ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 870 ข้อมูลของอาวุธเซียนชั้นสูง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลุมอันขมุกขมัวสีดำที่ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ในทะเลหวงเจียพังทลายลง ก่อให้เกิดความสับสนของเวลาใต้ก้นทะเล

คนที่ถูกขังไว้ในหลุมอันขมุกขมัวสีดำก่อนหน้านี้ ถูกเหวี่ยงไปคนละทิศทาง

นอกจากพวกคังผิงที่เป็นจอมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแล้ว คนที่ติดอยู่ด้วยกันยังมีหลัวจื้อเทาเจ้าสำนักแสงสว่าง และจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างอีกส่วนหนึ่ง

หลัวจื้อเทาที่เดิมทีถูกพวกคังเผิงไล่ฆ่า หลังจากเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าแล้วก็รีบหนีในทันที

การแตกสลายของหลุมดำทำให้พวกคังผิงถูกโยนไปคนละทิศคนละทาง ไม่อาจไล่ตามได้ทันที

พวกหลัวจื้อเทาที่อุตส่าห์หลุดออกมาได้ ตามหาขุมกำลังขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนหนึ่งในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ๆ ดินแดนสุทธทัศน์ เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของทะเลหวงเจียในตอนนี้

พอได้ยินว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงสังหารเสวียนมู่อ๋อง แล้วยึดครองดินแดนจิตคุณธรรมที่เคยเป็นที่อยู่ของสำนักแสงสว่าง พวกหลัวจื้อก็รู้สึกอึดอัดคับข้องใจ

แล้วพอได้ยินว่าเสวียนเฉิงอ๋องและผู้วิเศษเซิงต่างกลับสู่ทะเลหวงเจีย จากนั้นก็ทำลายหอกระบี่ทะเลเหนือ เกาะมนุษย์สำริด และสำนักความมืด แต่เขากว่างเฉิงกลับตั้งตระหง่านไม่ยอมล้ม สำนักแสงสว่างจึงรู้สึกไม่เป็นรสชาติกว่าเดิม

สำนักแสงสว่างไม่อาจสู้กับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ได้อีกแล้ว!

สำนักเล็กๆ ในโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ที่สำนักแสงสว่างไม่เห็นอยู่ในสายตาเมื่อครั้งอดีต เดินมาสู่จุดสูงสุดที่พวกเขาจำเป็นต้องเงยหน้ามองในเวลาแค่ไม่กี่ปี

เสวียนเฉิงอ๋องกับผู้วิเศษเซิงไม่เพียงไม่ตาย ยังกลับมาที่ทะเลหวงเจีย มิหนำซ้ำพวกคังผิงสามคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนต่างหลุดจากพันธนาการ แรงกดดันที่เกิดขึ้นทำให้สำนักแสงสว่างหายใจไม่ออก

แม้ว่าในใจจะไม่อยากยอมรับ แต่ความมีเหตุผลของหลัวจื้อเทาก็ได้บอกเขาว่า แม้นเขากว่างเฉิงกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สองขุมกำลังใหญ่ที่แก่งแย่งชิงดีกันภายในทะเลหวงเจียในตอนนี้ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สำนักแสงส่างของเขาก็ไม่อาจฉกฉวยโอกาสได้

หลัวจื้อเทามองคนในสำนัก หลังจากเงียบงันอยู่เนิ่นนานค่อยเอ่ยว่า “พวกเราจำเป็นต้องออกจากทะเลหวงเจียแล้ว”

ไม่ว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหรือเขากว่างเฉิงจะได้รับชัยชนะ ทะเลหวงเจียก็ไม่มีที่ให้สำนักแสงสว่างหยัดยืนอีกแล้ว

ทุกคนต่างเงียบงัน จากนั้นก็ถอนใจ พยักหน้าอย่างซึมเซา

“แต่เรื่องราวไม่จบเพียงเท่านี้” ดวงตาของหลัวจื้อเทาพลันหนักอึ้ง เย็นเยียบไร้ประมาณ “ไม่ว่าจะเป็นเขากว่างเฉิงหรือเป็นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง”

ไม่ทันไรก็มีข่าวแพร่ไปทั่วทะเลหวงเจีย หรือแม้แต่สถานที่อื่นๆ ในเขตตะวันอาคเนย์จนถึงเขตเพลิงทักษิณอย่างรวดเร็วที่สุด

ไม่ใช่เพราะสำนักแสงสว่างที่เหลือลมหายใจรวยรินมีระบบข่าวสารที่แข็งแกร่ง

แต่ว่าตัวข่าวได้สั่นสะท้านจิตใจของผู้คน และมีแต่คนพูดถึง

จักรพรรดิประกายกาฬที่เคยแต่งแต้มสีสันให้แก่โลกซ้อนโลก ได้ทิ้งของวิเศษชั้นยอดเอาไว้

นั่นก็คืออาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง!

