บทที่ 1,034 จบศึก

ที่ริมฝั่งของแม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้า บรรดาอสูรทั้งหลายเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ทางฝั่งกองกำลังพันธมิตรกำลังมองพวกมันตาเป็นมัน

อย่างก็ไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าฝั่งตรงข้ามคิดจะทำอะไร พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกมันจำเป็นต้องทำลายร่างของหลิงตู้ฉิงให้เสร็จในคราวเดียวเพราะถ้าหากพวกมันปล่อยร่างของหลิงตู้ฉิงไปเมื่อไหร่ ร่างระดับนิรันดร์กาลนี้จะฟื้นตัวภายในพริบตาทันที

ทางด้านของกองกำลังพันธมิตรก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเลย พวกเขายังคงรออย่างใจเย็นและมีความสุขทุกครั้งที่เห็นว่าพวกอสูรเสียพลังไปอย่างมากมายเพื่อทำลายร่างของหลิงตู้ฉิง

เหตุการณ์นี้พวกเขาได้ประโยชน์ทั้งสองทาง ทางแรกคือหลังจากทำลายร่างนี้เสร็จพวกอสูรก็ไม่มีความแข็งแกร่งพอจะสู้กับพวกเขาแน่นอน ทางที่สองก็คือเมื่อไม่มีร่างนี้ ตำหนักไร้หทัยจะไม่สามารถกดพวกเขาจนโงหัวไม่ขึ้นอีกต่อไป ต่อให้หลิงตู้ฉิงในร่างใหม่จะสามารถฆ่าจักรพรรดิเทพได้ แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหนือล้ำเหมือนร่างเดิมนี้แน่นอน

แต่แล้วเมื่อร่างของหลิงตู้ฉิงถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ พวกอสูรกลับต้องประหลาดใจ เนื่องจากกองกำลังพันธมิตรไม่ได้โจมตีพวกมันอย่างที่พวกมันคาดการณ์ไว้

ทางด้านของกองกำลังพันธมิตรในตอนแรกพวกเขาจะลงมือโจมตีทันทีเช่นกันตามแผนเดิม แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือจู่ ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามา ซึ่งมันทำให้พวกเขาขนหัวลุกจนไม่กล้าลงมือ

พวกอสูรที่ไม่รู้เรื่องอะไรเมื่อเห็นว่ากองกำลังพันธมิตรไม่ลงมือ พวกมันต่างก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ คิดว่าหลังจากนี้หากพวกมันฟื้นฟูพลังของตัวเองเมื่อไหร่ พวกมันจะกลับมาได้เปรียบตามเดิมแน่นอน ทางฝั่งของพวกมันมีฟูหวง ซึ่งกำลังพิสูจน์เต๋า ซึ่งต่อให้หลิงตู้ฉิงจะแข็งแกร่งแต่ในเมื่อร่างเดิมถูกทำลายไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็คงไม่อาจสู้กับฟูหวงได้หรอกจริงไหม?

ในระหว่างที่พวกอสูรกำลังได้ใจ จู่ ๆ ร่าง 2 ร่างก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และค่อย ๆ ร่อนลงมายังกึ่งกลางของแม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้า

แน่นอนว่าทั้ง 2 ร่างนี้คือ หลิงตู้ฉิง และ มี่ตั้วตั้ว

คุนเป๋ง เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงปรากฏกายขึ้น มันรีบบินเข้ามาเผชิญหน้าทันทีและพูดว่า “ไร้หทัย ตอนนี้ร่างเก่าของเจ้าถูกพวกข้าทำลายไปแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่มีทางจะเอาชนะพวกข้าได้แน่นอน!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเคยเตือนเจ้าไปแล้วรอบหนึ่งว่าอย่ามาปรากฏกายให้ข้าเห็นอีกเป็นเวลาล้านปี ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง? ในเมื่อเจ้าไม่ฟังกันแบบนี้งั้นก็จงไปล่องลอยอยู่ในยมโลกสักล้านปี จากนั้นก็ค่อยขึ้นมาเกิดใหม่ก็แล้วกัน!”

เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ จู่ ๆ ร่างของคุนเป๋งก็สลายเป็นฝุ่นผงทันที ส่วนดวงวิญญาณก็ถูกส่งลงยังยมโลกภายในพริบตา

เมื่อเห็นภาพนี้ไม่ว่าจะเป็นฝั่งอสูรหรือฝั่งกองกำลังพันธมิตรต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

คุนเป๋งที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งสังหารไปคือคุนเป๋งขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุด ซึ่งมีความแข็งแกร่งติดสามอันดับแรกของเผ่าอสูรทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่า เอาแค่ไล่ตามให้ทันก็ไม่มีใครตามทันได้ แต่เมื่อครู่แค่หลิงตู้ฉิงเอ่ยอยากให้ตาย คุนเป๋งก็ตายเลยแบบนี้งั้นเหรอ?

