บทที่ 1806 สิ่งที่ไร้ไมตรีที่สุดก็คือครอบครัวกษัตริย์

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อย่าว่าแต่ประมุขชิง แม้แต่ซ่างกวนชิงก็ยังอกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้ฟัง เขาพบว่าเจ้าเวรหนิวโหย่วเต๋อปากไม่มีหูรูดจนติดเป็นนิสัยแล้ว ลองคิดดูว่าตอนแรกด่าใครว่าชายผู้หญิงแลกเกียรติยศ ถ้าไม่ใช่เพราะโพ่จวินออกโรงปกป้อง ก็แทบจะโดนเล่นงานตายไปแล้ว ยังมีสันดานเดิมแก้ไม่หาย! ตอนแรกบอกว่าปัสสาวะลงกระโถนเดียวกับฝ่าบาทไม่ได้ ตนอหลังก็บอกอีกว่าฝ่าบาทไม่ควรค่าให้ถวายความจงรักภักดี นี่เป็นการเร่งรนหาที่ตายชัดๆ!

“เขาพูดอย่างนี้จริงเหรอ?” ประมุขชิงจ้องตาซือหม่าเวิ่นเทียนด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง สงสัยนิดหน่อยว่าหนิวโหย่วเต๋อโง่ขนาดนั้นจริงหรือเปล่า ไม่รู้เชียวหรือว่าอะไรควรพูดต่อหน้าคนอื่นหรือไม่ควรพูดต่อหน้าคนอื่น?

ซือหม่าเวิ่นเทียนตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็เรียกสติกลับมา ตระหนักได้แล้วว่าคำพูดของตัวเองมีปัญหา ทำให้ประมุขชิงสงสัยว่าตัวเองจะวางกับดักหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า ในใจเรียกได้ว่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แค่หนิวโหย่วเต๋อต่ำต้อยคนเดียวควรค่าให้ตนสิ้นเปลืองความคิดมาวางแผนซ้ำเติมด้วยเหรอ ตัวเองกับหนิวโหย่วเต๋อไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน จึงรีบอธิบายว่า “เขาพูดอย่างนี้จริงๆ ขอรับ แต่พูดกับผู้หญิงของตัวเองเป็นการส่วนตัว สายลับของหน่วยตรวจการซ้ายได้รับความไว้วางใจจากหนิวโหย่วเต๋อเต็มที่แล้ว”

“หึหึ…” ประมุขชิงแสยะยิ้มแล้วเงียบไป

ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนสังเกตสีหน้าและคำพูด ใครจะคิดว่ารออยู่ตั้งนานแต่ไม่เห็นประมุขชิงพูดอะไรเสียที เห็นเพียงสายตประมุขชิงเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง

สุดท้ายก็ไม่ได้ยินประมุขชิงเอ่ยว่าต้องากรสั่งสอนเหมียวอี้ กลับเห็นประมุขชิงที่เงียบไปพักหนึ่งกล่าวช้าๆ ว่า “สายลับคนนั้นของหน่วยตรวจการซ้ายทำได้ดีมาก ตบรางวัลหนักๆ”

“ขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเอ่ยรับ ในใจกลับพึมพำว่า หน่วยตรวจการซ้ายสร้างผลงานใหญ่มากมายแต่ไม่ได้รับคำชมอะไร แต่สายลับข้างกายหนิวโหย่วเต๋อรายงานสถานการณ์ขึ้นมานิดหน่อยก็ทำให้ฝ่าบาทเอ่ยปากชมได้แล้ว ทั้งยังเอ่ยปากเองด้วยว่าจะตบรางวัลอย่างงาม

เขาเหล่ตามองปฏิกิริยาของซ่างกวนชิง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้เขาหาเบาะแสไม่ได้ อย่าบอกนะว่าทางหนิวโหย่วเต๋อเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว?

ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าประมุขชิง จึงไม่สะดวกถามซ่างกวนชิง

ใครจะคิดว่ายังไม่จบเพียงเท่านี้ ประมุขชิงบอกอีกว่า “หน่วยตรวจการซ้ายต้องพยายามปิดบังตัวตนของสายลับให้เต็มที่ อย่าให้นางถูกเปิดโปง ในอนาคตข้ามีเรื่องต้องใช้งานนางอีก”

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ซือหม่าเวิ่นเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งงงเหมือนหมอกลงเต็มสมอง แต่ก็ยังเอ่ยรับด้วยความเคารพ “ขอรับ!”

ประมุขชิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก โบกมือให้เขาถอยอกไป แล้วครุ่นคิดอะไรเงียบๆ อีกพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินไปยืนพิงระเบียงทอดสายตามองปราสาทราชวังที่อยู่ไกลๆ

“หยวนจุนดูเหมือนเด็กที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ความจริงยังอ่อนหัดมาก”แประมุขชิงถอนหายใจเบาๆ

ตรงนี้ไม่มีคนนอก คำพูดนี้เขาพูดให้ตัวเองฟัง ซ่างกวนชิงก้าวขึ้นมาข้างกาย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ “อายุขององค์ชายก็ไม่น้อยแล้ว เมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันก็นับว่าสุขุมเยือกเย็นเช่นกันขอรับ”

ประมุขชิงส่ายหน้าเบาๆ “สิ่งที่เรียกว่าสุขุมเยือกเย็นล้วนเป็นมารดาที่บีบให้เขาทำ การได้เป็นลูกชายข้านับว่าเป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายของเขา เขายังขาดประสบการณ์ขัดเกลา ถามหน่อยว่าเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อทำตอนอายุเท่านี้ หยวนจุนจะรับมือไหวหรือเปล่า?”

ซ่างกวนชิงรีบบอกว่า “ชาติกำเนิดต่างกัน ประสบการณ์ต่างกัน บางอย่างที่ต่างกันก็พอเข้าใจได้ขอรับ ถึงอย่างไรองค์ชายก็ยังอ่อนเยาว์ ให้เวลาเคี่ยวกรำอีกสักหน่อย ก็ย่อมสุกงอมเป็นผู้ใหญ่เองขอรับ”

ประมุขชิงชี้เขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกอยู่เลยว่าหยวนจุนอายุไม่น้อยแล้ว ตอนนี้กลับมาบอกว่าหยวนจุนยังอ่อนเยาว์ ขนาดเจ้ายังเป็นอย่างนี้เลย นี่ก็คือข้อแตกต่างด้านสภาพแวดล้อมระหว่างหยวนจุนกับหนิวโหย่วเต๋อ คนหนึ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ราบรื่น คนหนึ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุปสรรค”

ไม่รอให้ซ่างกวนชิงพูดอะไรปลอมๆ อีก ประมุขชิงพูดข่มคำพูดขาเสียเลย “เซี่ยโห้วท่าเพิ่งตาย เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนอยากวัดกับเซี่ยโห้วลิ่งสักหน่อย สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง?”

ซ่างกวนชิงครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ความเคลื่อนไหวใหญ่ๆ นั้นไม่มี เพียงแต่บรรดาเหนียงเหนียงในวังติดต่อกับข้างนอกบ่อยไปหน่อย”

“เห็นหรือยังล่ะ นี่แหละผู้หญิงของข้า!” ประมุขชิงแสยะยิ้ม แล้วถามอีกว่า “ทางตระกูลเซี่ยโห้วมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง?”

“ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรขอรับ เพียงแต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่หายตัวไปอย่างลึกลับ” ซ่างกวนชิงตอบ

“หายไปอย่างลึกลับ?” ประมุขชิงหันมาถาม “เป็นใครบ้าง?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “บรรดาอนุภรรยาของเซี่ยโห้วท่า นอกจากคนที่มีลูกแล้วติดตามลูกไป ที่เหลือก็หายไปทั้งหมดขอรับ ตามรายงาน เมื่อแอบร่ายอิทธิฤทธิ์สำรวจพวกข้าวของเครื่องใช้ของเซี่ยโห้วท่า ก็พบว่าในนั้นมีศพผู้หญิงจำนวนมาก แม้จะไม่ได้ตรวจดูให้ละเอียด แต่ก็เดาได้ว่าคงจะเป็นพวกอนุภรรยาที่หายไป น่าจะถูกฝังไปพร้อมเซี่ยโห้วท่าแล้ว”

