ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 867 โอกาสที่ดีที่สุด โอกาสสุดท้าย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองผู้วิเศษเซิง ‘ของวิเศษเมื่อครู่…มิน่าล่ะ มิน่าถึงจับกู้หงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดไว้ได้’

แม้จะเป็นแค่พริบตาเดียว แต่ว่านั่นกลับเป็นการไหลกลับของเวลาที่แท้จริง ย้อนทวนเวลา ลบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขากว่างเฉิงยังมีไพ่ตาย เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ลังเล ลงมือในทันที ผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

อาวุธสำหรับวางค่ายกลที่ถูกทำลาย ไม่อาจกางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายขึ้นมาได้

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอกับหยวนเจิ้งเฟิงไม่อาจต้านทานพลังของผู้วิเศษเซิง และตรากระบี่กาลเวลาได้

เมื่อเป็นเช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกได้แต่ออกฌานก่อนกำหนด ทุ่มเทพลังทั้งหมดของเขากว่างเฉิงเพื่อสู้กับอีกฝ่าย

เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้กดดันให้อีกฝ่ายถอยได้ ในอีกความหมายหนึ่ง ก็เท่ากับพ่ายแพ้

เพราะนั่นเท่ากับอีกฝ่ายแย่งชิงเวลาได้มากพอ ส่วนเขากว่างเฉิงสิ้นเปลืองความพยายามก่อนหน้าไปอย่างเสียเปล่า

รอจนคู่ต่อสู้เตรียมตัวพร้อมสรรพ รวบรวมพลังที่แข้งแกร่งกว่าเดิมมาจู่โจม ผลลัพธ์ยากจะคิดถึง

ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายตอนนี้กลายเป็นโลกแสงสีขาว ปกคลุมดินแดนจิตคุณธรรม กันผู้วิเศษเซิงไว้ด้านนอก

ผู้วิเศษเซิงยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชา แต่ว่าสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย

เขามองค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายที่ปกคลุมเขากว่างเฉิงเบื้องหน้า กล่าวในใจว่า ‘มิน่าถึงเล่นงานพวกคังผิงจนหน้าคลุมฝุ่นได้ มีตัวแปรที่อยู่เหนือความคาดหมายมากเกินไปจริงๆ’

ศิลาเทพย้อนทวนเวลาที่ย้อนเวลากลับเมื่อครู่ ครั้งนี้เขานำมาด้วยสองชิ้น

ตอนแรกคิดว่าอย่างมากสุดจำเป็นต้องใช้แค่ชิ้นเดียวสำหรับจับเป็นกู้หง การทำลายเขากว่างเฉิงและการจับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ลำบาก การเตรียมศิลาเทพย้อนทวนเวลาอีกชิ้นหนึ่งเป็นแค่การเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉิน

แต่เขาหาทราบไม่ว่าหลังจากใช้ศิลาเทพย้อนทวนเวลา ก็ยังชนใส่กำแพงที่เขากว่างเฉิงอยู่ดี

ผู้วิเศษเซิงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อยู่ทางตะวันตก ‘พวกหลินภูผาเงาอยู่ใกล้ที่นี่เกินไป เวลามีจำกัด…’

เสวียนเฉิงอ๋องยังคงจัดการเรื่องค่ายกลสืบทอดฟ้า ไม่อาจปลีกตัวมาได้

ตอนนี้ตนอาศัยหนึ่งม้าหนึ่งหอก ไม่อาจทำลายค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายได้ในระยเวลาสั้นๆ ผู้วิเศษเซิงไม่ใช่คนพิรี้พิไร และไม่ใช่คนที่เสี่ยงชีวิตเพราะความเดือดดาล

เขาเก็บตรากระบี่กาลเวลาและประกายกระบี่ของตัวเอง

“เขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาสำนักเต๋าหรือ คิดจะแบกรับชื่อนี้ยังห่างชั้นนัก แต่ว่าแม้พลังฝึกปรือของคนจะไม่สูง ของวิเศษกลับมีอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ข้าประมาทเกินไปจริงๆ”

ผู้วิเศษเซิงมองเขากว่างเฉิงเงียบๆ ก่อนจะหมุนกายผละไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เดิมทีคิดจะจัดการให้หมดในคราวเดียว ดูเหมือนตอนนี้ได้แค่เก็บพวกเจ้าไว้ตอนท้ายแล้ว”

ร่างของเขาหายไปกลางอากาศ เจตจำนงกระบี่ที่เหมือนกับประกายน้ำครอบคลุมท้องนภา ไหลเอื่อยอย่างเงียบๆ หายไปทางตะวันออกเฉียงใต้

