บทที่ 1,035 เทพผู้สร้าง (อวสาน)
มี่เทียน ผู้นำเผ่าอสูรทมิฬสงครามมองไปที่หลิงตู้ฉิงที่เพิ่งปรากฏกายตรงหน้าเขาด้วยท่าทีเคารพ
ที่ผ่านมาเขาจะสู้กับหลิงตู้ฉิงมาโดยตลอด แต่เมื่อเขาได้เห็นหลิงตู้ฉิงในตอนนี้แล้ว ความคิดที่จะสู้มันเลือนหายไปหมดในทันที
มี่เทียนนั้นได้หลอมรวมร่างของเขาเข้ากับเต๋าของเผ่าอสูรทมิฬสงครามไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันทำให้ตราบใดที่เขาอยู่ในอาณาเขตเผ่าอสูรทมิฬสงคราม เขาจะมีความแข็งแกร่งที่ไม่ต่างอะไรกับเทพพระเจ้าเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นหลิงตู้ฉิงในตอนนี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขามันไม่มีค่าอะไรเลย
“ไปกันเถอะ!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นกับ มี่เทียน “นับจากนี้ข้าจะทำให้เผ่าอสูรทมิฬสงครามของเจ้าสามารถใช้ชีวิตปกติได้แบบเผ่าอื่น ๆ ทั่วไป”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงเปิดโลกของเขาออกและส่งสัญญาณให้มี่เทียนพาสมาชิกเผ่าอสูรทมิฬสงครามส่วนที่เหลือที่มี่เทียนคัดเลือกไว้ให้เข้าไปในโลกของตัวเอง
“เป็นพระมหากรุณายิ่งองค์เทพผู้สร้าง!” มี่เทียนคุกเข่าคารวะ
จากนั้นเขาพาสมาชิกเผ่าอสูรทมิฬสงครามที่เหลือเข้าไปในโลกของหลิงตู้ฉิงทันที
หลังจากมี่เทียนพาสมาชิกเผ่าอสูรทมิฬสงครามเข้าไปในโลกของเขาแล้ว หลิงตู้ฉิงมองไปที่อาณาเขตของเผ่าอสูรทมิฬสงครามที่กำลังจะแตกสลาย จากนั้นเขากางมือออกควบแน่นอาณาเขตของเผ่าอสูรทมิฬสงครามที่กำลังแตกสลายให้กลายเป็นลูกแก้วที่มีขนาดพอ ๆ กับผลมะนาว
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ลูกแก้วสีน้ำตาลในมือ ซึ่งมันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวมากมายอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ส่งลูกแก้วนี้ไปให้กับมี่เทียนที่อยู่ในโลกของเขา
มี่เทียน ซึ่งเข้าไปอยู่ในโลกของหลิงตู้ฉิงแล้ว เมื่อเขาได้รับลูกแก้วที่แตกร้าวนี้มาเขารีบคุกเข่าลงคารวะหลิงตู้ฉิงอีกรอบด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
ลูกแก้วนี้คือโลกจำลองที่หลิงตู้ฉิงสร้างให้กับเผ่าอสูรทมิฬสงครามเพื่อเอาไว้ใช้อยู่อาศัยในโลกของเขาเอง
ถึงแม้ว่าโลกของเขาจะอุดมสมบูรณ์ แต่ในบางครั้งการได้อยู่ในอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยมันก็ย่อมจะดีกว่าสำหรับบางเผ่า
เมื่อเสร็จเรื่องของเผ่าอสูรทมิฬสงครามอย่างแท้จริง หลิงตู้ฉิงก็มุ่งหน้าไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อ
เมื่อเดินทางไปถึง หยิงหยิงก็รอเขาอยู่แล้ว นางรีบอ้าแขนต้อนรับเขาด้วยสีหน้าเบิกบาน “สามีข้ารอท่านอยู่นานแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ จากนั้นเขาเดินเข้าไปกอดนางและพูดว่า “นับจากนี้เจ้าจะได้ติดตามข้าไปตลอดกาล!”
หยิงหยิงบรรจงจูบไปที่ริมฝีปากของหลิงตู้ฉิงครั้งหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ข้ายินดีติดตามท่านตลอดกาลแน่นอน แต่ท่านต้องให้อิสระข้าด้วย!”
