บทที่ 1507 ระเบิดศึก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ร่างมหึมาสีดำขาวยืนไว้สง่าระหว่างฟ้าดิน

คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้เอิบอาบไปทั่ว ทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป

นั่นเป็นเพราะร่างมหึมานี้คือร่างเทพมหันต์ อันดับแปดของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างของมหาพันภพ!

นี่เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหมัวเฮอ ขณะเดียวกันพลังของมันก็โด่งดังไปทั้งมหาพันภพเลยทีเดียว

เนื่องจากพลังที่แข็งแกร่งของร่างเทพมหันต์ ดังนั้นเมื่อผู้คนเห็นหมัวเฮอเทียนใช้จึงพากันตกใจ

นั่นหมายความว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉินกระบวนท่าเมื่อครู่ หมัวเฮอเทียนก็เริ่มเดือดขึ้นมาแล้ว

ฟู่ ฟู่!

คลื่นหลิงก่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวนรอบร่างมหึมา ขณะที่มันยืนตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าประหนึ่งเทพ

หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพมหันต์จ้องมองไปที่มู่เฉินทั้งสามคนก่อนที่จะวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ร่างมหึมาก็อ้าปากส่งเสียงคำรามใส่พวกมู่เฉิน

โฮก!

คลื่นหลิงป่าเถื่อนกลายเป็นคลื่นเสียงพัดออกมาพร้อมกับพลังทำลายล้างรุนแรงซัดใส่มู่เฉินทั้งสามที่ไม่ทันหลบหนี

ปัง!

เผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงนี้ ร่างพวกมู่เฉินก็สั่นสะท้าน คลื่นเสียงไม่เพียงแค่ทำให้เจ็บแปลบบนผิวหนังเท่านั้น แต่ยังทะลุทะลวงเข้าไปในเลือดเนื้อได้อีกด้วย

แต่โชคดีที่กายาเซิ่งแข็งแกร่งพอ นอกจากนี้เนื่องจากรัศมีนิรันดร์ร่างกายของมู่เฉินจึงเต็มไปด้วยกำลังวังชา แม้ว่าเนื้อจะปริแตกออกจากกัน แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

แต่ถึงอย่างนั้นพวกมู่เฉินก็ยังถูกกระแทกให้ถอยกลับไปหลายหมื่นจั้ง

“นี่คือร่างเทพมหันต์ที่มีชื่อเสียงงั้นเหรอ?” ดวงตามู่เฉินเคร่งขรึมเนื่องจากสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างเทพมหันต์จากการเผชิญหน้าครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เขาสู้กับหมัวเฮอเทียนได้ด้วยร่างรองทั้งสอง แต่เมื่ออีกฝ่ายใช้ร่างเทพมหันต์ ข้อได้เปรียบที่เขาได้รับจากร่างรองก็ไร้ผลโดยสิ้นเชิง

ตู้ม ตู้ม!

ทว่าหมัวเฮอเทียนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดลอยไป ร่างเทพมหันต์แผดเสียงคำรามเหวี่ยงหมัดออกไป ทันทีใดนั้นก็กลายเป็นหมัดสีดำขาวขนาดหมื่นจั้งที่ราวกับอุกกาบาต พุ่งใส่มู่เฉินทั้งสามอย่างดุเดือด

พวกมู่เฉินถอยห่าง พริบตาก็ปรากฏตัวออกไปตรงจุดหลายร้อยลี้ ทว่ารัศมีสีดำขาวก็วูบไหวเบื้องหน้าแล้วซัดลงมาราวกับพายุ

ครืนๆ!

เมื่อหมัดควงลงมาทั่วบริเวณก็สั่นสะท้านเลื่อนลั่น ในช่วงสิบกว่าลมหายใจควันก็ฟุ้งกระจาย เทือกเขาลดระดับสู่พื้นพร้อมกับหลุมขนาดใหญ่ปรากฏ

ร่างมู่เฉินค่อยๆ ลอยขึ้นจากหลุมนั้น เสื้อผ้าขาดวิ่นมีรอยหมัดบนร่างกาย

ร่างรองทั้งสองที่ด้านข้างก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แสงสีดำและสีขาวกะพริบวูบวาบบนร่าง พยายามขัดขวางการฟื้นฟูสภาพกายาเซิ่ง

