มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1023

ช่องจิตที่แท้จริง ผลการขัดเกลาย่อมดีกว่าช่องจิตดั้งเดิม ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวจะยังคงอยู่ในเจ้ายุทธจักรขั้นเก้า แต่เทพจิตของเขาได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ จึงไปถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4

ต่อให้การพัฒนานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเขาเท่าไรนัก แต่มันก็คือรากฐานของเขา

การรวมกันของสองขั้วที่ได้รับจากพลังเทพดั้งเดิมทำให้เขาสามารถต่อสู้กับเทพมารได้ แต่นี่ก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งเท่านั้น

มีเพียงขั้นแดนการฝึกฝนและตัวสำนึกเทพจิตเท่านั้นที่เป็นรากฐานของเขา อีกทั้งเกี่ยวข้องกับระดับของความสำเร็จในอนาคต

นับตั้งแต่กลับมา ในบางครั้งหลัวซิวก็ได้ทำความเข้าใจระลึกถึงใจแห่งศุภรที่อยู่ในกฎดั้งเดิม แต่กฎเวลาดั้งเดิมนั้นลึกลับและคลุมเครือ ทำให้เขารู้สึกว่ายากที่จะเข้าถึงกว่ากฎการเวียนว่ายตายเกิดและกฎดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม หลัวซิวไม่ได้รีบร้อน ตัวเขาในบัดนี้หาใช่คนเดิม แม้เทพมารผู้แข็งแกร่งเขายังมิอาจสู้ได้ แต่ก็มีวิธีที่จะปกป้องตัวเองให้รอดพ้นอันตราย

ในพิภพต่ำเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏเทพมารพลังขั้นสูงอยู่ เขายังมีเวลามากมายในการพัฒนาความแข็งแกร่งและแดนของเขา

หลังจากออกจากเขายู่หลิง เขายังไม่ได้ไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภาและแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน แต่ไปยังที่ซึ่งเหวปีศาจมรณาอาศัยอยู่

ย้อนกลับไปในแดนดารานอก หากมิใช่เพราะความช่วยเหลือของงูมรณาจิ่วหยินที่กลายร่างเป็นภูตน้ำ เขาอาจไม่สามารถหลบหนีไปยังโลกเชิ่งถิงได้

ในห้วงกาลแดนของเทพสงครามเอกภพ เขาไม่เคยเห็นงูมรณาจิ่วหยินปรากฏกายขึ้นมาก่อน เห็นได้ชัดว่า ช่าจื่อเยียนไม่ได้พาเขาไปที่นั่น

ต่อมา เมื่อมายังทะเลสาบสีดำกลางเหวปีศาจมรณา ด้วยความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของหลัวซิวในบัดนี้ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่างูยักษ์สีดำนอนอยู่ที่ก้นทะเลสาบ

“ไอ้หนุ่ม นายท่านหาได้มองเจ้าผิดไป เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เจ้าก็เติบโตขึ้นมาถึงระดับที่เกือบจะเทียบได้กับข้าได้แล้ว”

ศีรษะสีดำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ รูม่านตาสีเลือดขนาดเท่าตะเกียงจับจ้องไปทางหลัวซิว แม้ว่าระดับการฝึกฝนของเจ้าเด็กเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ควรค่าต่อการกล่าวถึง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงรังสีอันตราย

มันเป็นเทพมารที่ได้รับการปลูกฝังขึ้นโดยภูตน้ำสวงสวรรค์จิตสำนึกโดยกำเนิดของวิญญาณนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสัมผัสได้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ

“ข้าสัมผัสถึงลมหายใจของนายท่านมิได้ เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ?” งูมรณาจิ่วหยินเอ่ยถาม

พื้นที่ลับที่เทพสงครามเอกภพสร้างขึ้นมานั้นแยกออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ประกอบกับช่าจื่อเยียนยังติดอยู่ในสำนักค่ายเทพ งูมรณาจิ่วหยินไม่สามารถสัมผัสถึงลมหายใจของนางได้

แต่หลัวซิวไม่สามารถบอกเรื่องราวเหล่านั้นแก่มันได้ทั้งหมด

“ผู้อาวุโสจื่อเยียนจะสามารถช่วยเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน” หลัวซิวกล่าว

“ข้าหวังว่าเช่นนั้น……”

เขาสนทนากับงูมรณาจิ่วหยินอยู่เป็นเวลานาน ต้องการมอบช่องจิตหนึ่งให้แก่มัน แต่ในที่สุดเขาก็อดทนไว้ได้ เพราะหากนำช่องจิตออกไป อาจทำให้มีผู้คนรู้สึกสงสัยและคาดเดาประสบการณ์ที่เขาสั่งสมในห้วงกาลเวลาไม่น้อย

เรื่องเกี่ยวกับความลับของใจแห่งศุภรนั้น หลัวซิวยังคงรักษาทัศนคติเช่นเดียวกับลูกแก้วความเป็นตาย ไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ได้นอกจากตัวของเขาเอง

เมื่องูมรณาจิ่วหยินเอ่ยถามเขาว่าเขาเดินทางมาอาณาจักรตะวันออกเพื่อเหตุใด หลัวซิวจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า: “ข้าติดอยู่ในแดนปริศนา คนบางคนคิดว่าข้าตายอยู่ด้านในนั้น พวกเขาจึงโจมตีประตูเข้าภูเขาของข้า การที่ข้าเดินทางมาอาณาจักรตะวันออกนี้ ก็เพื่อเรียกร้องถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”

“ชิชะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ข้าจะเดินทางไปกับเจ้าเอง” งูมรณาจิ่วหยินส่งเสียงหึๆ ออกมา จากนั้นร่างกายอันมหึมาของมันก็ยกสูงขึ้น น้ำเสียงก้องกังวานดั่งสายฟ้า “เป็นเวลานับหมื่นปีมาแล้ว ข้าควรจะออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”