ประมุขชิงพยักหน้าเบาๆ “นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ละคนเป็นยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากในใต้หล้า ทั้งยังมีหลายคนด้วย เมื่อได้ชื่อว่าเคยผ่านเซี่ยโห้วท่ามาแล้ว คนข้างหลังก็ไม่สะดวกจะยุ่งมากเกินไป เวลาเปลี่ยวเหงาเกินทนก็จะเกิดเรื่องสกปรมโสมมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เซี่ยโห้วท่าเป็นวีรบุรุษแห่งยุค มีหรือที่จะยอมให้เกิดเรื่องน่าหัวเราะเยาะเช่นนี้ ฝังไปด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมาชาติ ข้าเองก็หลีกหนีประตูผีนั่นไม่พ้น…” พูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก สายตากวาดมองสิ่งปลูกสร้างทั้งเล็กทั้งใหญ่ในวัง พร้อมกล่าวเสียงเย็นว่า “บรรดาสนมในวังหลังของข้าก็จัดการตามนี้เช่นกัน!”

ซ่างกวนชิงค่อนข้างตกใจ เมื่อยามนั้นมาถึง คนที่จะถูกฝังไปด้วยคงนับได้หลักหมื่น ปากกลับกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “ฝ่าบาทต้องผ่านด่านนั้นได้แน่นอนขอรับ!”

“ในเมื่อใช้รูปลักษณ์สร้างความสำราญให้คน เมื่อคนไม่อยู่แล้ว จะอยู่เพื่อสร้าความสำราญให้ใครล่ะ?” ประมุขชิงกล่าวเสียดสี และไม่อยากพัวพันกับประเด็นนี้อีก วกกลับมาพูดประเด็นหลักแล้ว “อานุภาพของเซี่ยโห้วท่ายังหลงเหลือ แม้จะมีคนอยากวัดฝีมือเซี่ยโห้วลิ่ง แต่ก็ไม่ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เช่นนั้นข้าจะส่งสัญญาณให้เอง ปลุกความกล้าให้ใครบางคนสักหน่อย เริ่มจากวังหลังของข้าก็แล้วกัน!”

“หา!” ซ่างกวนชิงอุทานตกใจ คนตระกูลเซี่ยโห้วในวังหลัง นอกจากราชีนีสวรรค์แล้วยังจะมีใครอีก? เขารีบถามว่า “ฝ่าบาท มีหรือที่องค์ชายจะมองมารดาที่แท้ๆ ของตัวเอง…”

ประมุขชิงยกมือตัดบท  “เด็กนั่นควรผ่านอุปสรรคเสียบ้าง ถ้าข้าไม่บังคับสักหน่อย จะมีคนกล้าแตะต้องเขายังไง”

ซ่างกวนชิงเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน ที่แท้ก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่เป็นลูกชายของฝ่าบาทเอง “ฝ่าบาท สิ่งนี้โหดร้ายกับองค์ชายเกินไปมั้ยขอรับ?”

“ความโหดร้ายที่ข้ามีต่อเขายังเหลือทางหนีทีไล่ให้บ้าง ถ้าถึงคราวที่คนอื่นโหดร้ายกับเขาเมื่อไร ใครจะปรานีเขาล่ะ? หยกที่ไม่ผ่านการเจียระไนย่อมใช้งานไม่ได้!” ประมุขชิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ซ่างกวนชิงถอนหายใจเบาๆ “หากองค์ชายแค้นฝ่าบาทเพราะเรื่องนี้ จะไม่กลายเป็นทำให้เรื่องแย่ลงหรือขอรับ?”

ประมุขชิงตอบว่า “หากจะแค้นก็ต้องดูว่าตัวเองมีความสามารถนั้นหรือเปล่า หากข้ายังอยู่ในตำแหน่งนี้ ต่อให้เขาแค้นก็ต้องทนต่อไป หากข้าสลายไปราวกับหมอกควันเหมือนเซี่ยโห้วท่าเมื่อไร ก็ปล่อยให้เขาแค้นไปเถอะ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่อย่างดี…ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป เรียกสนมสวรรค์จ้านหรูอี้กลับวัง!”

ซ่างกวนชิงแอบทอดถอนใจไม่หยุด ศพเซี่ยโห้วท่ายังไม่ทันเย็น ทางนี้ก็จะรับจ้านหรูอี้กลับมาเสียแล้ว เกรงว่าจะไม่ให้คนบางคนคิดมากก็คงยาก คนพวกนั้นจะต้องอาศัยโอกาสนี้หยั่งเชิงประมุขชิงแน่นอน ทว่าในเมื่อประมุขชิงตัดสินใจอย่างนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงโค้งตัวเอ่ยรับคำสั่ง “ขอรับ!”

