ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 118 เทวทูตจากดินแดนอื่น

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

คำพูดของเปี๋ยยั่งหงจงใจให้มู่ฮูหยินกับชุดดำได้ยิน

มู่ฮูหยินยืนเอามือไพล่หลัง ดูราวกับทอดตามองท้องทะเลกว้างใหญ่ สีหน้าดูเคร่งขรึมอย่างมาก ไม่ตอบคำถามเขา

ต้นไม้ริมหน้าผาถูกทำลายไปด้วยเจตจำนงหมัด แต่ที่ซึ่งชุดดำยืนอยู่ยังคงเป็นเงาของต้นไม้นั่น

เงากระดำกระด่างตกลงบนร่างเขา บดบังรูปลักษณ์ของเขาเอาไว้ แต่ไม่อาจกลบเสียงเขาได้

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากชุดดำแล้วจากนั้นก็สั่นสะเทือนไปทุกทิศทางราวกับฟ้าร้องคำราม

สีหน้าเปี๋ยยั่งหงค่อยๆ สงบ ทว่าอารมณ์กลับดิ่งลง

เขามาวันนี้เพื่อล้างแค้นให้ลูกชาย แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าเขากลับต้องมาตายที่นี่

เสียงดังเคล้ง แขนเสื้อเขาลอยขึ้น ภาพกระบี่ก่อตัวขึ้นจากประกายดาวบริสุทธิ์ในมือเขา มันฟันใส่เมฆขาวที่อยู่ห่างไปหลายพันจั้ง

มีเสียงบดราวกับภูเขาถล่มลงกับพื้น เมฆขาวส่ายไหวอยู่ครู่หนึ่งแล้วดอกไม้แดงก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดง มันกลับสู่ภูเขาลอยอยู่เหนือศีรษะเปี๋ยยั่งหงอย่างระแวดระวังที่สุด

เมฆขาวสลายตัวไปและแสงสีทองก็แผ่ออกสว่างจนบาดตา

หากชุดดำไม่วางผนึกเอาไว้ก่อน แสงนี้คงจะทำให้ทั่วต้าลู่แตกตื่นไปแล้ว

ในตอนนี้ มีแค่ไม่กี่คนบนสองฝั่งแม่น้ำแดงที่ได้เห็นแสงนี้

แต่เพราะมันสว่างเกินไป ย่อมไม่อาจมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนั้น

เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้มองเห็น สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดผิดปกติ

สามารถมองเห็นความสับสนและหวาดกลัวในดวงตาของอู๋ฉยงปี้

ร่างสองร่างค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในแสงไร้สิ้นสุด

ปีกสีขาวกว้างหลายสิบจั้งกระพือช้าๆ อยู่ด้านหลังพวกเขา

ร่างทั้งสองเปลือยเปล่า ร่างกายมีส่วนเว้าส่วนโค้งสมบูรณ์แบบและบริสุทธิ์ไร้รอยด่างพร้อย ไม่มีอะไรพิเศษบนร่างกายและไม่อาจที่จะบอกเพศของพวกเขาได้

ร่างกายและปีกแผ่ลำแสงนับไม่ถ้วนออกมา พวกเขาดูศักดิ์สิทธิ์อย่างที่สุดแต่ก็เปี่ยมไปด้วยเจตจำนงในการทำลายล้าง

คนทั้งสองเป็นใครกัน พวกเขามาจากไหน

……

……

“เทวทูตแสงศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว พวกเจ้าสองคนยังคิดขัดขืนอีกหรือ”

เสียงชุดดำมืดมนเยือกเย็นผิดปกติ แต่เทียบกับในอดีตพันปีก่อนมันกลับมีอารมณ์อันยากอธิบายผสมอยู่ด้วย

ภาพของคนทั้งสองที่เขาเรียกว่า ‘เทวทูตแสงศักดิ์สิทธิ์’ นั้นส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาอยู่บ้าง

