“และแล้วเจ้าก็ปรากฏตัว!” ไช่เหมี่ยวกล่าวด้วยเสียงโหดเหี้ยม
เขาเคยคิดว่าต้องการจะครอบครองจักรพรรดินีด้วยกำลัง ซึ่งตอนนี้เขาก็มีแล้ว!
“จงศิโรราบต่อข้า!” ไช่เหมี่ยวลงมือ ความมืดมิดได้กัดกินหัวใจของเขาไปแล้ว ภาพที่เขาต้องการเห็นคือภาพที่จักรพรรดินีคุกเข่าแทบเท้าตนเอง
จักรพรรดินีคร้านเกินกว่าจะกล่าวอะไร นางปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ไช่เหมี่ยวอย่างรวดเร็ว
ตูม!
คราวนี้ไช่เหมี่ยวไม่ถูกซัดจนร่างกระเก็น เขาสามารถปล่อยหมัดต้านฝ่ามือจักรพรรดินีเอาไว้ได้
“ฮ่าๆ ข้าไม่ใช่ตัวข้าคนก่อนแล้ว!” พลังที่ได้รับมาช่างยอดเยี่ยมนัก ไช่เหมี่ยวหัวเราะและเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าข้อมือของจักรพรรดินี
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้นที่เกรี้ยวกราดแต่เหล่าเซียนของตระกูลฮูก็เช่นกัน ‘มดปลวกไร้ค่า กล้าดีอย่างไรคิดแตะต้องสตรีที่พวกเขาหมายปอง?’
แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ นิ้วมือทั้งห้าของนางสะบัดพริ้วไหวปลดปล่อยปราณดาบออกไป
ตูม ตูม ตูม ทั้งสองเข้าปะทะกันในระยะปะชิดอย่างต่อเนื่อง พลังของทั้งสองฝ่ายเรียกว่าแทบจะเท่าเทียมกันทำให้ไม่มีใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ข้ายังแข็งแกร่งได้อีก!” ไช่เหมี่ยวคำราม เขาสูดหายใจลึกและระเบิดพลังออกมาจากร่างกาย อำนาจของดวงดาวแต่ละดวงถูกรีดเค้นจนถึงขีดจำกัด
“ข้าคือราชาไร้เทียมทาน!” ไช่เหมี่ยวปล่อยหมัดเข้าใส่จักรพรรดินีพร้อมกับกระตุ้นอำนาจของรูปแบบอาคมสังหาร
“พลังของเขาเกือบจะเท่ากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่มีดวงดาวสองล้านดวง” หลิงฮันมองและกล่าวในใจ ในดินแดนต้องห้ามอัจฉริยะที่ขัดเกลาพลังจนถึงระดับนี้ได้มีอยู่น้อยนิด แต่คนเหล่านั้นบ่มเพาะพลังด้วยตัวเองไม่เหมือนกับไช่เหมี่ยวในตอนนี้
หลิงฮันมองออกว่าอำนาจที่ทรงพลังขนาดนั้นต้องแลกมาด้วยพลังชีวิตอันมหาศาล หลังจากการประลองนี้ ต่อให้ไม่ตายไช่เหมี่ยวก็ต้องพิการ
และต่อให้ไช่เหมี่ยวจะมีพลังขนาดนั้น จักรพรรดินีก็ยังรับมือไหว
ใบหน้าของจักรพรรดินียังคงแสดงออกถึงความไม่แยแส นางปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬออกไป ความมืดมิดอันเป็นอนันต์โอบล้อมร่างของไช่เหมี่ยวเอาไว้ ประสามสัมผัสที่หายไปทำให้เขาไม่สามารถระบุได้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหน
“แค่นี้ยังไม่พอ!” ไช่เหมี่ยวคำรามและโหมกระหน่ำปล่อยหมัดราวกับพายุเพื่อปัดเป่าความมืดมิด
ด้วยพลังอันไร้เทียมทานในตอนนี้ ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาได้
จักรพรรดินีไม่หวั่นไหวและยกฝ่ามือขึ้นมา ‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ฝ่ามือของนางปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงจนไช่เหมี่ยวไม่อาจหลบหลีกได้ทัน
ไช่เหมี่ยวถูกซัดอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าพลังฟื้นฟูของตนเองในตอนนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก แม้ฝ่ามือของจักรรพดินีจะสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่เขา บาดแผลก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หลังจากพบว่าร่างกายของตัวเองไม่มีบาดแผลใดๆเลยแม้แต่น้อย ไช่เหมี่ยวก็หัวเราะลั่น พลังของเขาในตอนนี้ทรงพลังเกินไป แม้จะเป็นตัวเขาเองก็ยากที่จะทำใจเชื่อได้ลง
สมกับเป็นอำนาจที่ได้รับจากราชาเซียน ช่างฝืนสวรรค์ยิ่ง!
