ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 871 มักจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สร้างปาฏิหาริย์ได้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ถึงแม้ว่าผู้วิเศษเซิงกับคังผิงจะผละไปพร้อมกัน แต่คนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็ไม่ได้คัดค้าน

เนื่องจากยังมีเสวียนเฉิงอ๋องอยู่ที่นี่

แม้จะด้อยกว่าผู้วิเศษเซิง แต่ว่าเสวียนเฉิงอ๋องก็ทรงเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

ครั้งก่อนเขากว่างเฉิงใช้ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายต้านทานผู้วิเศษเซิง ครั้งนี้กลับไม่แน่ว่าจะราบรื่นเหมือนเดิมแล้ว

‘นักพรตสือ’ ชื่อนี้คือคำตอบ

แม้ว่าจะเป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น แต่อย่าว่าแต่ทะเลหวงเจีย อย่าว่าแต่เขตหยางเทียนตะวันออกเลย

หากพูดถึงด้านค่ายกล ในบรรดาจอมยุทธ์ระดับสะพานเซียนทั่วทั้งโลกซ้อน นักพรตสือเป็นตัวตนที่อยู่ในชั้นแถวหน้า

เมื่อไม่มีค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย เขากว่างเฉิงจะอาศัยอะไรมาหยุดยั้งเสวียนเฉิงอ๋องและจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องคนอื่นๆ

จอมยุทธ์ที่สามารถเดินมาถึงขั้นสะพานเซียนได้ ยามยังอยู่ในระดับต่ำ ล้วนเป็นอัจฉริยะสะท้านโลกที่ใช้หนึ่งสู้มาก ใช้ล่างสยบบนได้ วรยุทธ์ที่ฝึกฝนต่างเป็นวรยุทธ์หายาก

ระดับยิ่งสูง ความแตกต่างระหว่างจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ยิ่งมีน้อย จอมยุทธ์ที่อยู่คนละระดับมีความห่างชั้นกันมาก

การต่อสู้ข้ามระดับ กลายเป็นยากเหลือประมาณแล้ว

จริงอยู่ที่ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มักจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สร้างปาฏิหาริย์ได้

ผู้วิเศษเซิงสามารถข้ามช่องว่างระหว่างขั้นสะพานเซียนกับขั้นเทวะสำแดง ใช้ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์้หาญสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดได้

ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ต่อให้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครอง เขาก็ได้แต่ต้องถอย ถ้าหากว่าไร้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ จะต้องแพ้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นอันตรายถึงชีวิต

นี่เป็นปาฏิหาริย์ที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างต้องการแต่ไม่อาจได้มา

ที่ปาฏิหาริย์ถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์ เป็นเพราะความหายากของมัน

นักพรตสือโบกมืออย่างเรียบง่าย กู้จางกับเฮ่อตงเฉิงโน้มตัวคำนับก่อน จากนั้นก็พุ่งไปยังเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลาสองสายพุ่งลง กลายเป็นข่ายอาคมประกายกระบี่สายหนึ่งในชั่วพริบตา ก่อนจะครอบคลุมเขากว่างเฉิงเอาไว้

แสงสว่างกระจายไปทั่ว การไหลของเวลาที่อยู่รอบๆ เขากว่างเฉิงพลันเชื่องช้าลง

เวลาในตอนนี้ราวกับถูกหยุดนิ่ง

แม้นจะสู้ความแข็งแกร่งของผู้วิเศษเซิงไม่ได้ แต่ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสองคนร่วมมือกันโจมตี ก็เหมือนกับภูเขาไท่ซานกดทับศีรษะแล้ว

ทว่าในตอนนี้เอง ฟ้าดินกลับสั่นสะเทือนขึ้น

ประกายดาบสว่างไสวสายหนึ่งพุ่งขึ้นจากยอดเขานภากาศของเขากว่างเฉิงด้วยสภาวะผ่าท้องนภา

ครั้นประกายดาบพุ่งผ่าน กระแสประกายกระบี่จากกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยที่กู้จางและเฮ่อตงเฉิงร่วมมือกันปล่อยออกมาพลันถูกผ่าออก!

ประกายดาบที่ยิ่งใหญ่ราวฟ้าดินเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเหมือนกระแสคลื่นแห่งยุคสมัย ไม่อาจหยุดยั้งและไร้เทียมทาน แม้แต่การไหลผ่านของกาลเวลาก็ดูเหมือนจะต้องถูกสยบต่อหน้าความแน่วแน่อันยิ่งใหญ่นี้

เงาร่างสายหนึ่งลอยขึ้นด้านบนยอดเขานภากาศ รูปลักษณ์ภายนอกมีอายุราวสามสี่สิบปี หน้าตาองอาจ จอนผมเป็นสีขาว

บนดาบแสงสีม่วงเล่มหนึ่งในมือ มีเงาแสงของมังกรแท้หลายตัวบินวนเวียน ส่งเสียงคำรามสนั่นแก้วหูพร้อมกัน

เป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันของเขากว่างเฉิง เยี่ยนตี๋!