เมื่อออกมาจากอุทยานสายัณห์ ซ่างกวนชิงก็ถูกซือหม่าเวิ่นเทียนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกดักไว้อีก

“เรื่องวันนี้เป็นยังไงกันแน่?”

ซือหม่าเวิ่นเทียนถูกทำให้เลอะเลือนนิดหน่อย ถ้าไม่ถามให้ชัดเจน ก็กลัวว่าตัวเองจะแสดงอะไรโง่ๆ ออกมา ย่อมต้องดึงตัวซ่างกวนชิงมาถามให้รู้ชัด

“เป็นยังไงอะไรล่ะ?”

“เจ้าจะแกล้งโง่กับข้าทำไม ฝ่าบาทไม่ได้เตรียมจะสั่งสอนหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ เหรอ?”

ซ่างกวนชิงพยักหน้าสื่อว่าเป็นเรื่องจริง จากนั้นหันตัวเดินไป เขายังมีงานต้องทำอีก

ซือหม่าเวิ่นเทียนคว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้ “เรื่องวันนี้ไม่มีต้นสายปลายเหตุ เจ้าชอบเห็นข้าทำงานแบบเลอะเลือนเหรอ หรือเจ้าจงใจจะวางกับดักข้า?”

“ดูเจ้าพูดเข้าสิ ข้าวางกับดักอะไรเจ้า?” ซ่างกวนชิงสะบัดแขนเสื้อแต่กลับสะบัดไม่ออก ซือหม่าเวิ่นเทียนดึงแน่นไม่ยอมปล่อย ซ่างกวนชิงนับว่ามองออกแล้ว ว่าถ้าวันนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน อีกฝ่ายก็จะเกาะแกะไม่ปล่อยแน่นอน เขาถึงได้พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเราอายุมากแล้ว อยู่กับองค์ชายไปทั้งชีวิตไม่ได้หรอก”

ชั่วพริบตานั้นซือหม่าเวิ่นเทียนพอจะเข้าใจบ้างแล้ว และรู้สึกตกใจเช่นกัน ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “อย่าบอกนะว่าฝ่าบาทจะ…”

ซ่างกวนชิงพยักหน้าอย่าแฝงความหมายลึกซึ้ง

ซือหม่าเวิ่นเทียนระแวงไม่หยุด “แต่หนิวโหย่วเต๋อพูดจาล่วงเกินแบบนั้น ชัดเจนแล้วว่าไม่ยอมถวายความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทจะยอมทนได้ยังไง?”

ซ่างกวนชิง “เขาบอกว่าไม่อยากถวายความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท แต่ก็ยังบอกว่าเหลือเพียงองค์ชายที่เป็นทางหนีทีไล่ ทั้งใต้หล้าเขาจะจงรักภักดีต่อองค์ชายคนเดียวเท่านั้น เขาเชื่อฟังองค์ชาย ส่วนองค์ชายก็เชื่อฟังฝ่าบาท!” พูดจบก็ค่อยๆ คลายนิ้วออกจากแขนเสื้อของอีกฝ่าย แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป

ชั่วขณะนี้ ซือหม่าเวิ่นเทียนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่าทำไมประมุขชิงจึงต้องการให้เขาปกป้องสายลับคนนั้นไว้ ทำไมถึงบอกว่าในอนาคตจะมีเรื่องให้ใช้งาน ที่แม้ก็เตรียมไว้ให้องค์ชายนี่เอง เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า “ขนาดนี้ยังบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรอีกเหรอ? พูดจาล่วงเกินเบื้องบนขนาดนั้นแต่ไม่น่าเชื่อว่ายังพลิกชะตาได้ เจ้าเด็กนั่นช่างดวงดีจริงๆ…เฮ้อ!” เขาส่ายหน้าแล้วหันตัวเดินจากไป

ตำหนักนารีสวรรค์ ชิงหยวนจุนที่เข้ามาในวังย่อมต้องมาหามารดา เขายังไม่ทันออกไป ก็เห็นเอ๋อเหมยรีบร้อนวิ่งเข้ามาแล้ว นำข่าวที่ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งเรียกสนมสวรรค์จ้านหรูอี้กลับวังมาบอก

ชิงหยวนจุนที่นั่งยกถ้วยชาอยู่ข้างๆ นิ่งชะงัก เขาเคยเจอสนมสวรรค์จ้านหรูอี้ที่งานเลี้ยงอุทยาน ไม่เคยพูดคุยกันจริงจัง

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่สีหน้าแย่มาก ถามว่า “ข่าวนี้ยืนยันหรือยัง?”