“ถึงคราวของข้าบ้าง!” เขาปลดปล่อยการโจมตีตอบโต้
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ไช่เหมี่ยวนั้นแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างต่อเนื่องแต่ก็ฟื้นฟูตนเองได้แทบจะในพริบตา
จักรพรรดินีไม่แยแส ในที่สุดนางก็โคจรพลังของสายเลือดปลดปล่อยทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ ร่างแยกของนางค่อยๆเดินออกมาจากร่างหลัก ผ่านไปไม่นานก็มีจักพรรดินีถึงสิบคนยืนเคียงข้างกัน
“ทักษะแยกร่าง?” ไช่เหมี่ยวไม่หวาดกลัว ร่างแยกจะทรงพลังเทียบเท่าร่างหลักได้อย่างไร อย่างมากร่างแยกก็ทำได้เพียงสร้างความสับสนเท่านั้นและมีพลังต่อสู้เพียงน้อยนิด
จักรพรรดินีลงมือ ‘ครืนนน’ ร่างทั้งสิบปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกไปพร้อมกัน
ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะร่างเงามังกรทะยาน กาลเวลาแปรผันพันปีและทักษะดาบฟ้าคำรามถูกโหมกระหน่ำเข้าใสไช่เหมี่ยว
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ไช่เหมี่ยวถูกกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง แม้พลังฟื้นฟูของเขาจะอัศจรรย์แต่ก็ไม่สามารถรองรับการโหมกระหน่ำโจมตีจากจักพรรดินีสิบคนได้ เขากระอักโลหิต ร่างกายที่รับการโจมตีเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปจนกระดูกแตกหักและโผล่ออกมาภายนอก
“ข้าไร้เทียมทาน!” ไช่เหมี่ยวคำรามเสียงดังกึกก้อง เขายังอยากสู้ต่อ เพียงแต่ว่าจู่ๆพลังในร่างของเขาก็ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วจนพริบตาเดียวก็ไม่มีพลังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย
อย่าเพิ่งพูดถึงว่าไร้เทียมทานรึเปล่า ตอนนี้พลังของเขาลดลงไปกว่าพลังในตอนแรกเริ่มด้วยซ้ำ
ร่างกายของเขากลายเป็นแก่ชรา ผิวหนังเหี่ยวย่นและเส้นสมเป็นสีขาวโพลน ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย ไช่เหมี่ยวในตอนนี้มีสภาพเหมือนกับคนใกล้ตาย
‘ขะ….’ เขายังคงดื้อรั้นจะฝืนลุกขึ้นสู้ เพียงแต่แค่พลังจะลุกขึ้นยืนเขาก็ไม่มีเหลือ
จักรพรรดินีสะบัดแขนสั่งให้ร่างแยกทั้งเก้ากลับสู่ร่างหลัก นางไม่แม้จะเหลียวมองไช่เหมี่ยวและเดินกลับมายืนข้างหลิงฮัน
‘อั่ก! อั่ก!’ กลางลานประลอง ไช่เหมี่ยวยังคงกระอักโลหิตไม่หยุด พลังบ่มเพาะของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป และด้วยบาดแผลสาหัสตามร่างกายเกรงว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เขามองไปยังทิศทางของฮูลั่วโดยยังคาดฝันว่าฮูลั่วจะยื่นมือมาช่วยเขา แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเพ้อฝัน คนของตระกูลฮูทุกคนต่างแสยะยิ้ม พวกเขาเห็นไช่เหมี่ยวเป็นเพียงสุนัขรับใช้เท่านั้น และเมื่อสุนัขกำลังใกล้ตายพวกเขาจำเป็นต้องแยแสด้วย?
เซียนซิงฉาพยักหน้าให้กับเซียนหมิงซิน เซียนหมิงซินพยักหน้าตอบรับและไปนำร่างของไช่เหมี่ยวกลับมา เขาส่งผ่านพลังเซียนเข้าไปในร่างอีกฝ่ายเพื่อระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้ชั่วคราว
“คนเช่นนี้จะให้ตายไปแบบสบายๆไม่ได้!” เซียนหมิงซินกล่าว
เหล่าศิษย์ที่คิดว่าเซียนหมิงซินต้องการช่วยเหลือไช่เหมี่ยว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที ใช่แล้ว คนที่ทรยศต่อสำนักจะปล่อยให้ตายไปง่ายๆได้อย่างไร?
ฮูลั่วไม่สนใจ เขาสะบัดมือและกล่าว “ประลองต่อได้”
คนของตระกูลฮูก้าวออกมา เขากวาดสายตามองเหล่าศิษย์ก่อนจะจดจ้องค้างอยู่ที่หลิงฮัน “ข้าคือฮูหยางเฉิน ข้าอยากขอคำชี้แนะจากน้องชายหลิง”
ถึงเวลาแล้วงั้นสิ!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่ออยากตายเร็วขนาดนั้น ทำไมข้าจะสนองให้ไม่ได้ล่ะ?”
ฮูหยางเฉินเกรี้ยวกราด เขาคือจอมยุทธที่บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์และควบแน่นดวงดาวได้เกือบจะสามล้านดวง อีกฝ่ายที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะจัดการข้าได้?
“งั้นก็มาสู้กัน!”