ทั่วทั้งร่างของเยี่ยนตี๋ในตอนนี้เปล่งประกาย ปราณดาบสั่นสะท้าน

นักพรตสือขมวดคิ้ว ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย? ตามคำพูดพวกคนรุ่นหลัง เด็กน้อยผู้นี้น่าจะลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลกไม่ถึงห้าปี….’

เขายังไม่ทันใคร่ครวญให้เสร็จดี ก็เห็นเหตุการณ์ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คน

ประกายดาบที่น่ากลัวของเยี่ยนตี๋ หลังจากผ่ากระแสประกายกระบี่ของกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยแล้ว สภาวะของมันก็ไม่หยุดลง ฟันใส่กู้จางกับเฮ่อตงเฉิงทันที!

ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ปีนขึ้นสะพานเซียนแล้วสองคน สู้คู่ต่อสู้ที่ยังอยู่ในขั้นเทวะสำแดงไม่ได้!

คู่ต่อสู้ที่่อ่อนเยาว์ตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่มีความเร็วในการพัฒนาพลังฝึกปรือเหนือจินตนาการเท่านั้น ยังมีพลังกล้าแข็งถึงขีดสุดด้วย!

เสวียนเฉิงอ๋องที่อยู่ด้านข้างนักพรตสือไม่ตรัสคำ เพียงทอดพระเนตรมองเยี่ยนตี๋อย่างเย็นชา

เยี่ยนตี๋ตั้งแต่ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลก ได้ต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างเป็นจริงเป็นจังกับคนอื่นแค่ในการต่อสู้เดียวเท่านั้น

และในการต่อสู้นั้น ก็ได้ทำให้การมายังโลกซ้อนโลกเป็นครั้งแรกของเยี่ยนตี๋โด่งดังไปทั่วสี่ทะเล มีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะการต่อสู้เพียงครั้งเดียวอย่างแท้จริง

เยี่ยนตี๋สังหารเสวียนมู่อ๋อง ผู้ปกครองรุ่นที่สามของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างเหี้ยมหาญในการต่อสู้ครั้งนั้น

และเป็นโอรสของเสวียนเฉิงอ๋อง!

ที่ผู้วิเศษเซิงยินดีผละจากที่นี่ เพื่อไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางทะเลใต้ เป็นเพราะทราบว่า ณ ที่แห่งนี้มีคนที่ต้องการทำลายเขากว่างเฉิง และสังหารคนในเขากว่างเฉิงให้เหี้ยนมากกว่าตัวเขา

เพลิงโหมเทียมฟ้าปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง พริบตาเดียวก็ปกคลุมท้องนภาของดินแดนจิตคุณธรรมไว้

น้ำทะเลในท้องทะเลเบื้องล่างระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวทะเลลดต่ำลงเป็นเส้นตรง

น่านน้ำรอบๆ เกิดพายุเมฆ ทะเลคลั่งฟ้าทะลาย เพราะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศนี้

เสวียนเฉิงอ๋องสาวพระบาทออกก้าวหนึ่ง ทำลายศิลาสะท้านฟ้า รุนแรงน่ากลัวยิ่งกว่าการร่วมมือกันของกู้จางและเฮ่อตงเฉิงเสียอีก

อัคคีในนภา อัคคีในศิลา อัคคีในไม้ อัคคีสมาธิ อัคคีโลกา ห้าอัคคีเผาฟ้า

วิหคอมตะ พญาปักษาชิงเหนี่ยว เผิงยักษ์ นกยูง ห่านขาว พญาหงส์ นกฮูก เจ็ดวิหคกระจายทั่วท้องฟ้า

พายุอัคคีเผาฟ้าผลาญดิน รวมตัวกันเป็นจุดเดียวด้วยสภาวะหมุนวน ที่ปลายด้านล่างพายุกลายเป็นคมหอกเกรี้ยวกราด แทงใส่เยี่ยนตี๋!

ยอดฝีมือในระดับจอยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางพอใช้วิชาห้าอัคคีและหอกเจ็ดวิหค มีสภาวะเหนือวกว่าเสวียนมู่อ๋อง เหยาไห่ และหยางจ้าวหงอย่างใหญ่หลวง

เยี่ยนตี๋ที่สังหารเสวียนมู่อ๋องด้วยมือตัวเอง รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงขีดสุด

เมื่อเผชิญหน้ากับพายุอัคคีตรงหน้านี้ โลกปีศาจอัคคีในอดีตเหมือนกับเป็นสะเก็ดไฟที่ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง

ภายใต้หอกเดียวของเสวียนเฉิงอ๋อง คลื่นความร้อนอันรุนแรงทำให้คนอื่นๆ ในเขากว่างเฉิงที่อยู่ใต้การคุ้มครองของค่ายกลเอกพิสุทธิ์ รู้สึกหายใจไม่ออก