“แน่นอน ข้าสัญญาว่าในอนาคตไม่ว่าจะเป็นที่ไหนที่มีเงา เจ้าจะสามารถไปได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ให้ข้าเป็นเจ้าแห่งเงา? แล้วเทียนหยุนล่ะ? ข้าไม่ต้องการจะช่วงชิงประโยชน์ของเขาแบบนี้ เอาเป็นว่าในอนาคตท่านให้ข้าติดตามอยู่ข้างกายท่าน มีลูกให้ท่านและเมื่อถึงเวลาท่านก็ให้ข้าออกไปเที่ยวเล่นบ้างแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว!”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เทียนหยุนเป็นลูกชายของข้า ดังนั้นข้าไม่ละเลยเขาแน่นอน!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเข้าไปอยู่ในโลกของข้าก่อนก็แล้วกัน”
“อืม!” หยิงหยิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นนางจูบหลิงตู้ฉิงอีกครั้งก่อนที่จะหายเข้าไปในโลกของหลิงตู้ฉิง
เมื่อหยิงหยิงจากไป โลกเบื้องล่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ากำลังจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ
การสั่นสะเทือนนี้แม้แต่โลกเบื้องบน ยมโลกหรือดินแดนแห่งบาปก็ได้รับผลกระทบ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ว่าอดีตจะเป็นแบบไหนมาก่อน แต่วันนี้มันถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงดูดกลืนทั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในร่างของเขาทั้งหมดทันที ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยเป็นที่ตั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์แหว่งหายไปราวกับว่ามันถูกอุ้งมือขนาดใหญ่คว้านออกไปจากผิวโลก
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินทางไปต่อไปที่แดนกระดูกขาว ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็เดินทางไปถึง
กระดูกขาว ซึ่งกำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่สัมผัสได้ทันทีถึงความผิดปกติ
แต่แล้วเมื่อมันลืมตาขึ้น มันก็เห็นว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้มายืนอยู่ตรงหน้าของมันเรียบร้อย
กระดูกขาวเมื่อเห็นเช่นนี้ มันตื่นเต้นและรีบคุกเข่าลงคำนับทันที “คารวะบิดาผู้สร้าง!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มพลางลูบหัวกระดูกขาว และพูดว่า “ตั้งใจบ่มเพาะให้ดีและอย่าออกไปจากที่นี่ตามที่พ่อบอก แล้วสักวันพ่อจะกลับมารับเจ้าไปอยู่ด้วย”
“รับทราบท่านพ่อ!” กระดูกขาวรับปากอย่างซาบซึ้ง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของกระดูกขาวและไปโผล่อีกทีที่ยอดเขาเทวะตรงหน้าต้นเทวะศาสตรา
ต้นเทวะศาสตราส่ายกิ่งไปมาแสดงท่าทียินดีเมื่อมันได้พบหลิงตู้ฉิงอีกครั้ง “ข้าขอแสดงความยินกับสหายเต๋าด้วย!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นต้นเทวะศาสตราก็หายไปจากยอดเขาเทวะ
ต่อจากนั้นท้องฟ้าของทุก ๆ โลกก็เปล่งแสงหลากสีสดใสสาดส่องไปทั่วทุกตารางนิ้ว ซึ่งแม้แต่ก้นเหวมรณะส่วนที่ลึกที่สุดที่ไม่เคยมีแสงส่องถึงในตอนนี้มันกลับสว่างเจิดจ้าราวกับตอนเที่ยงวัน
บรรดาผู้คนในโลกเบื้องล่างต่างรู้สึกงุนงงกับภาพที่เห็นพลางคิดในใจ ไม่ใช่ว่ายุคแห่งการแข่งขันเพิ่งจบไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้มีปรากฏการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นอีก? แต่ทำไมรอบนี้แสงที่ส่องประกายลงมาถึงได้มีหลากหลายสีมากกว่าเดิม?
ในทางกลับกัน บรรดาตัวตนจักรพรรดิเทพในโลกเบื้องบนต่างตกตะลึง เพราะพวกเขาพอจะเดาได้ว่าปรากฏการณ์นี้มันหมายถึงอะไร พวกเขาต่างมองไปยังทิศทางที่ยอดเขาเทวะตั้งอยู่และเริ่มบินไปที่นั่นทันที
ในยมโลก บรรดาดวงวิญญาณทั้งหลายต่างรู้สึกตื่นตระหนกเพราะจู่ ๆ ยมโลกที่มีแต่ความมืดหม่นมันกลับมีแสงแบบนี้บังเกิดขึ้นได้ยังไง!?