โลกซ้อนโลกสุดที่โลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกยมทะยานจะเทียบเคียงได้

ณ ที่แห่งนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง สำหรับคนทั่วไปแล้วถือเป็นสิ่งที่มีอยู่แค่ในตำนาน แต่ว่าสำหรับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีขุมกำลังแข็งแกร่งมากพอคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลับไม่ได้หายากถึงขนาดนั้น

สิ่งที่ค่อนข้างหายากคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เนื่องจากความน้อยของวัตถุดิบกับความยากในการสร้าง เมื่อเฉลี่ยแล้ว คนที่ยังไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนจะมีคนละหนึ่งชิ้น

และสิ่งที่หายากยิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงก็คืออาวุธเซียน

สำหรับจอมยุทธ์ในโลกซ้อนโลกจำนวนมากแล้ว มันเป็นสิ่งที่มีอยู่แค่ในตำนาน อย่าว่าแต่ครอบครอง คนที่เคยเห็นยังมีน้อยดุจขนหงส์เกล็ดกิเลน

ตอนนี้อาวุธเซียนชิ้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมา จะไม่ปลุกเร้าอารามณ์และดึงดูดสายตาของคนทั้งโลกได้อย่างไร

ข่าวที่สำนักแสงสว่างปล่อยออกมาก็คือ อาวุธเซียนชิ้นนี้ก่อนหน้านี้ถูกเก็บไว้ในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬมาโดยตลอด

และคนที่เข้าไปในสุสานจักรพรรดิประกายกาศในตอนนั้น นอกจากสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดแล้ว ยังมีคนอีกคนหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง

เมื่อเทียบกับสภาพของสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดในตอนนี้แล้ว อาวุธเซียนตกไปอยู่ในมือใคร ไม่จำเป็นต้องบอกก็เป็นอันรู้กัน

ที่ก่อนหน้านี้สำนักแสงสว่างปิดข่าวเรื่องกงจักรมหาประกายกาฬมาโดยตลอด เพราะพวกเขามีความหวังว่าจะสามารถชิงของวิเศษมาจากมือของเยี่ยนจ้าวเกอได้ จึงไม่ต้องการให้คนอื่นๆ รู้ จนดึงดูดยอดฝีมือคนอื่นๆ มาแย่งชิง

ถึงอย่างไรด้วยระดับพลังฝึกปรือเมื่อก่อนหน้านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ยังไม่สามารถบังคับกงจักรมหาประกายกาฬได้

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกับอดีต แม้ว่าจิตใจจะคับข้องจนเลือดไหลริน หลัวจื้อเทาก็จำเป็นต้องยอมรับ ว่าเขาไม่อาจแย่งชิงกงจักรมหาประกายกาฬจากในมือของเยี่ยนจ้าวเกอได้อีกแล้ว

แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะตายด้วยน้ำมือของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง กงจักรมหาประกายกาฬตกไปอยู่ในมือของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สำนักแสงสว่างยังคงไร้โอกาสอยู่ดี

เช่นนั้นก็ตัดใจทิ้งไปเสียเถอะ

หลังจากปล่อยข่าวออกไปแล้ว พวกหลัวจื้อเทาก็ผละจากทะเลหวงเจียทันที

เมื่อตัดสินใจจะไปแล้ว คนในสำนักแสงสว่างก็ไม่ลังเลอีก

น่าเสียดายที่พวกเขาหนีไม่พ้น

เพียงแต่คนที่จับเขาได้ไม่ใช่เขากว่างเฉิง และไม่ใช่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

พวกหลัวจื้อเทาสูดลมหายใจเย็นเยียบ มองมือยักษ์ที่เปิดเขตแดนของฟ้าดิน แล้วเอื้อมออกมาจากมิติข้างนั้น

ความใหญ่ของฝ่ามือนั้น เหมือนคว้าเอาดวงดาวบนฟากฟ้ามาอยู่ในมือได้อย่างง่ายดาย

ฝ่ามือโปรงแสง ด้านในมีจุดแสงเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหว ส่องแสงระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับจักรวาลบนฟากฟ้า

พอเห็นมือข้างนั้น ทั่วทั้งสำนักแสงสว่างก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

หนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดที่มีอยู่เป็นจำนวนน้อย รองจากประมุขอาคเนย์เฉาเจี่ยในเขตตะวันอาคเนย์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ!

เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นนี้ พวกหลัวจื้อเทาก็พลันขึ้นสวรรค์ไร้หนทางลงนรกไร้ประตู ต่อให้คิดฆ่าตัวตายก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ

มือยักษ์ขวางทางคนในสำนักแสงสว่าง พวกหลัวจื้อเทาไม่ได้ขัดขืน หยุดลงอย่างว่าง่าย

อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร ชักฝ่ามือกลับไป

วินาทีถัดมา บัณฑิตที่มีใบหน้าซูบตอบผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าพวกหลัวจื้อเทา เขาถามอย่างราบเรียบว่า “อาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬได้ทิ้งเอาไว้ อยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิงนั่นหรือ”

เสวียนเฉิงอ๋องตรัสถามเสียงทุ้ม “อาวุธเซียน? เป็นข่าวปลอมหรือไม่”

“จะมีอาวุธเซียนหรือไม่ ข้าเองก็ไม่กล้ายืนยัน ถึงอย่างไรต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอได้ไป ระดับพลังฝึกปรือของเขาก็ไม่อาจกระตุ้นพลังที่อยู่ด้านในได้”

คนที่พูดก็คือคังผิง!

เฮ่อตงเฉิงและกู้จางสองยอดฝีมือที่อยู่ด้านข้างเขาต่างมีใบหน้าเคร่งขรึม

คังผิงกล่าวต่อ “แต่ได้ยินมาว่าเขาไปตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬพร้อมกับสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดจริงๆ”

ผู้วิเศษเซิงว่า “หลังจากทำลายเขากว่างเฉิง แล้วสังหารเยี่ยนจ้าวเกอนั่นได้ ทุกอย่างจะมีคำตอบเอง”

“กลับเป็นทางดินแดนหลวนเซียงทางทะเลใต้เหมือนจะเกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาขึ้น”

เสวียนเฉิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็ตรัสอย่างแช่มช้า “ส่วนที่พิเศษที่สุดของที่นั่น คือมันเป็นที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอโผล่ขึ้นบนโลกซ้อนโลกเป็นครั้งแรก มีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์แห่งหนึ่งซึ่งเชื่อมไปยังโลกเบื้องล่าง พวกเราเคยไปที่นั่นแล้ว แต่เบาะแสมีจำกัดยิ่ง”

พระเนตรของพระองค์ปรากฏความกังวล “ดูจากตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอนั่นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะหลบอยู่ในโลกเบื้องล่างที่การไหลของเวลาเร็วกว่าโลกซ้อนโลก และตอนนี้เป็นเขากลับมายังโลกซ้อนโลกผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ที่นั่นแล้ว!”

ผู้วิเศษเซิงกวาดมองทุกคน สุดท้ายหยุดอยู่ที่นักพรตสือ

นักพรตสือเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าสนใจค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายมากกว่า”

ผู้วิเศษเซิงว่า “ตอนแรกข้าคิดจะกำจัดเขา ล้างความอัปยศก่อนหน้า ในเมื่อศิษย์น้องสือเจ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะไปทางทะเลใต้เอง”

คังผิงครั้งนี้เอ่ยอย่างแชมช้า “ท่านอาจารย์ปู่ ข้าจะไป”

ผู้วิเศษเซิงมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างเนิบนาบ จากนั้นเขาก็สืบเท้าออกก้าวหนึ่ง กลายเป็นลำแสง หายไปจากที่เดิม

คิ้วที่ขมวดของคังผิงคลายออก ร่างกลายเป็นลำแสง หายไปจากที่เดิมเช่นกัน

สายตาของคนที่เหลือก้มมองเบื้องล่าง

ก้มมองเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง!

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เหมือนเมฆดำทะมึนกดทับเมือง มองเขากว่างเฉิงพร้อมกัน

ร่างชราของนักพรตสือเหมือนกับมีกำลังวังชาขึ้นมาใหม่

เขาโบกมือไปด้านล่าง “เริ่มเลยเถอะ”

………………..