แม้ว่าจะไม่ได้เรียบง่ายรวบรัด น่าอัศจรรย์ยากหยั่งคาดเหมือนการลงมือของผู้วิเศษเซิง ทว่าหอกนี้ของเสวียนเฉิงอ๋องก็มีอานุภาพตรงไปตรงมา และรวดเร็วดุดันยิ่งกว่า

ขนาดคนที่ชมดูยังเป็นเช่นนี้ มิพักเอ่ยถึงเยี่ยนตี๋ที่เจอกับหอกนี้ตรงๆ

แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุดันเช่นนี้ เยี่ยนตี๋สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง รับมือเหมือนปกติ

ต่อให้เจ้ามีพันอัศจรรย์ หมื่นดุดัน ข้าก็จะฟันในดาบเดียว!

ประกายดาบที่ยิ่งใหญ่พุ่งสู่ท้องฟ้า เข้าปะทะกับคมหอกที่เกิดจากพายุอัคคีด้านบนอย่างสะเทือนเลือนลั่น!

“หือ?!” พวกนักพรตสือที่เป็นจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหน้าพลันเปลี่ยนสี

ในสายตาของพวกเขา ถึงกับเห็นประกายดาบของเยี่ยนตี๋ ค่อยๆ แหวกคมหอกของเสวียนเฉิงอ๋องด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้!

ดาบนี้เปิดฟ้าผ่าพิภพ และทำลายสวรรค์บดขยี้ผืนแผนดิน!

เหมือนกับแสดงขั้นตอนการเปิดโลก จนถึงการกำเนิดจุดจบ ทั้งไม่อาจต้านทานและไม่อาจขัดขืน

จิตพลังส่วนนี้ หลังจากจิตวรยุทธ์ของเยี่ยนตี๋มีผลสำเร็จ ก็ได้หลอมรวมเข้ากับทุกกระบวนท่าของเขา

เสวียนเฉิงอ๋องทอดพระเนตรมองเหตุการณ์นี้อย่างเย็นชา ตรัสอย่างราบเรียบว่า “เราไม่เชื่อว่าเจ้าจะใช้กระบวนท่านี้ได้ตลอด”

พระองค์ไม่หยุดเคลื่อนไหว ใช้กำปั้นต่างหอก พริบตาเดียวก็แทงออกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เหมือนกับห่าฝนพายุคลั่ง!

อัคคีที่คลุ้มคลั่งพัดโหมไปทั่วท้องฟ้า ม้วนคลุมมิติ

เยี่ยนตี๋เงยหน้ามองเสวียนเฉิงอ๋องที่อยู่ด้านบน สายตากลับเหมือนก้มลงมอง

วินาทีถัดมา ประกายดาบระเบิดขึ้นติดต่อกันเหมือนเดิม ไม่ยอมถอยหนี ไม่มีลังเล ทำลายสภาวะหอกของเสวียนเฉิงอ๋องทิ้งทีละเล่มๆ อีกทั้งยังโต้ตอบกลับไปไม่หยุด!

เสวียนเฉิงอ๋องพระเนตรสั่นสะท้าน “เป็นไปได้อย่างไร”

ต่อให้เยียนตี๋มีกระบวนท่าที่เหนือกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน พลังเหนือกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่การโจมตีเช่นนี้ตามเหตุผลควรสิ้นเปลืองพลังมากถึงขีดสุด ไม่อาจฝืนต่อสู้ได้นาน

การโจมตีที่เหนือกว่าขีดจำกัดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงนี้ ไฉนจึงใช้ได้ติดต่อกันไม่ขาดสาย

ทว่าความเป็นจริงก็เหี้ยมโหดเช่นนี้ เหี้ยมโหดชนิดที่ทำให้เสวียนเฉิงอ๋องที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดรู้สึกเหลือเชื่อ!

เยี่ยนตี๋สายตากระจ่างใส ใช้ปากกับจมูกหายใจ เห็นกระแสปราณสีขาวดำสองสายวนรอบทั่วทั้งร่างเขาไม่หยุดพัก

การโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อีกทั้งทุกกระบวนท่ายังเหนือขีดจำกัด ไม่อาจใช้ได้นานจริงๆ

กระนั้นเยี่ยนตี๋ในตอนนี้ได้ฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้ไปด้วย หมุนเวียนหยินหยาง เลียนแบบฟ้าดิน ความเร็วในการฟื้นฟูญาณจริงแท้เหนือกว่าคนปกติ

ประกายดาบฟันทำลายอัคคีมากมายด้วยสภาวะแยกฟ้า!

เยี่ยนตี๋เท้าเหยียบอากาศ โถมตัวขึ้นด้านบนในทีเดียว เข่นฆ่าไปถึงด้านหน้าเสวียนเฉิงอ๋อง ก่อนจะฟันดาบหนึ่งออก!

ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของคนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง กลับเป็นพระวรกายของเสวียนเฉิงอ๋องกระเด็นถอยหลัง!