ทุกคนในเขากว่างเฉิงใช้สายตาส่งเงาหลังของผู้วิเศษเซิงจากไป ต่างนิ่วหน้าเงียบๆ

ประกายแสงของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายยังคงไม่สลายไป มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าผู้วิเศษเซิงจะหันหัวม้ามาแทงหอกหรือไม่

เยี่ยนจ้าวเกอไม่กลัวการใช้ความคิดแง่ร้ายที่สุดมาหยั่งคะเนศัตรูอยู่แล้ว

อีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ์อย่างกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย มีความเร็วสูงยิ่ง หากคิดจู่โจมอย่างฉับพลัน แค่อึดใจเดียวก็มาถึงแล้ว

ทว่าขณะมองทิศทางที่ผู้วิเศษเซิงจากไป ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็พึมพำว่า “มุ่งหน้าไปหาสำนักที่ตั้งขึ้นมาใหม่ของสำนักความมืดที่อยู่ทางทิศใต้หรือ เหอะ คิดวนรอบทะเลหวงเจียทวนเข็มนาฬิกาจริงๆ เสียด้วย”

หยวนเจิ้งเฟิงเอ่ยเสียงทุ้ม “สำนักความมืดป้องกันไม่ไหวแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เมื่อได้รับข่าวที่เกาะมนุษย์สำริดถูกทำลาย พวกเขาสมควรทราบเรื่องนี้แล้ว เสียดายที่พวกเขาไม่มาร่วมกับพวกเรา”

จากการต่อสู้ในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ แม้พวกโจวฮ่าวเซิงจะไม่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้อะไรไปบ้าง แต่ว่าเมื่อเห็นสำนักแสงสว่างก็ดูเหมือนจะโดนเล่นงานเช่นกัน เช่นนั้นตามการคาดคะเนของพวกเขา คนที่ได้ประโยชน์สมควรเป็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

ในการคาดคะเนของสำนักความมืด ตะเกียงประกายกาฬเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ

เทียบกับจุดจบที่สำนักตนถูกฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อถีบประตูสำนักจนแทบพินาศ ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง เมื่อสำนักความมืดเหลียวมองเยี่ยนจ้าวเกออกครั้ง ไม่อาจไม่เกิดความรู้สึกซับซ้อน

แม้ว่าศัตรูของศัตรูคือสหาย เพราะราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับสำนักแสงสว่าง ทั้งสองฝ่ายจึงเป็นพันธมิตรกันโดยธรรมชาติ

ทว่าสำนักความมืดรู้สึกกระอักกระอ่วน และไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงมาหลายปีแล้ว

เมื่อข่าวที่เกาะมนุษย์สำริดประสบภัยพิบัติถูกส่งมา เขากว่างเฉิงนอกจากจะติดต่อกับหอกระบี่ทะเลเหนือแล้ว ก็ได้ติดต่อกับสำนักความมืดแล้วเช่นกัน

น่าเสียดายที่ผู้วิเศษเซิงเร็วเกินไป ทั้งยังเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดเกินไป

เขาทำลายหอกระบี่ทะเลเหนือ รวดเร็วดุดันราวกับฝนฟ้าคะนอง

พอตัดสินใจได้ว่าตนไม่อาจทำลายเขากว่างเฉิงได้ในระยเวลาสั้นๆ ก็ไม่ต่อสู้ต่อ จากไปในทันที

ต่อให้สำนักความมืดละวางความกริ่งเกรง เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขากว่างเฉิง รีบมารวมตัวกันที่ดินแดนจิตคุณธรรม ตอนนี้ก็ได้แต่ถูกผู้วิเศษเซิงดักกลางทางแล้ว

ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับข้อเสนอของเขากว่างเฉิง หลบหนีเคลื่อนย้ายไปที่น่านน้ำทางทิศใต้ของทะเลหวงเจีย บางทีอาจจะรอดจากคราเคราะห์นี้ไปได้

ประกายแสงของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายหายไป ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับไปที่ยอดเขานภากาศอีกครั้ง

มันมองเฟิงอวิ๋นเซิง “เป็นอย่างไรบ้าง”

เฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้เก็บมงกุฎจันทราและดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกแล้ว สีหน้าซีดเซียวไม่เห็นสีเลือดแม้แต่น้อย “ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา พักผ่อนสักระยะก็จะดีขึ้นเอง”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกส่ายหน้า “ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ไม่อยากให้เจ้าใช้กระบวนท่านี้ น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้เมื่อครู่เก่งกาจจริงๆ”