บรรดาอสูรต่างตื่นตระหนกกันยกใหญ่เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงในตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าร่างระดับนิรันดร์ที่พวกมันเพิ่งทำลายไปซะอีก และเมื่อพูดถึงร่างนิรันดร์ ซึ่งเป็นร่างเก่าของหลิงตู้ฉิง พวกมันคือคนที่ทำลายร่างนั้นไป ดังนั้นหลิงตู้ฉิงก็ต้องคิดบัญชีกับพวกมันแน่นอนจริงไหม?

ทางด้านของกองกำลังพันธมิตร พวกเขาต่างรู้สึกโล่งใจที่พวกเขาเองยังไม่ได้ทำอะไรโง่ ๆ ลงไป และจากภาพที่พวกเขาเห็นตอนนี้ ในอนาคตตำหนักไร้หทัยคงเป็นเสียงที่ดังที่สุดในโลกเบื้องบนแน่นอน เพราะต่อให้ฟูหวงจะแข็งแกร่ง แต่ฟูหวงก็ไม่มีทางฆ่าคุนเป๋งได้ง่าย ๆ แบบนั้น

เหตุการณ์ต่อมาก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ เป้าหมายถัดมาของหลิงตู้ฉิงคือฟูหวง

“จงไปที่ดินแดนแห่งบาปซะ!” หลิงตู้ฉิงพูดกับฟูหวง “เมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถออกมาได้ มันถึงจะเป็นเวลาของเจ้า”

เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาโบกมือฉีกมิติเปิดเส้นทางไปยังดินแดนแห่งบาปให้กับฟูหวง

ฟูหวงมองไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาถอนหายใจและค่อย ๆ บินเข้าไปยังรอยแยกมิติที่หลิงตู้ฉิงเปิดออก

ที่เขายอมเช่นนี้มันเป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น เขารู้ดีว่าตัวเองไม่อาจต่อกรกับหลิงตู้ฉิงได้เลย ในเวลานี้ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังพิสูจน์เต๋า แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยซ้ำว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงอยู่ระดับไหน

ในทันทีที่ฟูหวงเข้าไปในดินแดนแห่งบาป โซ่นับสิบเส้นก็พุ่งเข้ามาพันร่างของเขาและจากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกเพลิงบาปลงทัณฑ์เผาทันที

เมื่อถูกเพลิงบาปลงทัณฑ์เผา ฟูหวงก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงส่งเขามาอยู่ที่นี่

เขาเข้าใจแล้วว่าบาปของเขาไม่มีวันถูกลบล้างได้หมด ทางเดียวที่เขาจะสามารถออกจากดินแดนแห่งบาปได้คือการฆ่าตัวตายและไปเกิดใหม่ หรือไม่มันก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งยวดกับโลกและสวรรค์เขาถึงจะไปจากที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นทั้งชีวิตของเขาไม่มีวันไปจากที่นี่ได้แน่นอน

หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือหลิงตู้ฉิงต้องการให้เขาถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป และจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อโลกมีภัยพิบัติร้ายแรงเท่านั้น

ในระหว่างที่กองกำลังพันธมิตรกำลังเบิกบาน ส่วนเผ่าอสูรกำลังหวาดกลัว หลิงตู้ฉิงกลับพูดขึ้นกับพวกอสูรว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าจงกลับไปยังที่ที่พวกเจ้าจากมาได้แล้ว!”

“ไม่นะ! ท่านจะปล่อยพวกอสูรไปแบบนี้ง่าย ๆ ได้ยังไง?” จักรพรรดิเทพอัสนีท้วงขึ้นทันทีด้วยสีหน้าไม่ยินยอม “ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่พวกเราจะกำจัดพวกมันให้ราบคาบ และยึดสมบัติของพวกมันมาเป็นของเรา!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจะทำให้ฝันของเจ้าเป็นจริง!”