ในดินแดนแห่งบาป ฟูหวงจ้องไปที่แสงหลากสีบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าซับซ้อน
แต่คนที่ดูจะมีอารมณ์ร่วมมากที่สุดเห็นจะเป็นโจวหยู่ เขาพ่นลมหายด้วยความไม่พอใจ “ก็แค่เป็นนิรันดร์กาลเท่านั้นไม่เห็นว่ามันจะน่าโอ้อวดตรงไหน? เหอะ! หากเจ้าแน่จริงเจ้าก็คืนสมบัติข้ามาสิวะ!”
แน่นอนว่าไม่มีใครใส่ใจอะไรกับเขา
บนจุดสูงสุดของยอดเขาเทวะ ในตอนนี้บรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหลายกำลังมองไปที่ ชายผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังยืนอาบแสงหลากสีที่ส่งลงมาจากฟากฟ้าด้วยสายตาที่มีทั้งชื่นชม ริษยาและตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
หลังจากเหตุการณ์ที่แม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงจะได้กลายเป็นนิรันดร์กาลแน่นอน แต่สิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงก็คือมันจะเร็วขนาดนี้ แถมในชีวิตนี้หลิงตู้ฉิงยังมาสำเร็จกลายเป็นนิรันดร์กาลจุดเดิมกับชีวิตที่แล้วอีกต่างหาก
จากนั้นไม่นาน ร่างของหลิงตู้ฉิงก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้าเรื่อย ๆ
บรรดาจักรพรรดิเทพ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ค่อย ๆ บินตามขึ้นไปดูแบบห่าง ๆ หวังว่าพวกเขาจะได้เห็นความลับของการพิสูจน์เต๋าบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้นำมาใช้เป็นแนวทางในการบ่มเพาะในอนาคต
จากนั้นเมื่อผ่านไปได้สักพัก พวกเขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าเรื่อย ๆ จนออกไปนอกโลกเข้าสู่ห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง และเมื่อไปถึงยังขอบเขตที่ไม่มีเต๋าใด ๆ ดำรงอยู่ และเป็นจุดสิ้นสุดของกฎแห่งเวลาของโลกและสวรรค์ บรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหลายต่างก็รู้ตัวว่าพวกเขาตามออกไปไม่ได้อีกแล้ว
มีเพียงหลิงตู้ฉิงที่ยังคงมุ่งหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งลึกเข้าไปยังห้วงอวกาศอันดำมืด
จากนั้นภาพที่บรรดาคนอื่น ๆ ไม่มีทางจินตนาการได้ก็บังเกิดขึ้น ที่สุดปลายทางที่ไม่มีกฎใด ๆ หลงเหลืออีกต่อไปที่นั่นกลับมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งลอยอยู่ราวกับว่าเขากำลังรอการปรากฏตัวของหลิงตู้ฉิง
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงปรากฏตัวขึ้น ชายวัยกลางคนผู้นั้นยิ้มและทักทาย “ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยศิษย์น้องของข้า!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “ยินดีที่ได้เจอท่าน ศิษย์พี่!”
“ไม่นึกเลยว่าความสำเร็จของศิษย์น้องจะเหนือล้ำกว่าข้ามากขนาดนี้ นับจากบรรพกาลคงไม่มีผู้ใดที่เทียบเทียมเจ้าได้ ในอนาคตข้าเกรงว่าข้าคงมีเรื่องต้องรบกวนเจ้าแน่นอน!” ชายวัยกลางคนหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หน้าท้องของชายวัยกลาง ซึ่งในตอนนี้ด้านในมีตัวอ่อนของสัตว์ประหลาดบางอย่างอาศัยอยู่ เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือภัยร้ายที่คุกคามศิษย์พี่ของเขา หากไม่รีบกำจัดมันออกไป หายนะใหญ่จะต้องบังเกิดขึ้นแน่นอน
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แน่นอนข้ายินดีช่วยท่านเต็มที่!”
“เยี่ยม!” ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง “เอาล่ะศิษย์น้องนับจากนี้เจ้ารักษาตัวด้วย!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาบินลึกออกไปยังห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างมากขึ้นไปอีกพร้อมกับนำโลกของตัวเองขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ
ยิ่งหลิงตู้ฉิงบินออกไปไกลเท่าไหร่ โลกในมือของเขาก็หดเล็กลงมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อมันหดเล็กจนถึงขีดสุด โลกของหลิงตู้ฉิงก็ระเบิดออกกลายเป็นการกำเนิดของจักรวาลใหม่
ชายวัยกลางคนมองไปที่จักรวาลใหม่ที่บังเกิดขึ้นจากโลกของหลิงตู้ฉิง จากนั้นเขายิ้มและเอ่ยชม “ช่างงดงามจริง ๆ!”
