ในหมู่ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “หึ พี่หลงหยวน ท่านโดนดูถูกเสียแล้วนะ!”
นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอีกคนที่ด้านข้างต้องกระตุกขึ้นมา “คนโง่มันไม่กลัวอะไรก็เท่านั้น! ชื่อเสียงเลื่องลือของปราการมังกรเทวะเรานั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อ หลงจิงหยวน เจ้าเองก็ไม่มีโอกาสจะชนะไปหรอก”
หลงจิงหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เรื่องราวของเรานั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าแค่รู้สึกรำคาญกับความโอหังของเจ้าเด็กคนนี้มันเหลือเกิน!”
หลงหยวนตอบกลับมา “แค่คนไร้ค่าใด! หากข้าได้ไปเจอมันในลานศึกหมอกเข้าข้าจะสังหารมันด้วยหมัดเดียวเสียให้ดู!”
หลงจิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มรับ “หวังว่ามันจะไม่ได้มาเจอท่านหรือข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึๆ”
ที่ด้านข้างเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองและยิ้มรับขึ้นมาตามๆ กัน
หลงหยวนและหลงจิงหยวนนั้นเป็นยอดคนหนึ่งมาจากปราการมังกรเทวะและอีกหนึ่งมาจากปราการมังกรดำ
และสองปราการสวรรค์นี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องพลังสายเลือดที่หนักแน่นจนเหนือล้ำกว่าปราการสวรรค์ทั้งหลายทั้งสิ้นไปมาก
คำพูดของเย่หยวนนี้มันไปทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจอย่างไม่ทันรู้ตัว
เมื่อได้เห็นเย่หยวนกล่าวพูดโน้มน้าวหลงเสี่ยวฉุนนั้น เฉินซิงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนต้องหัวเราะขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้า เด็กหัวรั้นอย่างเจ้านี้จะยอมคนเป็นด้วย”
หลงเสี่ยวฉุนหันมาเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือตอบโต้ใดๆ กลับมา
“เอาล่ะ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้าเข้าไปยังลานศึกหมอก หวังว่าจะโชคดี!”
พูดจบเฉินซิงก็ชี้นิ้วออกมาเปิดรูใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าตรามังกรสวรรค์ตรงหว่างคิ้วร้อนขึ้นมาก่อนจะดึงร่างของเขานั้นเข้าไปยังรูนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน
หลังจากที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายถูกดูดหายเข้าไปสิ้นแล้วมันก็เกิดปรากฏจอแสงฉายภาพยักษ์ใหญ่ขึ้นมาแทนที่ที่กลางลาน
บนจอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงเงาร่างของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายอย่างชัดแจ้ง
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างนั่งลุ้นตัวโก่ง หวังแค่ว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ของตนจะแสดงผลงานออกมาได้ดี
เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าดับมืดหายไปก่อนจะพบว่าตนเองได้มายืนอยู่กลางม่านหมอกหนา
ภายในหมอกนี้มันไม่อาจจะแยกเหนือใต้ออกตกใดๆ ได้
เย่หยวนต้องรีดปราณขึ้นไปที่ดวงตาก่อนที่จะเริ่มพอเห็นภาพรอบๆ ได้ราวร้อยย่างก้าว
“นี่หรือคือลานศึกหมอก? มันดูเหมือนดั่งเขาวงกต! แต่ว่า…เจ้าผลึกต้นมังกรนั้นมันน่าสนใจจนเกินจะปล่อยผ่านไป!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา
ในลานศึกหมอกนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายจะได้พบเจอกันอย่างสุ่ม
ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นจะใช้พลังของตรามังกรสวรรค์สัมผัสหาเหล่าผลึกต้นมังกรที่ตกอยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ลานศึกหมอก
ผลึกต้นมังกรนี้มันคือผลผลิตพิเศษจากเขามังกรสวรรค์นี้และยังนับเป็นหนึ่งในสมบัติทรงค่าของเผ่ามังกร!
การนำมันมาหลอมกลั่นดูดซับจะช่วยให้สามารถพัฒนาพลังสายเลือดของตนไปได้มาก ทำให้สายเลือดของคนผู้นั้นบริสุทธิ์ขึ้นและยังจะช่วยให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้นเสียด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้นผลึกต้นมังกรนี้ยังเป็นของสำคัญที่จะใช้ในการปลุกตรามังกรสวรรค์ในตัว
ตราบเท่าที่คนผู้นั้นดูดซับผลึกต้นมังกรไปมากพอพวกเขาก็จะปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้
แต่จำนวนจะใช้มากเท่าใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนต่างกันไป
จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแนวคิดหนึ่งที่กดดันลงมาทำให้พลังกายของเขานั้นลงร่วงลงไปเหลือเพียงแค่ระดับเจ็ดขั้นต้น
เมื่อพลังบ่มเพาะต่างกัน ความแตกต่างมันก็ย่อมจะมากล้น
เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันแต่ความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นได้มาก
เพราะฉะนั้นในลานศึกหมอกนี้มันจึงได้มีแนวคิดนี้กดดันพลังกายลงทำให้เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายมีพลังใกล้เคียงกันมากขึ้น
แต่ทว่าต่อให้จะถูกกดพลังลง ฝีมือของเหล่าทายาทมังกรทั้งหลายมันก็ยังจะมีความแตกต่างกันไปมาก
เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ที่บ่มเพาะปราณมาสูงส่งกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่า
“แต่น่าเสียดายที่พลังกดดันเช่นนี้มันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”
เย่หยวนปล่อยพลังพิภพโกลาหลของตนออกมาปิดกั้นพลังแนวคิดนั้นจนสิ้น
พลังจากพิภพโกลาหลของเขานั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ของมหาพิภพถงเทียน พลังภายนอกใดๆ ย่อมจะไม่อาจกดมันลงได้
แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะเพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลมาได้แต่พลังโลกของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปหลายขุม หากให้นับแล้วคงอยู่ในระดับของเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลาง
ความแตกต่างครึ่งดาวนี้มันมากพอที่จะช่วยให้เขาเอาชนะคนระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน
ไหนจะยังมีพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนั้นอีก
เวลานี้จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นที่หว่างคิ้วเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลึกต้นมังกรไม่ไกล
หลังวนไปมาอยู่ไม่นานเย่หยวนก็ได้มาเจอกับผลึกสีขาวปักอยู่ที่พื้นและมันนี่เองคือผลึกต้นมังกรที่เขาตามหา
เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาผลึกต้นมังกรและหยิบมันขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายเลือดจากผลึกต้นมังกรนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา
“วางผลึกต้นมังกรลง! แล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล
เย่หยวนหันหน้าไปมองดูและพบว่ามันเป็นทายาทมังกรสวรรค์ที่เขาไม่คุ้นหน้า
“หากข้าไม่วางมันเล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก
อีกฝ่ายจึงได้ยิ้มตอบกลับมา “หึ อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รู้จักรับ! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร?”