จักรพรรดิเทพอัสนีรู้สึกเบิกบานเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่นานต่อมาเขาก็ตามหลิงตู้ฉิงบุกเข้าไปถึงใจกลางของรังพวกอสูร จากนั้นก็ทะลวงเข้าไปถึงคลังสมบัติ

ฮ่าฮ่า สมบัติ! สมบัติมากมายอะไรขนาดนี้!!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดตอนนี้เป็นเพียงภาพลวงตาจากทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติของหลิงตู้ฉิง

เมื่อเห็นดวงตาที่เหม่อลอยและรอยยิ้มที่โง่งมปรากฏขึ้นบนใบหน้าจักรพรรดิเทพอัสนี คนอื่น ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นบรรดากองกำลังพันธมิตรทั้งหลายจึงพากันแยกย้ายกลับไปไม่กล้าที่จะลองดีกับทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติ

เมื่อกองกำลังพันธมิตรจากไปจนหมด หลิงตู้ฉิงก็โบกมือส่งร่างของจักรพรรดิเทพอัสนีให้กลับไปที่ตำหนักเทพอัสนีให้ไปนั่งละเมอที่นั่นต่อ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเมื่อเวลา 100,000 ปีผ่านไป จักรพรรดิเทพอัสนีก็ตื่นขึ้นพร้อมกับได้รู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่เพียงภาพลวงตา และภาพลวงตาที่เขาได้เห็นนั้นมันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่ ในช่วงท้ายสมบัติที่เขาได้รับมาทั้งหมดมันถูกปล้นไปหมดเลย!

“พวกเจ้าเผ่าอสูรทั้งหมดจงแยกย้ายกันกลับไปที่ที่ของพวกเจ้าได้แล้ว ตราบใดที่พวกเจ้าอาศัยอยู่แต่ในดินแดนของตัวเองไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น พวกเจ้าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังข้าและในอนาคตยังกล้าออกมาสร้างความวุ่นวายอีก เมื่อถึงเวลานั้นเผ่าอสูรของพวกเจ้าจะต้องเผชิญกับหายนะใหญ่”

หลังจากเตือนพวกอสูรอีกรอบ หลิงตู้ฉิงก็พามี่ตั้วตั้วบินไปที่ดินแดนว่างเปล่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตำหนักไร้หทัย

พวกอสูรเหม่อมองหลิงตู้ฉิงที่เพิ่งจากไปอยู่นานก่อนที่พวกมันจะพากันกลับไปที่เผ่าของพวกมันตามเดิมด้วยสีหน้าหดหู่

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาพามี่ตั้วตั้วมาถึงพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งอยู่ทางทิศจะวันตกเฉียงเหนือของตำหนักไร้หทัย เขาก็ไม่ได้เข้าไปในตำหนัก

หลิงตู้ฉิงมองไปที่ตำหนักไร้หทัยอยู่สักพัก ซึ่งต้วนฉิง จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงก็มองกลับมาเช่นกัน แต่ไม่มีใครในพวกเขาพูดอะไรกันเลย

จากนั้นหลิงตู้ฉิงเบนสายตากลับมาที่มี่ตั้วตั้ว และพูดว่า “เปิดใช้งานเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ของท่านได้เลย และให้เผ่าอสูรทมิฬสงครามเดินทางมาที่นี่”

มี่ตั้วตั้วพยักหน้า จากนั้นเขาเปิดเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์เชื่อมต่อกับเผ่าอสูรทมิฬสงครามและต่อมาไม่นานบรรดาสมาชิกเผ่าอสูรทมิฬสงครามจำนวนมากก็เดินทางมายังโลกเบื้องบน

แผนของหลิงตู้ฉิงคือการให้เผ่าอสูรทมิฬสงครามมาอยู่อาศัยอย่างถาวรที่โลกเบื้องบน

ในทันทีที่ขึ้นมายังโลกเบื้องบน บรรดาสมาชิกของเผ่าอสูรทมิฬสงครามก็รู้สึกได้ในทันทีว่าบ่วงพันธะที่พวกเขามีต่อโลกเบื้องล่างมันได้จบลงแล้ว พวกเขารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของมี่ตั้วตั้วเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าเผ่าอสูรทมิฬสงครามเดินทางมาถึง ต้วนฉิงประกาศขึ้นทันที “นับจากนี้ไปเผ่าอสูรทมิฬสงครามคือเผ่าที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของตำหนักไร้หทัยตลอดกาล!”

บรรดาเผ่าอสูรทมิฬสงครามต่างคุกเข่าลงคำนับ พวกเขาต่างรู้สึกเบิกบานที่นับจากนี้พวกเขามีคนให้พึ่งพาอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อจัดการธุระของเผ่าอสูรทมิฬสงครามเสร็จ หลิงตู้ฉิงหายไปจากโลกเบื้องบนและไปโผล่ที่เผ่าอสูรทมิฬสงครามในโลกเบื้องล่างทันที