ตำนานกลายเป็นจริงแล้วยังปรากฏตรงหน้าเขา เปี๋ยยั่งหงตกใจอย่างมากจริงๆ

แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าลู่ ดังนั้นเขาย่อมฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็ว

และตอนที่สายตาเขามองผ่านแสงไปทางเทวทูตทั้งสอง เขาก็เปลี่ยนเป็นเฉยชา

“ด้วยตัวประหลาดไม่ชายไม่หญิงสองตัวนี่น่ะหรือ”

ยากจะบอกได้ว่าสองคนที่เรียกว่า ‘เทวทูตแสงศักดิ์สิทธิ์’ เข้าใจคำพูดของเขาหรือไม่

การต่อสู้เริ่มขึ้นในทันที

ลำแสงสองสายไม่สนระยะห่างหลายพันจั้งระหว่างพวกเขากับภูเขานั่น ดูเหมือนทะลวงผ่านมิติมาถึงเปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้

แสงไร้สิ้นสุดตามพวกเขามาด้วย พร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวและการโจมตีศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง

ในแสงสว่างบาดตา เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้ได้เห็นหน้าเทวทูตแบบใกล้ๆ เป็นครั้งแรก แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น

เทวทูตทั้งสองมีใบหน้าสมบูรณ์แบบและสีหน้าก็ไม่แยแสอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่มีอารมณ์ของมนุษย์มีแต่ความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

ตรงกลางหว่างคิ้วเป็นแสงโค้ง ดูงดงามศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ

ดูผ่านดวงตามนุษย์ เทวทูตทั้งสองดูคล้ายกันมาก มีแต่ในแง่ของปราณที่ต่างกัน หนึ่งนั้นกระด้างอย่างมากในขณะที่อีกหนึ่งโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง แต่ทั้งคู่ต่างขาดความเป็นมนุษย์ พวกเขาเหมือนกับสิ่งไร้ชีวิต เหมือนกับคลื่นทะเลรุนแรงหรือน้ำแข็งเย็นเยียบ

ประกายกระบี่ฉีกผ่านคลื่นแสงไปทางเทวทูตที่แข็งกระด้าง แต่มันถูกปีกทั้งสองรับเอาไว้

เปี๋ยยั่งหงรู้สึกรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ราวท้องฟ้าพร่างดาวผ่านประกายกระบี่นี้

กระบี่ลวงตาที่ก่อตัวขึ้นจากประกายดาวสลายไปในทันที

ดอกไม้แดงส่งเสียงหวีดขึ้น กลีบดอกไม้บานออก กันสะเก็ดดาวและคลื่นแสงเอาไว้

ตูม!

รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนภูเขา เศษหินปลิวขึ้นในขณะที่หลุมลึกหลายจั้งปรากฏขึ้น

เปี๋ยยั่งหงยืนอยู่ก้นหลุม มือทั้งสองยกขึ้น

เทวทูตลอยอยู่กลางอากาศ มือหนึ่งกดลงมา

สถานการณ์อีกฝั่งหนึ่งอันตรายยิ่งกว่า

เห็นเทวทูตลงมาจากท้องฟ้า อู๋ฉยงปี้นึกถึงตำนานที่นางเคยอ่านตอนเป็นเด็กในศาลาหวันโสว นางเริ่มรู้สึกกลัวและไม่สบายใจ จิตใจสั่นไหว นางพบว่ามันยากที่จะรักษาเส้นทางแห่งจิตของตนเองได้ ทำให้ทะเลบัวสั่นไหวอย่างไม่สบายใจและมีช่องว่างในการป้องกันของนาง เทวทูตเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งผ่านช่องว่างนั้น ลำแสงฟันลงมาราวกับกระบี่!