เอ๋อเหมยก็กล่าวด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน “เหนียงเหนียง ข่าวไม่ผิดแน่เพคะ ตอนที่ผู้การซ่างกวนถ่ายทอดคำสั่งนี้ นางในที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยิน ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของฝ่าบาทจริงๆ เพคะ คนที่รับคำสั่งมาก็ออกไปแล้ว”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หน้าซีดทันที  เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว  นั่งลงราวกับไร้วิญญาณ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเครียดแค้น “ฝ่าบาทใจร้ายนัก ต่อให้เจ้าจะโปรดปรานนางแพศยานั่นขนาดไหน แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าแม่ของลูกบ้างสิ ท่านปู่ของหม่อมฉันเพิ่งจะจากโลกนี้ไป กระดูกยังไม่ทันเย็นเลย!” จากนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมา “ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน ข้าจะไปพบฝ่าบาท!”

เอ๋อเหมยมาขวางนางไว้ “เหนียงเหนียง ฝ่าบาทไปหาสนมฉินแล้วเพคะ เกรงว่าตอนนี้คงกำลังสำราญอยู่ ถ้าเหนียงเหนียงไปทำลายบรรยากาศ เกรงว่าจะทำให้เรื่องแย่ลง ทางตระกูลบอกมาว่า ฝ่าบาททำแบบนี้แสดงว่าได้ไตร่ตรองมาแล้วแน่นอน เหนียงเหนียงไปหาก็ไม่มีปรระโยชน์ ฝ่าบาทอาจจะไม่ยอมพบเหนียงเหนียงก็ได้ ถ้าเหนียงเหนียงเคลื่อนไหวแล้วแต่ยังไม่ได้พบฝ่าบาท ก็อาจจะทำให้คนอื่นหัวเยาะด้วยซ้ำ ทางตระกูลบอกมาว่าให้เหนียงเหนียงคอยดูสถานการณ์เงียบๆ เพื่อเตรียมรับมือ ตอนนี้ไปห้ามไม่ให้สนมสวรรค์กลับวังก็ไม่ได้ผลอะไรเพคะ!”

การที่สามารถพูดแบบนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าก่อนจะมารายงานนาง อีกฝ่ายรายงานสถานการณ์ให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้ล่วงหน้าแล้ว

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กัดริมฝีปากเงียบๆ ทำสีหน้าราวกับเสียขวัญ

ชิงหยวนจุนนั่งเม้มริมฝีปากอยู่อย่างนั้น เขารู้ว่าถ้าผู้หญิงคนโปรดของเสด็จพ่อมาเมื่อไร แม้แต่เสด็จแม่ก็ยังต้องหวาดกลัวสามส่วน สถานการณ์ภาพรวมของวังหลังจะเปลี่ยนแปลงไปมากทันที เมื่ออีกด้านหนึ่งมีคนสำคัญคอยต้านทาน อำนาจการตัดสินใจที่วังหลังก็จะไม่อยู่ที่มารดาของเขาอีกแล้ว แล้วยามเขาเจอกับผู้หญิงคนนั้น เขาควรจะจัดการกับตัวเองอย่างไร?

“ให้ข้าอยู่เงียบๆ สักหน่อย!”

รวมชิงหยวนจุนไว้นนั้นด้วย ทุกคนในห้องล้วนถูกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไล่ออกไป เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็หยิบระฆังดารามาติดต่อเหมียวอี้ทันที นางต้องการถามถึงแผนที่จะรับมือ

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เริ่มกลัวแล้ว นางไม่รู้ว่าจู่ๆ ประมุขชิงทำอย่างนี้เพราะมีเจตนาอะไร หรือว่าเป็นเพราะท่านปู่นางเพิ่งจากไป จึงทำให้ฝ่าบาทไม่กังวลที่จะลงมือกับตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว? ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็อย่าว่าแต่นางเลย เกรงว่าแม้แต่ลูกชายนางก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว ที่โหดเหี้ยมที่สุดก็คือครอบครัวกษัตริย์!

……………………