค์พิจิตหมายความว่าอย่างไร สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา
“คนที่องค์หญิงลั่วลั่วเลือกแต่งงานด้วยจะได้เป็นจักรพรรดิขาวองค์ต่อไปหรือเปล่า”
“ถูกต้อง”
ถังซานสือลิ่วถามเฉินฉางเซิง “เจ้าไม่ได้รักษาเส้นลมปราณให้นางแล้วหรอกหรือ ทำไมนางไม่อาจสืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิขาวได้”
เฉินฉางเซิงคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ “ย่อมเป็นเพราะมีบางคนไม่ต้องการให้นางเป็นจักรพรรดิขาว”
ถังซานสือลิ่วเข้าใจว่าเขาหมายถึงใครและถามอย่างสงสัย “มู่ฮูหยินเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดนาง ทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์อะไร”
ฮู่ซานสือเอ้อร์เป็นห่วงเรื่องอื่นมากกว่า “ใครที่มู่ฮูหยินเตรียมให้แต่งกับองค์หญิงลั่วลั่ว”
เฉินฉางเซิงนึกถึงเนื้อหาในจดหมายที่เขาได้รับเมื่อเช้าและกล่าว “มีข่าวลือมากมายในเมืองไป๋ตี้แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าบ่าวจะเป็นองค์ชายรองของดินแดนต้าซี”
“แผนชั่วของราชสำนักดินแดนต้าซีนี่ไม่ยอมตายจริงๆ” ฮู่ซานสือเอ้อร์กล่าวอย่างดุเดือด “คนชุดน้ำเงินเพิ่งตายได้สองวันก็มีการเคลื่อนไหวอีกแล้ว”
“มู่ฮูหยินแต่งงานกับจักรพรรดิขาวมาหลายร้อยปีแล้ว ว่ากันว่าทั้งสองรักกันมาก ใครจะไปรู้ว่าใจนางยังอยู่กับตระกูลเดิมตลอด นางถึงกับใช้ลูกสาวตัวเองเพื่อผลประโยชน์ ในอดีตข้าคิดว่าภรรยาหลอกลวงเช่นนี้มีแต่ในหมู่บ้านห่างไกลไร้อารยธรรมเท่านั้น ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า…”
ถังซานสือลิ่วหงุดหงิดอย่างมาก
ฮู่ซานสือเอ้อร์ถามด้วยความสับสน “แล้วจักรพรรดิขาวยอมรับการกระทำของนางได้อย่างไร”
เฉินฉางเซิงพยักหน้า “องค์จักรพรรดิขาวยังกักตนอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรื่องนี้”
ถังซานสือลิ่วพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องในเรื่องนี้
แผนร้ายของดินแดนต้าซีเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีราชสำนักกับซางสิงโจวหนุนหลัง
พูดอีกอย่างก็คือมันเป็นการร่วมมือระหว่างซางสิงโจวกับมู่ฮูหยินในการกำจัดเฉินฉางเซิง
หากมู่ฮูหยินต้องการใช้โอกาสนี้ทำการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับราชสำนักของดินแดนต้าซีทำให้พวกเขาสามารถหยั่งรากในต้าลู่ ซางสิงโจวย่อมต้องเห็นดีด้วยแล้วทำไมถึงได้คัดค้านอย่างหนัก
ซางสิงโจวเขียนจดหมายถึงเฉินฉางเซิงย่อมหวังว่าเขาจะทำลายงานฉลองใหญ่ที่เปิดตัวการกลับมาของดินแดนต้าซี
เฉินฉางเซิงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการหยุดการแต่งงานระหว่างเมืองไป๋ตี้กับดินแดนต้าซี ฐานะของเขาเพียงพอที่จะได้รับการนับถือแล้วยังมีความสัมพันธ์ที่พิเศษเฉพาะกับเผ่าปีศาจอีกด้วย
ในเรื่องนี้ เขาย่อมมีประโยชน์กว่าซางสิงโจว
ปัญหาก็คือซางสิงโจวเป็นผู้นำโลกและเฉินฉางเซิงเป็นศิษย์ที่เขาต้องการให้ตายมากที่สุด ดังนั้นทั้งสองย่อมมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเขียนจดหมายถึงเฉินฉางเซิง การตัดสินใจนี้ต้องใช้เวลานานและพิจารณาอย่างรอบคอบ ยิ่งยากเย็นก็ยิ่งเห็นได้ว่าเขามีท่าทีแข็งกร้าวเพียงใดในเรื่องนี้ ทำไมเขาต้องมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้จนถึงขนาดขอความช่วยเหลือจากศิษย์ของตัวเอง แม้ว่ามันจะทำให้เขาต้องติดค้างศิษย์ของตัวเองหลังจากนี้
“ชุดดำไม่อยู่ในเมืองเสวี่ยเหล่า”
เฉินฉางเซิงเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น ยี่สิบกว่าวันก่อน วังมารยังจัดงานฉลองดวงดาว นี่สร้างความปั่นป่วนแม้ว่ายังไม่แน่ชัดว่ามันคืออะไรก็ตาม”
ฮู่ซานสือเอ้อร์เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ใบหน้าซีดขาว
ถังซานสือลิ่วก็เคร่งเครียดเช่นกัน
หากการพิจารณาของซางสิงโจวไม่ผิดไปละก็ เผ่ามนุษย์กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายที่สุดนับจากการบุกตีเมืองลั่วหยางเมื่อพันปีก่อน
ทุกคนคิดว่าลั่วลั่วอาจแต่งงานกับองค์ชายรองแห่งดินแดนต้าซี แต่ถ้าไม่ใช่เล่า
หากเมืองไป๋ตี้วางแผนที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับคนอื่นเล่า
หากคนผู้นั้นมาจากแดนเหลือเล่า