จากนั้นร่างของเขาก็จางหายไป
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในขณะนี้กำลังมองดูดวงดาวต่าง ๆ มากมายที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้น จากนั้นเขาประกาศก้อง
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ง้าวเทวะพินาศ คือองค์เหนือหัวแห่งศาสตราวุธทั้งมวลในจักรวาลของข้า!”
หลังจากพูดจบ หมาสีทองปรากฏขึ้นที่แทบเท้าของหลิงตู้ฉิง มันหมอบคำนับและพูดว่า “ขอบคุณเจ้านาย!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ จ้าวเหมิงลู่ คือเจ้าแห่งศาสตร์กระบี่ จะไม่มีผู้ใดในจักรวาลของข้าเทียบเทียมนางได้ในศาสตร์แห่งกระบี่!”
จ้าวเหมิงลู่ปรากฏขึ้นทันทีที่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง จากนั้นนางหอมแก้มเขาและพูดว่า “ขอบคุณสามี!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้างข้าขอแต่งตั้งให้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อ คือผู้ปกครองโลก ชะตากรรมของโลกจะถูกบงการโดยนางแต่เพียงผู้เดียว!”
“ขอบคุณสามี!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อหัวเราะ
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ มี่ไล คือเจ้าแห่งกาลเวลาในจักรวาลของข้า!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงยู่ชาน คือเจ้าแห่งพละกำลัง ในจักรวาลของข้าจะไม่มีผู้ใดมีพละกำลังเหนือเขา!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงว่านถิง คือเจ้าผู้ปกครองท้องฟ้า บนท้องฟ้านางคือผู้เลิศล้ำที่สุดในจักรวาลของข้า”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงเทียนหยุน เป็นผู้ปกครองดูแลสังสารวัฏ เขาจะกลายเป็นผู้ควบคุมความเป็นตายในจักรวาลของข้า!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงว่านจุน เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งมวล สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในจักรวาลของข้าจะอยู่ใต้บัญชาของเขาแต่เพียงผู้เดียว”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงฟ่างหัว เป็นเจ้าแห่งมิติ ในจักรวาลของข้า นางคือผู้ที่ได้รับอนุญาตใหเดินทางไปได้ทุกแห่งหนในจักรวาลของข้าไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้หลิงยี่เทียน เป็นเจ้าผู้ดูแลความสมดุลของสรรพชีวิต เขาจะมีอำนาจแทรกแซงสรรพชีวิตทั้งหลายเพื่อคงความสมดุลได้อย่างใจนึก!”
“บัญญัติ! ในนามของข้าผู้สร้าง ข้าขอแต่งตั้งให้ หลิงไช่หยุน เป็นเจ้าแห่งนกและเจ้าแห่งเพลิงทั้งมวลในจักรวาลของข้า นกทุกสายพันธุ์จะต้องเชื่อฟังนางและเพลิงทุกรูปแบบจะต้องทำตามบัญชาของนางโดยไม่มีข้อแม้!”
“ขอบคุณท่านพ่อ!”
ลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงทุกคนต่างปรากฏกายขึ้นและโค้งคำนับให้กับพ่อของพวกเขา
“สุดท้ายนี้ข้าขอแต่งตั้งให้ ถังชี่หยุน เป็นมหาปราชญ์สูงสุดในจักรวาลของข้า และคำสอนของนางจะถูกเผยแพร่ให้กับสรรพชีวิตเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตสืบไป!”
ร่างของถังชี่หยุนปรากฏขึ้นเช่นกัน จากนั้นนางโค้งตัวคารวะไปที่หลิงตู้ฉิง “ขอบคุณองค์เทพผู้สร้าง!”
“ต่อจากนี้คือการเริ่มต้นใหม่ สรรพชีวิตทั้งหลายสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนได้อย่างอิสระ ฟ้าดินที่ข้าสร้างจะคอยเกื้อหนุนและให้ความร่มเย็นแก่ทุกชีวิตตลอดกาล!”
สรรพชีวิตทั้งหลายในจักรวาลต่างพร้อมใจกันคุกเข่าคำนับอย่างพร้อมเพรียงเป็นสัญญาณเริ่มของจักรวาลใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของนิรันดร์กาลนามว่า หลิงตู้ฉิง!
(จบบริบูรณ์)
ตอนต่อไป →