“แกคิดว่าสามารถใช้เพียงพลังกายต้านรับร่างเวทสวรรค์ของข้าได้เรอะ?” บนท้องฟ้าเสียงของหมัวเฮอเทียนเคร่งขรึมแฝงร่องรอยการเยาะเย้ย ตอนที่เขาไม่ได้นำร่างเวทสวรรค์ออกมา เขาก็ไม่สามารถทำอะไรมู่เฉินได้ แต่ด้วยร่างเวทสวรรค์ ความสามารถในการต่อสู้ก็แตะถึงจุดสูงสุดที่น่าสะพรึงกลัว

ในตอนนี้แม้แต่กายาเซิ่งของมู่เฉินก็ไม่สามารถรับได้

ที่สุดแล้วกายาเซิ่งอาจทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถต้านพลังทั้งหมดของระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางได้

ทว่ามู่เฉินกลับอหังการว่าสามารถต่อกรกับร่างเทพมหันต์ได้ด้วยพลังกายของตน ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

“ข้าแค่ลองพลังร่างเทพมหันต์ในตำนานเท่านั้นเอง” มู่เฉินยิ้มสบายๆ เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยนั่น

“ร่างมหาเทพนิรันดร์ยอมรับว่าแกเป็นเจ้านายแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่นำมันออกมา? หรือว่าแกก็ไม่สามารถควบคุมมันได้?” หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้า

ถ้ามู่เฉินไม่สามารถควบคุมร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ เขาก็มีข้อแก้ต่างมากขึ้นในการเรียกคืน

“เดี๋ยวลองดูก็รู้” มู่เฉินหรี่ตา

“ต้องลองอยู่แล้ว!”

หมัวเฮอเทียนยิ้มน่ากลัวขณะที่ดวงตาคมชัดขึ้น เมื่อมือเขาประสานเข้าด้วยกัน มือของร่างเทพมหันต์ก็ทำท่าเดียวกัน ก่อนจะค่อยๆ ดึงออกจากกัน

รัศมีสีดำขาวเต้นระริกราวกับสายฟ้าฟาด หอกยาวพันจั้งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างฝ่ามือ

“หอกมหันต์สวรรค์!”

สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นเยียบลงขณะที่ตะโกน หอกสีดำขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายไปพร้อมกับเสียงครางกระหึ่ม เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็อยู่เหนือร่างมู่เฉินแล้วซัดลงมาด้วยพลังทำลายล้างที่ไม่อาจจินตนาการได้

เสียงดังสะท้อนออกไปในระยะทางนับไม่ถ้วน

เผชิญหน้ากับการโจมตีจากหมัวเฮอเทียน แม้แต่สีหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็อดเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่พวกเขาก็ต้องประจันหน้าการโจมตีนี้อย่างจริงจัง

“จิตสังหารของหมัวเฮอเทียนถูกกระตุ้นแล้ว” สายตาของไท่หมิงเคร่งเครียดขณะมองไปที่ลั่วหลี “ถ้าคนรักของเจ้าไม่สามารถควบคุมร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ละก็ เขาตายคาที่แน่นอน แม้ว่าจะมีกายาเซิ่งช่วยเสริมก็ตาม”

มองไปที่ร่างเงาคุ้นเคย ลั่วหลีก็เห็นว่ามีร่องรอยความเคร่งเครียดในดวงตาของมู่เฉิน ทว่าไม่มีความตื่นตระหนกอย่างที่ลั่วหลีคาดไว้ ทันใดนั้นหัวใจที่ตึงเครียดของนางก็ผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่ามู่เฉินยังมีไพ่ตายอยู่ในแขนเสื้ออีก

ฟู่ ฟู่!

หอกเคลื่อนลงมาใกล้จะถึงมู่เฉินในอีกไม่กี่ลมหายใจ ขณะที่กำลังจะกระแทกร่าง มู่เฉินก็หลับตาลง

ในเวลาเดียวกันรัศมีแสงสีทองโบราณก็พุ่งออกมาจากร่างเขา ร่างที่มีความสูงหลายจั้งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแล้วพุ่งออกไปพร้อมหมัดปะทะเข้ากับหอก

เคร้ง!

