ตอนที่ 1102: การบุกรุกของร้อยเผ่าพันธุ์ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1102: การบุกรุกของร้อยเผ่าพันธุ์ (2)

ชายชราทั้งสองคนที่ออกมาจากรอยแยกของมิติจ้องไปที่ขนสัตว์อสูรอันใหญ่ที่ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา ในขณะที่ดวงตาของพวกเขาก็เผยความทึ่งออกมา หนึ่งในนั้นพูดออกมา “ข้าไม่คิดว่าความปั่นป่วนที่มากมายขนาดนี้จะมาจากขนสัตว์อสูรแปลก ๆ ชิ้นนี้เลย ข้าสงสัยจริงจริงว่ามีความลึกลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้น”

ชายชราอีกคนจ้องอย่างตั้งใจไปที่ขนสัตว์อสูรแล้วครุ่นคิด เขาพูด “แปลกจริง ทำไมข้าถึงได้รุ้สึกว่าขนสัตว์อสูรชิ้นนี้มันเหมือนกับขนสัตว์อสูรที่อยู่บนชั้นสูงสุดของคลังสมบัติที่นิกายเฉินเซียวเลย ? แค่ขนาดเท่านั้นที่ต่างออกไป”

ชายชราทั้งสองเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเฉินเซียว

“ฮืม ? เมื่อเจ้าพูดถึงมันขึ้นมาตอนนี้ มันก็ดูคล้ายจริงจริง แต่ไม่สำคัญหรอก พวกเราจำเป็นต้องเอามันไป” ชายชราอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา เขาก้าวไปข้างหน้าและเคลื่อนเข้าไปห่างร้อยเมตรจากขนสัตว์อสูร

ในตอนนี้เอง ประตูมิติอีกอันก็ถูกเปิดขึ้นมา ชายวัยกลางคน 2 คนที่มีเคราก็เดินออกมาในชุดรัดรูป สายตาของพวกเขาเป็นประกายในตอนที่พวกเขาเห็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเฉินเซียวกำลังเอื้อมมือออกไป หนึ่งในนั้นต่อยออกไปแต่ไกลทันที หมัดแหวกอากาศไปและพลังงานที่มหาศาลก็พุ่งไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดราวกับมังกร

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับสองของนิกายเฉินเซียวคำรามออกมา ในตอนที่เขากำลังจะได้ทันทำอะไร เขาก็ถูกพันธนาการเอาไว้จากพลังแห่งการมีอยู่ของชายวัยกลางคนอีกคน

ผู้อาวุโสสูงสุดที่พยายามจะเอาขนสัตว์อสูรเข้าใจความแข็งแกร่งของหมัดนี้ดี เขาเคร่งเครียดและล้มเลิกที่จะคว้าเอาขนสัตว์อสูร เขาโจมตีด้วยฝ่ามือด้วยความเร็วดุจสายฟ้าเพื่อที่จะปะทะกับหมัด

ไม่มีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างที่คิด พลังงานทั้งสองปะทะกันกลางอากาศและหักล้างกันไปเอง พลังงานทั้งคู่หายไป

พวกเขาอยู่เหนือขึ้นไปจากพื้นไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และมีเมืองขนาดกลางที่มีคนหลายล้านคนอยู่ด้านล่างของพวกเขา ถ้าพวกเขาโจมตีออกไปสุดแรงด้วยพลังของเซียนราชา พลังงานที่เหลือคงจะทำลายล้างไปทั่วเมืองด้านล่าง มันคงจะทำให้คนหลายแสนหรืออาจจะหลายล้านตาย พวกเขาทั้งคู่จะคงจะได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์หลังจากนั้น

พวกเขาจำเป็นต้องควบคุมการโจมตีของพวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองที่มีผู้คนหนาแน่นแบบนี้

“คนของตระกูลโม่หยวน พวกเรานิกายเฉินเซียวเจอขนสัตว์อสูรนี้ก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นของพวกเรา เจ้าต้องการที่จะขโมยมันไปจากพวกเราอย่างนั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดจากนิกายเฉินเซียวตะโกนออกไป