เย่หยวนเก็บผลึกต้นมังกรลงในแหวนและส่ายหัวออกมา “ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้เสียด้วย”
เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเขาก็ร้องบอกขึ้นมา “กล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนปราการมังกรเทวะ รนหาที่ตาย!”
เขานั้นมีนามว่าหลงเจิง เป็นอัจฉริยะอันดับสามของปราการมังกรเทวะมีกำลังฝีมือเหนือล้ำไม่น้อย
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้นี้ยังปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วด้วย!
ที่โลกภายนอกเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้พวกเขาก็ยิ้มเย้ยออกมา
“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก เวลานี้คงต้องเสียท่าแล้วใช่หรือไม่? ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่เจอก็จะเป็นหลงเจิงไป” หลงจื่อเฟิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็น
ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นตาม “หลงเจิงนี้มีฝีมือพอจะติดหนึ่งในสิบของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีโชคเสียจริงๆ!”
ทางผู้อาวุโสพิทักษ์ของปราการมังกรเทวะ หลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเก่งกาจปานใด”
ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็มั่นใจในฝีมือของหลงเจิงอย่างเต็มร้อย
ปราการมังกรเทวะของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำผู้คนเป็นทุน ทายาทมังกรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำปราการอื่นเป็นธรรมดา
หลงเจิงนั้นติดอันดับสามจากทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหมดของปราการมังกรเทวะ หากเอาไปเทียบกับปราการอื่นๆ แล้วเขาย่อมจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ชิ! เจ้าดูไปเถอะ เย่หยวนจะจัดการมันลงด้วยมือข้างเดียว!” หลงเสี่ยวฉุนกล่าวขึ้นมาขัดหลงเทียนยู่
หลงเทียนยู่ที่ได้ยินก็แทบจะสำลัก เขาได้แต่หันหน้าหนีอย่างไม่คิดกล่าววาจาใดๆ อีก
หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งพิเศษปานใด ตัวเขาไม่กล้าจะไปว่ากล่าวให้นางง่ายๆ
แต่คำพูดนี้ของหลงเสี่ยวฉุนนั้น หลงเทียนยู่ย่อมไม่คิดสนใจเชื่อใดๆ
เย่หยวนนั้นเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ไม่นาน มีหรือที่เขาจะปลุกทักษะเทวะภายในได้ แล้วมีหรือที่เขาจะต่อสู้ได้?
“เทพมังกรเหยียบสวรรค์!”
ด้วยความโกรธเคืองของหลงเจิงนั้นเขาได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สองขึ้นมาทันที
จากนั้นหว่างคิ้วของเขาก็ส่องสว่างขึ้นทำให้พลังของเทพมังกรเหยียบสวรรค์มันรุนแรงขึ้นอย่างเหนือฟ้าดิน
พลังเช่นนี้ปกติแล้วย่อมจะเอาชนะคนระดับเดียวกันได้สิ้น
เพียงแต่ว่าต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก
“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ หลงเจิงนั้นไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนใช้วิชาใดๆ ออกมา ทางเย่หยวนแค่ต่อยหมัดธรรมดาๆ สวนออกไป
เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดเคารพสั่นกลัวพลังของเขาเลยเช่นนี้ หลงเจิงก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา
“รนหาที่ตายแล้ว!”
จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น
เงามังกรที่หลงเจิงปล่อยออกมานั้นแตกสลายลงพร้อมด้วยร่างของเขาที่เหมือนดั่งถูกค้อนหนักทุบเข้ากลางอก ลอยลิ่วปลิวออกไปด้านหลัง
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”
“เขานั้นไม่ได้ใช้วิชาวรยุทธใดๆ แต่กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยแค่พลังกายอย่างนั้นหรือ?”
“บ้าไปแล้ว! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชามารใด?”
…
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเย่หยวนที่ไม่ได้ใช้วิชากระบวนท่าใดๆ ออกมานี้กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยหมัดเปล่าๆ หนึ่งหมัด
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาจักรบ่มเพาะของฝ่ายหนึ่งเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก
แต่พวกเขานี้เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันทั้งยังมีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน แล้วเหตุใดเย่หยวนจึงสามารถทำได้ปานนี้เล่า?
……………………..