เกิดการปะทะดังก้องระหว่างสวรรค์และโลก

เมื่อมองไปที่จุดปะทะ ทุกคนก็หดตาลง เพราะเห็นร่างเล็กใต้หอกขนาดใหญ่…

ทว่าแม้จะมีขนาดที่แตกต่างกันมาก แต่ร่างเล็กนั่นก็ไม่ขยับและยืนอย่างมั่นคง ที่ฝั่งตรงข้ามหอกสีดำขาวกลับถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตก…

ปัง!

เสียงระเบิดดังสนั่น หอกสีดำขาวก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ภายใต้รัศมีแสงสีดำขาว ร่างนั้นก็เคลื่อนลงมาลอยตัวอยู่ข้างหลังมู่เฉินพร้อมกับรัศมีลึกลับและโบราณหมุนคว้างโดยรอบ เอิบอาบกลิ่นอายเก่าแก่

ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนมองไปที่ร่างลึกลับด้วยความอิจฉาและตื่นเต้นในดวงตา…

แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นร่างนั้นผ่านกระจกแสงของเจดีย์วั้นกู่ แต่พวกเขาก็ยังอดสั่นสะท้านไม่ได้ เมื่อได้เห็นด้วยตาของตนเอง

นั่นเป็นเพราะนี่คือร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนาน

หนึ่งในร่างมหาเทพปฐมกาลที่ทรงพลังที่สุดในมหาพันภพ!

ในที่สุดร่างมหาเทพปฐมกาลในตำนานก็ปรากฏตัวต่อสายตาของใต้หล้าอีกครั้ง

ผู้ชมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้ เมื่อมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์พวกเขาก็รู้สึกว่าถูกล่อลวงโดยธรรมชาติ ดังนั้นหากมู่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ หัวใจก็จะรู้สึกดีขึ้นเพราะยังมีโอกาสสำหรับพวกเขา

แต่ก็น่าเสียดายเมื่อพวกเขาเห็นร่างโบราณยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน นี่ทำให้ความหวังที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกแตกสลาย…

แน่นอนว่าพวกเขาแค่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ขณะที่หมัวเฮอเทียนและผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอสีหน้ามืดมน อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น

เมื่อลืมตาขึ้นมู่เฉินก็มองไปที่หมัวเฮอเทียน “ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ทดสอบแล้วหรือยัง?”

ความโกรธพุ่งขึ้นในดวงตาของหมัวเฮอเทียน ภาพเบื้องหน้าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าร่างมหาเทพปฐมกาลยอมรับมู่เฉินเป็นเจ้าของแท้จริง สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธมาก เนื่องจากเขารู้สึกว่าถูกทรยศโดยร่างมหาเทพนิรันดร์

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเผ่าหมัวเฮอทำงานหนักเพื่อพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์มาช้านาน เจ้าของคนใหม่ก็ควรเป็นใครสักคนในเผ่า

“อย่าเพิ่งตีปีก ข้ายังไม่เห็นว่าเจ้าจะเอามันไปจากเผ่าหมัวเฮอของข้าได้!” หมัวเฮอเทียนกล่าวเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบด้วยไอเย็นเยือก หมัวเฮอเทียนวาจาใหญ่โตและดื้อด้านที่คิดจะยึดร่างมหาเทพนิรันดร์ นี่เริ่มสร้างความรำคาญให้กับมู่เฉินแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”

มู่เฉินหลุบตาลงพร้อมกับไอสังหารพุ่งออกจากร่าง ด้านหลังเขาร่างมหาเทพนิรันดร์ก็เงยขึ้นมองไปที่หมัวเฮอเทียน

“งั้นข้าก็จะใช้เจ้าทดสอบทักษะเทห์สวรรค์ของร่างมหาเทพนิรันดร์ในรอบหลายหมื่นปี…”

ร่างลึกลับที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินค่อยๆ ลอยขึ้น ไอนิรันดร์รวมอยู่ในฝ่ามือดูราวกับสามารถต้านทานการกัดกร่อนของกาลเวลาและดำรงอยู่อย่างไร้ขอบเขต

ไอนิรันดร์รวมตัวก่อเป็นลูกกลมแสง ซึ่งถูกปกคลุมด้วยลวดลายโบราณ

ร่างมหาเทพนิรันดร์ยกมือขึ้น ลูกกลมก็ลอยขึ้นซัดใส่หมัวเฮอเทียน ขณะเดียวกันปากก็ขยับพร้อมกับเสียงโบราณเปล่งออกมา

“โลก…ผนึกหนึ่งนิรันดร์”