“เลิกไร้สาระได้แล้ว ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ ที่พวกเจ้าจะมาหลอกได้ เจ้าคิดว่ามันจะเป็นของนิกายเฉินเซียวเพียงเพราะแค่เจ้าพูดแบบนั้นอย่างนั้นหรือ ? ข้าก็พูดได้ว่ามันเป็นของตระกูลโม่หยวนถ้าเป็นอย่างนั้น” ชายวัยกลางคนที่ต่อยออกมาเหยียด

“คนของนิกายเฉินเซียว ขนสัตว์อสูรนี้เป็นของตระกูลโม่หยวน กรุณาออกไปทันทีด้วย ข้าไม่อยากให้องค์กรทั้งสองของพวกเราต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อะไรแบบนี้” ชายวัยกลางคนจากตระกูลโม่หยวนเอ่ยออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองของนิกายเฉินเซียวหน้าซีดเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาตะโกนออกไปอย่างโกรธจัด “ตระกูลโม่หยวน พวกเจ้าจะไม่ทำตัวหยิ่งผยองไปหน่อยหรือ ? พวกเจ้าคิดว่านิกายเฉินเซียวของพวกเรากลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

เปลือกนอกนั้น ตระกูลผู้พิทักษ์เป็นองค์กรที่ทรงพลังที่สุดบนทวีปและมีความรับผิดชอบในการปกป้องทวีป แต่พวกเขาก็มีความขัดแย้งกันบ่อย ๆ ภายใน พวกเขายังต่อสู้กันด้วยในบางครั้ง

ชายวัยกลางคนเหยียดออกมา ทั้งสองแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองของนิกายเฉินเซียวเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวทั้งสองคนนั้น ทันใดนั้นเอง หนึ่งในพวกเขาก็ยื่นมือออกไปหาขนสัตว์อสูร

“เจ้าอย่าบังอาจเอาของที่เป็นของนิกายเฉินเซียวไปนะ!” ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองจะยอมให้คนของตระกูลโม่หยวนเอาของที่เป็นของพวกเขาไปได้อย่างไร ? พวกเขาร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับตระกูลโม่หยวน

หลังจากที่ปะทะกันหลายครั้ง มิติรอบ ๆ ก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง จู่ ๆ ประตูมิติก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้งและเซียนราชาก็ออกมาจากประตูมิติ พวกเขาเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลและบางคนก็ดูเหมือนคนธรรมดา

นอกเหนือไปจากคนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบแล้ว หัวหน้าของตระกูลโบราณหลายตระกูลพร้อมทั้งคนที่ไร้สังกัดก็ปรากฎตัวขึ้นมาด้วย

สถานการณ์ค่อนข้างยุ่งเหยิงกับการที่พวกเขามาถึง คนของนิกายเฉินเซียวและตระกูลโม่หยวนหยุดต่อสู้กันและยืนอยู่เฉย ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่นี่มีชีวิตชีวาเสียจริง ข้าไม่คิดว่าคนที่มีชื่อเสียงหลายคนจะมาที่นี่เลย ยังไงก็เถอะ มันมีสมบัติแค่ชิ้นเดียว แต่พวกเรากลับมีกันหลายคน มันยากที่จะแบ่งกันจริง ๆ ” เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์หัวเราะออกมา

“หืม คนที่ไม่ต้องการจะยุ่ง ให้ออกไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าบางคนไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” ชายชราหัวล้านสั่งออกมาอย่างเย็นชา เขาจ้องไปที่หัวหน้าตระกูลโบราณและคนที่ไร้สังกัดที่อ่อนแอกว่าเขา เขาทำอะไรขวานผ่าซากมาก

เซียนราชาที่อ่อนแอกว่าซึ่งไม่ได้อยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์ก็แสดงท่าทางย่ำแย่ออกมาทันทีในตอนที่พวกเขาได้ยินคำสั่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรกับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์แม้ว่าพวกเขาจะโกรธเกรี้ยวเพียงใด ดังนั้นบางคนจึงเปิดประตูมิติและจากไปทันที