เสียงดังฉึบ แขนซ้ายของอู๋ฉยงปี้ขาดออก เลือดสีทองเจิดจ้าพุ่งออกยามที่มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ครั้นได้ยินเสียงภรรยากรีดร้อง เปี๋ยยั่งหงก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาผลักผว่ามือออก ขับไล่เทวทูตด้วยประกายดาวและปราณแท้ที่สะสมผ่านการบำเพ็ญเพียรหลายร้อยปี เขารุดไปอยู่ตรงหน้าอู๋ฉยงปี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือขวาสร้างกระบี่จากประกายดาวขึ้นอีกครั้งเพื่อไล่เทวทูตอีกคนออกไป

ดอกไม้แดงบินกลับมาและโคจรรอบเปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้ มันแผ่ปราณที่น่ากลัวเหมือนกับดาวตก ทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง

แค่ประมือครั้งเดียว เปี๋ยยั่งหงก็รู้ว่าเทวทูตทั้งสองจากดินแดนเซิ่งกวงนั้นน่ากลัวมาก

เทวทูตนี้ดูเหมือนจะสามารถเข้าใจและใช้กฎของโลกได้ตามสัญชาตญาณ หากเทียบพวกเขากับระบบการบำเพ็ญเพียรของต้าลู่ พวกเขาย่อมเป็นยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากแสงศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์ที่สุด มั่นคงจนไม่อาจทำลายได้ แม้แต่ราชสกุลของเผ่ามารก็ไม่อาจเทียบพวกเขาได้ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเขามีความเร็วเหนือจินตนาการและตอบสนองอย่างว่องไว เหมือนกับพวกเขาเป็นลำแสงของจริง สามารถรุกและถอยตามใจได้โดยไม่สนกฎเกณฑ์ทั้งปวง

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง แม้แต่เปี๋ยยั่งหงที่เป็นอันดับสูงในหมู่ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังพบว่ามันยากลำบากมาก ส่วนอู๋ฉยงปี้นางไม่อาจทนรับได้แม้แต่ครั้งเดียว หากไม่ใช่เพราะเปี๋ยยั่งหงตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีความเร็วเป็นเลิศ นางอาจตายไปแล้ว

อู๋ฉยงปี้รู้ว่าสถานการณ์อันตรายอย่างมากดังนั้นนางจึงกัดฟันอย่างดื้อดึงไม่ส่งเสียงเลยสักนิด ไม่สนความเจ็บปวดที่มาจากท่อนแขนที่ขาด พลังโจมตีศักดิ์สิทธิ์ยังอาละวาดอยู่ภายใน ไม่ยอมให้นางใช้ประกายดาวรักษาแผล อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่อาจห้ามใบหน้าไม่ให้ซีดขาวและดวงตาแสดงความหวาดกลัวได้

เปี๋ยยั่งหงเห็นสภาพน่าอนาถของภรรยา ดวงตาเย็นเยียบและความโกรธพุ่งขึ้น

เทวทูตทั้งสองลอยอยู่กลางอากาศมองลงมาทางอู๋ฉยงปี้กับเปี๋ยยั่งหงอย่างเฉยเมย

เทวทูตแข็งกระด้างมองไปที่แขนขาดของอู๋ฉยงปี้ เห็นเลือดสีทองหยดลงมา เทวทูตก็พลันพูดขึ้น

มันพูดด้วยสีหน้าเฉยชา แต่น้ำเสียงผึ่งผายอย่างที่สุด

มันใช้ภาษาของดินแดนเซิ่งกวง แต่ละพยางค์ซับซ้อนโบราณ

ว่าตามเหตุผล ไม่มีใครบนหน้าผาจะสามารถเข้าใจได้ว่ามันพูดอะไร

แต่เมื่อคำพูดถูกลมเย็นของภูเขาพัด มันก็กลายเป็นภาษาของต้าลู่อย่างลึกลับ

“ขโมยไฟจริงๆ ด้วย เจ้าดูหมิ่นเทพเจ้า จึงต้องตาย”