พ่านพ่านในตอนนี้หดกลับกลายเป็นหมีสยงเมาทั่วไปแล้ว ความดุร้ายหายไปจากใบหน้า สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง

แต่มันก็มีสีหน้าอิดโรยเช่นกัน หลังจากแบกหีบกลืนฟ้ากลืนดินมาถึงด้านข้างเฟิงอวิ๋นเซิง มันก็ล้มตัวลงนอนหลับ

หยวนเจิ้งเฟิงกับฟางจุ่นเดินมา “ทิศที่ผู้วิเศษเซิงนั่นจากไป…”

“ตอนนี้ได้แต่หวังให้ฟ้าช่วยคุ้มครองสำนักความมืดแล้ว” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกส่ายหน้า “พวกเราคุ้มครองสถานที่แห่งหนึ่งได้ ถ้าหากไล่ตามไป แม้นค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายจะเคลื่อนย้ายได้ แต่กลับไล่ตามความเร็วของผู้วิเศษเซิงไม่ทัน”

การหวังให้สำนักความมืดอดทนชั่วคราว ถ่วงแข้งถ่วงขาผู้วิเศษเซิง เพื่อรอพวกเยี่ยนจ้าวเกอไล่ตามไป เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

หลังจากต่อสู้กับผู้วิเศษเซิงด้วยตัวเองแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็แน่ใจว่าหากสำนักความมืดเผชิญกับผู้วิเศษเซิงตรงๆ คงพ่ายแพ้ในเวลาแค่ไม่กี่นาที

แม้จะมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงให้แก่โจวฮ่าวเซิงสักหลายชิ้น ติดอาวุธให้เขาไปถึงรากฟันก็ไม่มีประโยชน์

หยวนเจิ้งเฟิงถอนใจ “จับตาดูการเคลื่อนไหวทางนั้นอย่างใกล้ชิดเถอะ ตอนนี้ขอแค่เยี่ยนตี๋กับร่างจริงของเจ้าประสบความสำเร็จ ออกฌานโดยเร็วที่สุดก็พอ”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพยักหน้าเงียบๆ

ฟางจุ่นยามนี้เอ่ยขึ้นว่า “อีกฝ่ายครั้งนี้มีความคิดกวาดล้างให้หมดสิ้น ใช้สายฟ้าจัดการศัตรู เสวียนเฉิงอ๋องกลับไม่ลงมือ บางทีอาจจะยุ่งกับเรื่องค่ายกลสืบทอดฟ้าอยู่

“ตอนนี้โชคดีที่เมื่อตอนอยู่ในวังศิลาก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ จ้าวเกอเจ้าได้ขังพวกคังผิงไว้ที่นั่น อีกทั้งยังสังหารฉีเหว่ยที่เชี่ยวชาญค่ายกลผู้นั้นทิ้ง”

เขาเอ่ยอย่างแช่มช้า “ไม่เช่นนั้นการโจมตีครั้งนี้ของอีกฝ่ายเกรงว่าจะมียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดสองคนเคลื่อนไหวพร้อมกันแล้ว”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีสายตาเคร่งขรึม “เนื่องจากโดนข้าแย่งของวิเศษมากมายอย่างผลึกปอดแดนทะเลไป หลายปีมานี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสมควรเริ่มเก็บรวบรวมใหม่อีกครั้ง บางทีการเสด็จกลับมาจากนอกทะเลหวงเจียของพวกเสวียนเฉิงอ๋อง อาจจะนำเอาของวิเศษที่เอาไว้วางค่ายกลสืบทอดฟ้ากลับมาอย่างมากพอด้วย”

“การวางค่ายกลช่วงแรกมักจะยากที่สุด จำเป็นต้องมียอดฝีมือระดับสุดยอดที่เชี่ยวชาญค่ายกลคอยดูแลตลอดเวลา แต่รอจนค่ายกลอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง และทำงานอย่างมั่นคงแล้ว เสวียนเฉิงอ๋องจะมีเวลาทันที”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองไปยังที่ไกล “เสวียนเฉิงอ๋องมาถึงที่นี่หลายปีแล้ว วันนั้นเกรงว่าจะมาถึงในอีกไม่นาน”

มุมปากเขาปรากฏรอยยิ้มเย็นชา “เพียงแต่รอพวกเขาเตรียมตัวเสร็จ พวกเราก็น่าจะพร้อมแล้วเช่นกัน ผู้วิเศษเซิงอาจจะนึกไม่ถึงว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด และเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว”

………………..