ในตอนที่พวกเขาจากไป มีเพียงประมาณ 20 คนเท่านั้นที่เหลืออยู่ นอกเหนือจากคนที่เป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์ มีจอมยุทธหลายคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและไม่กลัวตระกูลผู้พิทักษ์

ชายหัวล้านเลิกคิ้วขึ้นขึ้นอย่างพอใจในตอนที่เขาทำให้เซียนราชาบางคนกลัวและหนีไปด้วยการพูดเพียงแค่ประโยคเดียว เขาพูดต่อ “ในตอนนี้ พวกเราคุยกันว่าพวกเราจะแบ่งสมบัติกันยังไงดีกว่า”

ทันทีที่ชายหัวล้านพูดจบ มิติใกล้ ๆ ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ประตูมิติใหญ่ปรากฎขึ้นมาอย่างกะทันหันและพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ไหลออกมาจากด้านใน มันทำให้จอมยุทธทั้งหมดของตระกูลผู้พิทักษ์ตกตะลึง และพวกเขาก็สติหลุดไปสักพัก

จอมยุทธยี่สิบถึงสามสิบคนออกมาจากประตูมิติอย่างรวดเร็วมากด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล มีคนในกลุ่มที่เป็นเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดด้วย คนกลุ่มนี้ทรงพลังมาก

ทันทีที่คนกลุ่มนี้ออกมาจากประตูมิติ พลังงานมหาศาลก็ปกคลุมไปรอบ ๆ พวกเขาชักเอาอาวุธออกมาและเริ่มโจมตีเซียนราชามนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ในขณะที่หนึ่งในเซียนราชาขั้นสูงสุดก็พุ่งไปที่ขนสัตว์อสูร เขาคว้ามันไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโยนมันเข้าไปในแหวนมิติ

“บัดซบ พวกมันเป็นคนของร้อยเผ่าพันธุ์ ! ” ผู้อาวุโสสูงสุดจากตระกูลผู้พิทักษ์จำคนเหล่านั้นได้ ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่ตะโกนออกไป เขาไม่ลังเลและเอาอาวุธเซียนออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับพวกนั้น

เซียนราชามนุษย์ที่เหลือทั้งตั้งสติและเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่มีใครสนใจขนสัตว์อสูรอีกแล้ว ทั้งหมดเอาอาวุธเซียนออกมาเพื่อต่อสู้กับศัตรู พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้กับจอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์นั้น เป็นการต่อสู้ที่ถึงตาย พวกเขาจะไม่ปราณีเพียงเพราะว่าทางนี้เป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์

มีจำนวนเซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์มากกว่าของมนุษย์อยู่เล็กน้อย บวกกันการที่ร้อยเผ่าพันธุ์มีเซียนราชาขั้นสูงสุดนำทัพอยู่ มนุษย์จึงตกอยู่ในความเสียเปรียบทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น

ไม่มีใครกล้าลงมือเต็มกำลัง ถ้าควันหลงของการต่อสู้ไปฆ่าเอาคนบริสุทธิ์หลายแสนหรือหลายล้านคนเข้า พวกเขาก็จะไม่สามารถจากไปจากที่นี่ได้แน่แน่ ดังนั้น ยังไม่มีมีอะไรที่รุนแรงมากมายนัก ในขณะที่เซียนราชากำลังต่อสู้กับอยู่กลางอากาศ มีมิติที่แตกออกและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

“พวกเจ้ากล้าดียังไง ? เจ้าคิดว่าชีวิตมันสุขสบายเกินไปงั้นหรือ ? ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเราไม่ไปโจมตีพวกเจ้าเลยตามที่พวกเราตกลง แต่เจ้ายังบุกรุกเข้ามาในทวีปเทียนหยวนของพวกเราอีก”

“คนของร้อยเผ่าพันธุ์ เจ้ากำลังจะประกาศสงครามกับทวีปเทียนหยวนอย่างนั้นหรือ?”

เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์สบถออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะที่พวกเขากำลังขับไล่ร้อยเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดใช้ทักษะลับเพื่อติดต่อกับตระกูลของพวกเขาอย่างลับ ๆ

“เราได้ของแล้ว อย่าเสียเวลาที่นี่เลย พวกเราไปกันเถอะ” เซียนราชาขั้นสูงสุดที่เอาขนสัตว์อสูรไปสั่งการอย่างเย็นชาก่อนที่จะถอยไปอย่างรวดเร็ว เขาสร้างประตูมิติในเขตที่มิติคงที่และจากไป

จอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์ก็เลิกที่จะต่อสู้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดกระแทกคู่ต่อสู้ออกไปด้วยการโจมตีที่รุนแรงของพวกเขา ก่อนที่จะหายไปในประตูมิติอย่างรวดเร็ว

ในพริบตาเดียว เซียนราชาทั้งหมดของร้อยเผ่าพันธุ์ก็หายไปทันที มันน้อยกว่า 20 ลมหายใจตั้งแต่ที่พวกเขามาถึง เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกะทันหันมาก

เซียนราชามนุษย์ทั้งหมดลอยอยู่ด้วยใบหน้าย่ำแย่ บางคนยังมีเลือดไหลออกมาที่มุมปากด้วย การต่อสู้นั้นสั้นมาก แต่พวกเขาบางคนก็ได้รับบาดเจ็บ

“ร้อยเผ่าพันธุ์ พวกเจ้ากล้าดียังไงที่มาบุกรุกทวีปเทียนหยวน พวกเราจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่” ชายชราหัวล้านจากตระกูลผู้พิทักษ์คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า จิตสังหารที่ทรงพลังเปล่งรัศมีออกมาจากเขา

ในครั้งโบราณกาล มนุษย์ของทวีปเทียนหยวนไม่ใช่คู่มือของร้อยเผ่าพันธุ์ แต่ยุคสมัยก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกมนุษย์อาศัยอยู่บนทวีปเทียนหยวนที่อุดมปด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ในขณะที่ร้อยเผ่าพันธุ์นั้นอยู่ในทวีปแห่งความสูญเปล่าที่กันดาร ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ใกล้เคียงกับทวีปเทียนหยวนเลย พวกเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อน

จู่ ๆ ประตูมิติอีกสองสามอันก็เปิดขึ้นมา เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์บางคนก็รีบมาถึงที่นี่ตามการร้องขอความช่วยเหลือ

“เกิดอะไรขึ้น?” เซียนราชาที่เพิ่งมาถึงถามเสียงทุ้ม

“ร้อยเผ่าพันธุ์ พวกนั้นจู่ ๆ ก็มาบุกรุกทวีปของพวกเราและขโมยเอาสมบัติไป”

..

เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือตระกูลโบราณ หนึ่งในสองขนสัตว์อสูรของทวีปอยู่ในเมืองขนาดกลาง ในขณะที่อีกชิ้นหนึ่งถูกเก็บอยู่ในตระกูลโบราณ ขนสัตว์อสูรทั้งสองเป็นที่ดึงดูดความสนใจของจอมยุทธหลายคนในทวีป แต่ขนสัตว์อสูรทั้งหมดก็ตกอยู่ในมือของจอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์ที่จู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นมาในที่สุด

การรุกรานของร้อยเผ่าพันธุ์และการกระทำของพวกเขาที่เอาขนสัตว์อสูรไปทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์และจอมยุทธที่อยู่ในระดับสูงสุดเกิดความสงสัยมาก พวกเขาสาบานว่าจะหาคำอธิบายในเรื่องนี้ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนของตระกูลผู้พิทักษ์กำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องร้อยเผ่าพันธุ์ จอมยุทธอีกหกกลุ่มก็มารวมกันอยู่ด้านนอกนิกายเฉินเซียว นิกายโพเทียน นิกายหยางจิ สำนักดาบทรราช สำนักธูปสวรรค์ และตระกูลโม่หยวนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ

แม้ว่าสถานที่ที่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบอยู่จะถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี แต่คฤหาสน์ของตระกูลก็ไม่เป็นความลับสำหรับจอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์